- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 13 September 2017 20:29
- Hits: 2846
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนี เปิดตลาดปรับขึ้นทัน ที่แกว่งตัวขึ้นทำจุดสูงสุดของวนที่ 1646.16 จุด เพิ่มขึ้น 8.62 จุด โดยเป็นการเก็งกำไรจากหุ้นขนาดใหญ่-กลาง นำโดย SCB, ROBINS, ASIAN, SCC, HMPRO, SCC, HMPRO, COM7 SGP พร้อมกับแกว่งตัวผันผวนสลับขึ้นลงที่อยู่ในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน โดยมีจุดต่ำสุดของวันที่ 1639.14 จุด เพิ่มขึ้น 1.60 จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 7.02 จุด ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1643.55 จุด เพิ่มขึ้น 6.01 จุด (+0.37%) มูลค่าการซื้อขาย 51,234 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนี วานนี้ยังเดินหน้าต่อในลักษณะยก High-Low ท่ามกลางสัญญาณเตือนในชิงลบที่พร้อมจะปรับฐานได้ตลอดเวลา โดยขยับขึ้นทำ High ที่ 1646 จุด เข้าใกล้ High เดิม (1647) บวกกับมีความพยายามยืน 1640 จุดตลอดทั้งวัน ก่อนที่จะทำปิดที่ 1643 จุด จากภาพดังกล่าวทำให้ดัชนีมีแนวโน้มที่จะฝ่า 1647 จุดและขยับเข้าใกล้ 1650 จุด ในทางกลับกันหากยืน 1640 จุดไม่ได้ให้ระวังการปรับฐาน เพื่อสร้างฐานใหม่ในการการขึ้น แนวต้าน 1646-1649 จุด แนวรับ 1635-1639 จุด
แกว่งตัวผันผวน - มีโอกาสขยับ High แต่ให้ระวังการปรับฐานเช่นกัน
Support 1630 // 1600 จุด Resistance 1650-1655 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
ปรับฐานในระหว่างวัน รอการขึ้น
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯมีโอกาสเดินหน้าต่อ แต่ยังมีความเสี่ยงจากการปรับฐานช่วงสั้น หลัง SET Index ขึ้นมาเร็วกว่าตลาดอื่นๆ .... ตลาดหุ้นทั่วโลกลดความวิตกในตัวแปรสำคัญหลายตัว อาทิ พายุที่พัดเข้าสหรัฐฯ เป็นส่วนหนึ่งให้ Fed ชะลอการปรับลด QE แต่ตัวแปรของตลาดที่ยังไม่ชัดเจนนัก แม้ตลาดต่างประเทศจะลดระดับความกังวลลงก็ตามคือ ปฎิกริยาของเกาหลีหลังถูก Sanction รอบใหม่ว่าจะทำการใดๆ ในช่วงนี้หรือไม่ ..... ปัจจัยในประเทศ จะยังเป็นตัวหนุนให้ดัชนีฯมีโอกาสพลิกกลับขึ้นมาเหนือ 1650 จุด ได้อีกครั้ง หลังผ่านการปรับฐานสั้นๆ ไปแล้ว โดยแนวรับของการปรับฐาน เรามองไว้ที่ 1635 จุด
กลยุทธ์การลงทุน : กลยุทธ์ที่น่าจะใช้ตลอดสัปดาห์นี้ คือ take profit หุ้นขึ้นมามากและราคาเริ่มทรงตัว หรือสลับตัวเล่น ไปอยู่ที่หุ้นที่นักลงทุนสถาบันฯให้ความสนใจ รวมไปถึง หุ้น laggard ของแต่ละกลุ่ม ..... โดยเราให้ความสนใจกับหุ้นอิงทิศทางเศรษฐกิจ ที่คาดกำลังซื้อน่าจะฟื้นตัวได้ในอีกไม่ช้า หลังรัฐฯเร่งทำโครงการและการใช้จ่ายซึ่งจะเป็นบวกต่อ หุ้นมีฐานรายได้ในต่างจังหวัด หุ้นค้าปลีก และหุ้นธนาคาร เป็นกลุ่มที่เราจะเห็นการสลับตัวเล่นในกลุ่มได้ค่อนข้างชัดเจน โดยหุ้น SCB และ TCAP สั้นๆ อาจกลับขึ้นมาแทนหุ้น KBANK และ BBL ที่มีแรงซื้อค่อนข้างมากในช่วงก่อนหน้านี้
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน: สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ GLOBAL*, BCH, HANA, HTECH, SINGER
หุ้นแนะนำทางเทคนิค: WORK, ASIAN, APURE
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (12 ก.ย.) ปิดที่ระดับ 1,643.55 จุด เพิ่มขึ้น 6.01 จุด หรือ +0.37% มูลค่าการซื้อขาย 51,233.64 ล้านบาท ตลาดปรับตัวขึ้นได้ในลักษณะเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังพายุเออร์มามีความรุนแรงน้อยกว่าคาด
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,118.86 จุด เพิ่มขึ้น 61.49 จุด หรือ +0.28% ตลาดปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง นำโดยกลุ่มการเงินหลังผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับตัวสูงขึ้น พร้อมทั้งพายุเออร์มาอ่อนกำลังลง .... เช่นเดียวกับ Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 381.42 จุด
ปัจจัยต่างประเทศ: ยังคงได้รับผลบวกต่อเนื่องจากการอ่อนกำลังลงของพายุเออร์มา แต่สถานการณ์เกาหลีเหนือเป็นลบเล็กน้อย สถานการณ์พายุเออร์มาได้อ่อนกำลังลงกลายเป็นพายุดีเปรสชั่นโซนร้อน ส่วนพายุเฮอร์ริเคนโฮเซ่กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันออกของบาฮามาส และคาดว่าจะยังคงอ่อนกำลังลงต่อไป ประเด็นดังกล่าวส่งผลบวกต่อเนื่องต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
