- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 14 September 2017 16:15
- Hits: 2408
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวต้าน 1650 แนวรับสำคัญ 1638
SET Index: 1650.43 ปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1650 จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น แต่เราคาดว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1650-1654 จุดยังคงมีความเสี่ยงในการถูกขายทำกำไร เนื่องจากเป็นแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาขึ้น และมีแนวรับที่สำคัญที่ 1638-1640 จุด ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิค และมีแนวรับถัดไปที่ 1620 จุด
แนวต้าน : 1650 และ 1652
แนวรับ : 1647 และ 1644
PTT = 404 / 410, IVL = 41.50 / 42.50, BEM = 7.90 / 8.10, KCE = 91.50 / 93.00, PTTEP = 87.50 / 88.50
KGI Securities (Thailand) (KGI TB; THB 4.06) – ซื้อ
แนวต้าน : 4.20 และ 4.30 / เป้าหมาย 4.80
แนวรับ : 4.06 และ 4.02
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 70
แนะนำซื้อ KGI โดยมีแนวรับที่ 4.06 และ 4.02 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 4.20 และ 4.30 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 3.92 ลงไป
Thai Rubber Latex Corporation (TRUBB TB; THB 2.22) – ซื้อ
แนวต้าน : 2.40 และ 2.50
แนวรับ : 2.22 และ 2.18
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากปรับตัวลดลงไปสร้างฐานที่บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 70
แนะนำซื้อ TRUBB โดยมีแนวรับที่ 2.22 และ 2.18 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 2.40 และ 2.50 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.06 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 761-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…ทางเลือกที่มีอยู่
ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ขึ้นมาทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1650+/- จุด ถือเป็นสถิติการขึ้นสูงสุดในรอบหลายๆปี ที่ระดับดังกล่าวดัชนีตลาดหุ้นไทย (MSCI Thailand) ขึ้นมาเล่นที่ค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าที่ 14.6 เท่าเทียบสูงสุดในปี 2016 ที่ 15 เท่า แม้ยังมีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะขึ้นไปเล่นที่ค่า P/E 15 เท่า แต่ในช่วงกลาง ส.ค. ถึงต้น ต.ค. เรามองยังมีโอกาสที่ตลาดจะผันผวน แต่หากผ่านไปได้ดัชนี SET น่าจะขึ้นไปสร้างสถิติสูงสุดใหม่ได้ ซึ่งยังต้องติดตามดูงบ Q3/17 ดังนั้นเมื่อดัชนีขึ้นมาในระดับ 1650+/- จุด เรามองดัชนีน่าจะเริ่มย่อตัวลงไปเล่นที่กรอบ 1600-1610 จุดหรือต่ำกว่านั้นหากเกิดความผันผวนในตลาดหุ้นขึ้นมาอีก
ปัจจัยที่มองว่ายังหน่วงตลาดในช่วงข้างหน้าคือ 1. กลุ่มที่จะหนุนตลาดอย่าง พลังงาน สื่อสารและธนาคาร เริ่มขาดปัจจัยหนุน 2. เม็ดเงินไหลเข้ายังน้อย 3.อัตราการทำกำไรของตลาดยังต่ำเมื่อเทียบภูมิภาค และ 4. ปัญหาการแข็งตัวของค่าเงินบาท อาจส่งผลต่อภาคส่งออก ส่วนปัจจัยหนุนคือ 1.ตัวเลขมหภาคฟื้นตัว 2.ตลาดค่อยๆ คลายความกังวลในหลายๆ ด้านโดยเฉพาะการเมืองภายใน และ 3. การ Valuation ทั้ง ค่า P/E และ P/BV 12 เดือนล่วงหน้ายังถือว่าต่ำเมื่อเทียบภูมิภาค
