- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 13 September 2017 20:26
- Hits: 2831
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวต้านถัดไป 1654-1655
SET Index: 1650.87 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องทะลุผ่านแนวต้านที่ 1644 จุดขึ้นไป ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายยังคงหนาแน่นต่อเนื่อง แต่เราคาดว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1650-1654 จุดยังคงมีความเสี่ยงในการถูกขายทำกำไร เนื่องจากเป็นแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาขึ้น และมีแนวรับที่สำคัญที่ 1640 จุด ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิค และมีแนวรับถัดไปที่ 1620 จุด
แนวต้าน : 1652 และ 1654
แนวรับ : 1644 และ 1640
PTT = 404 / 408, AOT = 56.50 / 57.50, ADVANC = 192 / 194, KBANK = 212 / 214, TMB = 2.40 / 2.44
Union Auction (AUCT TB; THB 6.70) -ซื้อ
แนวต้าน : 7.10 และ 7.25 / เป้าหมาย 8.00
แนวรับ : 6.70 และ 6.60
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้น ในขณะแนวโน้มหลักราคาหุ้นสามารถทะลุผ่านแนวโน้มขาลงขึ้นไปได้แล้ว
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทดสอบระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 60
แนะนำซื้อ AUCT โดยมีแนวรับที่ 6.70 และ 6.60 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 7.10 และ 7.25 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 6.40 ลงไป
IFS Capital (Thailand) (IFS TB; THB 3.62) -ซื้อ
แนวต้าน : 3.80 และ 3.90
แนวรับ : 3.60 และ 3.58
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณจุดสูงสุดเดิม ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 70
แนะนำซื้อ IFS โดยมีแนวรับที่ 3.60 และ 3.58 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 3.80 และ 3.90 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 3.42 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 761-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…ดูทั้ง 2 รูปแล้ว จะไปต่อหรือปรับตัวลง ตัดสินที่กำไรใน Q3/17
ดัชนี ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องทั้งจากแรงซื้อของต่างชาติและกองทุนในประเทศ ถือเป็นปัจจัยเชิงบวกกับตลาด แต่จะไปต่อหรือย่อตัวลงมา เรามองว่าปัจจัยที่ใช้ตัดสินคือ กำไรใน Q3/17 เนื่องจากเป็นปัจจัยที่อิงกับพื้นฐานของตลาดโดยตรง สำหรับตอนนี้เป็นแค่การคาดการณ์ รวมทั้ง sentiment ว่าทิศทางเศรษฐกิจค่อยๆฟื้นตัว ขณะที่มองการเมือง เริ่มนิ่ง ดังนั้น หากดัชนีจะไปต่อหรือขึ้นทะลุ 1650+/- จุด ยังต้องติดตามการประกาศงบ Q3/17 แม้ ความรู้สึกต่อตลาดจะดีขึ้นตามลำดับ แต่ยังต้องรอให้หลายๆ ประเด็นเกิดความชัดเจนขึ้นมาก่อน อย่าง ปัญหาเกาหลีเหนือ แผนปฎิรูปโครงสร้างภาษี การเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐและสุดท้ายคือ งบ Q3/17 ของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของเรา
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาคือแนวโน้มกำไรของตลาดเป็นอย่างไร ในตอนนี้ดูได้จาก Earning momentum ratio จากรูปด้านซ้าย เราแสดงค่า Earning momentum ของตลาดหุ้นอาเซียน 4 ประเทศ คือ ไทย มาเลเชีย ฟิลิปปินส์และอินโดนีเชีย เทียบกับภูมิภาคไม่รวมญี่ปุ่น จากรูปพบว่าค่า earning momentum ของภูมิภาคกำลังผงกหัวขึ้นใกล้แดนบวก รวมทั้งของฟิลิปปินส์และอินโดนีเชีย ที่ปรับตัวขึ้นมาอยู่ในแดนบวกแล้ว แต่ในส่วนของ ไทย และมาเลเชีย แม้จะดีขึ้นแต่ยังอยู่ในแดนลบ สะท้อนมุมมองกำไรของบริษัทยังมีแรงกด หรือจำนวนหุ้นที่ถูกลดค่า EPS ยังมากกว่าจำนวนหุ้นที่ถูกปรับเพิ่ม EPS