ภาพเกาหลีเหนือเป็นลบเล็กน้อย โดยมีการกล่าวว่า "เกาหลีเหนือจะใช้มาตรการตอบโต้การคว่ำบาตรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และจะทำให้สหรัฐตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา" ต้องติดตามว่าทางสหรัฐฯจะมีการตอบโต้อย่างไรโดย แหล่งข่าวระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเดินทางเยือนจีนเป็นครั้งแรกในเดือนพ.ย.
ราคาน้ำมันเป็นบวก ส่งผลดีต่อหุ้นไทย สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ +0.3% ปิดที่ 48.23 ดอลลาร์/บาร์เรล จากรายงานของกลุ่มโอเปกที่ระบุว่าการผลิตน้ำมันของโอเปกปรับตัวลดลงในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีนี้ การผลิตน้ำมันของโอเปกลดลง 79,100 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค. โดยอยู่ที่ระดับ 32.76 ล้านบาร์เรล/วัน .... ประเด็นดังกล่าวส่งผลบวกต่อหุ้นผู้ผลิตน้ำมัน เช่น PTTEP
ปัจจัยในประเทศ: 2 ประเด็นที่น่าสนใจจากมติ ครม. วานนี้ วานนี้ มติ ครม. ที่สำคัญ 2 เรื่องได้แก้ 1) กำหนดโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ในสินค้า 3 รายการ ได้แก่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และไพ่ โดยจะมีการประกาศอัตราใหม่ในราชกิจจานุเบกษาในวันศุกร์ที่ 15 ก.ย. และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ก.ย.60 ยังไม่ประกาศรายละเอียด และ 2) พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งเป็นการเพิ่มอำนาจกระทรวงการคลังในการกู้เงินเพื่อบริหารสภาพคล่องของเงินคงคลัง
หุ้นนำเสนอข้อมูลในงาน Opp Day วันนี้ได้แก่ ATP30, SEAFCO, SNP, ASIAN, WORK
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
GLOBAL*
(ราคาปิด 15.40) เป็นหนึ่งในหุ้นที่เรามองว่าเป็นบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อในเขตภูมิภาค ... ผลประกอบการที่ลดลงในช่วง 2Q17 (-6% YoY, -11% QoQ) ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ประเมินผลประกอบการต่อจากนี้จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวขึ้นดีกว่าคาด และการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอกี 2 แห่ง .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 เติบโต +7.2% YoY ที่ 34,109 ล้านบาท .... (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 200.00 บาท)
BCH
(ราคาปิด 15.00) BCH เป็นอีกหนึ่งหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่ราคาหุ้นยัง laggard และได้ประโยชน์จากคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นค่า RW เร็วๆนี้ ..... คาดว่ากำไรสุทธิใน 2H17 จะเติบโตได้โดดเด่นจากแรงหนุนของการปรับค่าต่างๆ ของประกันสังคม การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ และ WMC เริ่มมี EBITDA เป็นบวก โดยตสดกำไรสุทธิทั้งปีเติบโต +16.2% ที่ 875 ล้านบาท.... สำหรับแผนงานต่างๆ ของ BCH ยังคงตามกำหนดการเดิมที่ตั้งไว้ ประกอบด้วย Greenfield Project 5 โครงการ และ Renovation อีก 6 โครงการ ซึ่งจะค่อยๆ ทยอยแล้วเสร็จในช่วงปี2017 - 2020 ..... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 16.40 บาท)
HTECH
(ราคาปิด 11.20) บริษัทดำเนินธุรกิจ Cutting Tools สำหรับสินค้าประเภท Hard Disk Drives (HDD) ซึ่งตัวเลขส่งออกล่าสุดสินค้าประเภทชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์เติบโตถึง +7.5% …. ส่งผลให้คาดปีนี้ HTECH เติบโตประมาณ 35% YoY นอกจากนี้ การขยายโรงงานแห่งใหม่ จะทำให้ฐานรายได้ของบริษัทสูงขึ้นด้วย .... (ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 10.30 บาท แต่อยู่ระหว่างการพิจารณาปรับประมาณการ)
HANA