หากช่วงสั้นนี้ตลาดยังไม่สามารถขึ้นไปทะลุ 1650+/- จุดได้ ดัชนีน่าจะซึมตัวลงจากแรงขายทำกำไรเพื่อไปลุ้นงบ Q3/17 เนื่องจากเมื่อกลับมาดูกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญๆ ของตลาดในวันที่ 28 ส.ค.ที่ดัชนี SET พุ่งขึ้นทะลุ 1600 จุดได้ พบว่าทุกอุตสาหกรรมต่างดีดตัวขึ้นหมด จากรูปด้านซ้าย พบว่ากลุ่ม ขนส่ง ขึ้นสูงสุดที่ 6% ตามมาด้วย ค้าปลีก 5.7% สื่อสาร 5.6% อสังหา 4.4% ธนาคาร 3.5% อาหาร-เครื่องดื่ม 2.9% พลังงาน 2.8% ชิ้นส่วน 2.1% โรงแรมและปิโตรเคมี 1.9% ตามลำดับ การดีดตัวขึ้นในลักษณะดังกล่าวหากจะขึ้นต่อ จะต้องมีปัจจัยหนุนที่ดีจริงๆเข้ามา แต่ตอนนี้ดูเหมือนลักษณะการเล่นเริ่มมีการหมุนกลุ่ม สลับแรงซื้อหุ้นที่ยังขึ้นได้น้อย แล้วขายหุ้นหลักที่เคยหนุนดัชนี ภาพที่เกิดขึ้นเรามองว่าตลาดเริ่มอ่อนแรงและพร้อมที่จะเกิดแรงขาย
แม้หุ้นในกลุ่มหลักๆ ต่างปรับตัวขึ้นแต่มีหุ้นดีที่อยู่ใน SET 50 หลายๆ ตัวยังติดลบ นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน จากรูปด้านขวา เราแสดงราคาหุ้น 9 บริษัทที่ถือว่ายัง Underperform และ Undervalue ที่น่าจะลดความเสี่ยงลงได้ในช่วงที่ยังมีความไม่แน่นนอน เราพบว่าหุ้น KCE ลงลึกสุดที่-27.5% ตามมาด้วยTRUE -15.4% BANPU -12.5% THCOM/CK -11.3% BDMS -10.8% CpF-9.6% STEC -8.0% และ TU -6.6% หุ้นเหล่านี้หลายๆ ตัวแรงกดที่เคยเกิดเริ่มคลายตัวลง อย่าง KCE THCOM TRUE
ทิศทางดัชนี SET ท้ายสัปดาห์ หากยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆ น่าจะเกิดแรงขายทำกำไร หลังดัชนีขึ้นมาใกล้ 1650+/- จุด กลยุทธ์ในช่วงนี้ หากมีหุ้นแนะนำให้ทยอยขายโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มหลัก แต่หากไม่มีแล้วอยากเล่นสั้น ก็ให้เข้าซื้อเก็งกำไรหุ้น KCE BANPU AAV IVL วันนี้มองดัชนีจะเริ่มแกว่งกรอบแคบทั้งแดนบวกและลบแต่อาจจะมีแรงซื้อหุ้นที่ขึ้นได้น้อย วันนี้มองแนวต้านที่ 1648-1652 จุดแนวรับที่ 1639-1635 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 761-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,650.43 จุด เพิ่มขึ้น 7.49 จุด (+0.46%) มูลค่าการซื้อขาย30,710.55 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นทดสอบระดับ 1650 จุดอีกครั้ง โดยมีแรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงกลุ่มธนาคาร และอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวเลข CPI ของสหรัฐ (คืนนี้)
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย แกว่งขึ้นต่อ ความมั่นใจเริ่มฟื้นตัวกลับมา ทำให้มีลุ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1655 จุด โดยสัญญาณเก็งกำไรยังหนุนตลาดต่อเนื่อง ปัจจัยหลักยังมาจากสภาพคล่องในประเทศ เรามองว่ามีโอกาสที่ SET จะเข้าทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1655จุด และ 1568 จุด มองหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวยังมีโอกาสดีดตัวขึ้นต่อได้ หลังราคาหุ้นยังปรับตัวน้อยกว่าตลาด เรามองหุ้นน่าสนในในกลุ่มนี้เป็น AAV THAI MINT TRUE CENTEL
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
KGI Securities (Thailand) (KGI TB; THB 4.06) – ซื้อ
Thai Rubber Latex Corporation (TRUBB TB; THB 2.22) – ซื้อ
Cash Balance Preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance ในสัปดาห์หน้า : ECF, GCAP*, SPVI* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts :
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]