เมื่อกลับมาพิจารณาดูแนวโน้มอัตราการทำกำไรของตลาด (EPS growth) ในแต่ละปี (รูปด้านขวา) พบว่าอัตราการทำกำไรของตลาดในปีนี้และปีหน้า แม้จะโตขึ้น แต่อยู่ในสัดส่วนที่ต่ำ สะท้อนกรอบการขึ้นของ SET ยังอยู่ในวงจำกัด โดยปี 2017 คาดว่าจะโตประมาณ 6-7% ส่วนปีหน้าตอนนี้คาดจะต่ำกว่า 10% โดยอัตราการทำกำไรดังกล่าวอาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงหลังจากนี้ ซึ่งยังต้องพิจารณาดูงบ Q3-Q4/17 ว่าออกมาอย่างไร
สภาพตลาดในช่วงนี้ คือก่อนงบ Q3/17 ทยอยประกาศ เรามองว่าปัจจัยทางพื้นฐานที่จะมีอิทธิพลต่อตลาดคือ การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐและราคาน้ำมัน หากดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐขึ้นสร้างสถิติไปเรื่อยๆ มีความเป็นไปได้ที่ดัชนี SET จะขึ้นทะลุ 1650+/- จุด แต่จะเอากลุ่มไหนขึ้น หากไม่ใช่พลังงาน หรือธนาคาร ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนยังมีแรงกดจาก NPL ขณะที่งบ Q3/17 คาดยังแกว่งตัว ขณะที่ราคาน้ำมันกลับซึมตัวลง หลังสหรัฐเผชิญกับพายุ Harvey และ Irma สำหรับผลของพายุ ทาง Goldman sach ได้ออกมาประมาณการณ์ว่าจะส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันลดลง 9 แสนบารเรล์/วัน ในเดือน ก.ย. และ 3 แสนบารเรล์/วัน ในเดือน ต.ค. นอกจากนั้น inventory น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 6 แสนบารเรล์ ภาพที่เกิดขึ้นน่าจะยังทำให้ราคาน้ำมันนิ่งๆ หรืออ่อนตัวลง
หากดัชนี SET ยังทรงๆ และขาดปัจจัยหนุน เรามองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีแรงขายทำกำไรออกมา เพื่อมาตั้งรับใหม่ แรงกดดันในตอนนี้คือไม่มีกลุ่มเล่น เราจึงมองว่าหลังจากนี้ ตลาดน่าจะค่อยๆ ย่อตัวลงมาเล่นกันที่กรอบ 1600-1610 จุดอีกครั้ง จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่เข้ามา วันนี้คาดว่าจะมีการปรับขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1650 จุด แต่จะเผชิญแรงขายทำกำไรออกมา ดังนั้นกลยุทธ์ของเราให้เน้นขายทำกำไรที่บริเวณ 1650 +/- จุดแล้วรอกลับเข้าซื้อเมื่อตลาดปรับฐานลง โดยแนวต้านวันนี้อยู่ที่ 1650-1655 จุดและแนวรับที่ 1640-1635 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร AMATA KCE MC TRUE
Analysts :
Kiatkong Decho +662 761-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,650.87 จุด เพิ่มขึ้น 7.32 จุด (+0.45%) มูลค่าการซื้อขาย23,550.08 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นต่อเนื่องในทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่เป็นบวก หลังตลาดคลายกังวลสถานการณ์ต่างประเทศ บ้านเรามีแรงหนุนจากหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มธนาคาร และสื่อสาร ส่งผลให้ SET ทดสอบแนวต้านระดับ 1,650ติดตามการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า (19-20 ก.ย.)
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย มีลุ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1655 จุด สัญญาณการเก็งกำไรยังหนุนตลาดต่อเนื่อง โดยปัจจัยหนุนหลักยังมาจากสภาพคล่องในประเทศ เรามองว่ามีโอกาสที่ SET จะเข้าทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1655 จุด และมีแนวต้านถัดไปที่ 1568 จุดมองหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวยังมีโอกาสดีดตัวขึ้นต่อได้ หลังราคาหุ้นยังปรับตัวน้อยกว่าตลาดโดยเรามองหุ้นน่าสนใจในกลุ่มนี้เป็น AAV THAI MINT CENTEL
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
Union Auction (AUCT TB; THB 6.70) – ซื้อ
IFS Capital (Thailand) (IFS TB; THB 3.62) – ซื้อ
Cash Balance Preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance ในสัปดาห์หน้า : GCAP*, SPVI* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts :
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]