(ราคาปิด 43.50) แนะนำ HANA ต่อเนื่องจากวันก่อน โดยยังได้ผลบวกจากมุมมองค่าเงินบาทที่จะอ่อนค่า และ เรามองว่า HANA ได้รับผลบวกจากการที่กระทรวงการคลัง แนะให้ ธปท. อยู่ดูมาตรการแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทแข็งด้วยการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยลง อีกทั้งราคาหุ้น HANA ปรับตัวลงมาก่อนหน้านี้ ทำให้ P/E ปรับลดจาก 18 เหลือ 12 เท่า .... กำไร 2Q-17 อยู่ที่ 676 ล้านบาท +62% YoY และ -17% QoQ …. ไตรมาส 3 เป็นช่วง High season ของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่า HANA จะมีผลประกอบการ 2H17 สูงกว่า 1H17 คาดกำไรสุทธิทั้งปี 2017 ที่ 2,932 ล้านบาท เติบโต 39.3% YoY …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 57.00 บาท)
SINGER
(ราคาปิด 12.50) เศรษฐกิจภูมิภาคที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นผลบวกต่อ SINGER …. แม้จะคาดการณ์กำไรสุทธิ -53% ในปีนี้ แต่คาดจะเติบโตได้ดีมากในปี 2018 ที่ 262% แนวโน้มค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองลดลง, การขยายธุรกิจเข้าสู่สินเชื่ออเนกประสงค์ "รถทำเงิน" คาดปี 2017 ที่ 0.65 พันล้านบาท …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 13.80 บาท)
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
(+) ANAN จากการเข้าร่วมการเสนอข้อมูลจากงาน Opportunity Day สรุปได้ดังนี้ ปัจจุบัน ANAN มียอด Backlog ที่จะรอโอนในงวด 2H17 แล้วถึง 1.63 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะในงวด 4Q17 ที่คาดว่าจะมียอดโอนเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากจะมีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่จำนวน 6 โครงการ ซึ่งจะมีโครงการไฮไลท์ที่เตรียมโอน คือ โครงการ Ashton Asoke ที่มีมูลค่าโครงการสูงถึง 6.8 พันล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายครบ 100% แล้ว ส่งผลให้คาดว่ากำไรสุทธิ 4Q17 จะทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาสได้ ขณะที่ผลการดำเนินงานรวมทั้งปี 2017 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องที่ 1,857 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% YoY เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ เป้าหมายปี 2017 ที่ 6 บาท
(+) SAT จากการเข้าร่วมการเสนอข้อมูลจากงาน Opportunity Day สรุปได้ดังนี้ บริษัทคาดรายได้ปีนี้จะเติบโตราว 1-2% YoY เป็นไปตามภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คาดว่าจะมียอดผลิตรถยนต์ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 1.9 ล้านคัน ขณะที่ยอดขายในกลุ่มเครื่องจักรกลการเกษตรจะปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน โดยคาดว่าปีนี้จะมีการผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรอยู่ที่ 6.7 หมื่นคัน เพิ่มขึ้น 14% YoY ทั้งนี้ SAT คาดว่าผลการดำเนินงาน 2H17 จะดีกว่า 1H17 โดยคาดว่า 3Q17 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ ตามคำสั่งซื้อที่เข้ามามาก นอกจากนั้น ยังอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ (Tier-1) จำนวน 1 ราย ในการรับงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เพื่อการส่งออก คาดว่าจะเห็นความชัดเจนใน 4Q17 ภาพรวมกำไรสุทธิปี 2017 เราคาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,677 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.3% YoY โดยคาดกำไรสุทธิได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q17 และคาดว่าจะทยอยปรับตัวดีขึ้นในงวด 2H17 เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ เป้าหมายปี 2017 ที่ 19 บาท
(+) กลุ่มสายการบิน จากประเด็นที่ คสช.ให้สถาบันการบินพลเรือนเป็นผู้พิจารณาไม่ให้บริษัทหรือองค์กรใดที่ประกอบการเดินอากาศจัดเที่ยวบินระหว่างประเทศ ในช่วง 1 ก.ย.60 -31 ม.ค.61 เพื่อให้สอดรับกับที่ทางองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เรามองว่าไม่มีผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มสายการบินไทย เนื่องจากทุกสายการบินไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ผ่านการตรวจสอบ Recertification และสามารถให้บริการได้ตามปกติ แนะนำ AAV เป็น Top Pick ของกลุ่ม ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 7.40 บาท
Source: KTBST Research
Analyst
Mongkol Puangpetra
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
+662 648 1127
[email protected]