- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 12 September 2017 17:19
- Hits: 4479
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อ/ถือต่อ'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET บวกในช่วงแรก 7.27 จุด แล้วเจอแรงขายทำกำไรจึงลดช่วงบวกเหลือ 1.93 จุดปิดที่ 1637.54 แต่ก็ยังเหนือระดับฟิวเตอร์สำหรับการเข้าซื้อใหม่ที่ 1620 อยู่ โดยรายย่อยเป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อสุทธิ ส่วนอีก 3 กลุ่มขายสุทธิ ทั้งนี้ต่างชาติกำลังดูว่าทางการไทยจะประกาศลดดอกเบี้ยเพื่อลดแรงกดดันเรื่องบาทแข็งหรือไม่ จึงมีแบ่งขายส่วนที่มีกำไรพอควรออกมาก่อน
ประเด็นวันนี้ : อัตราเงินเฟ้อทั้งด้านอุปสงค์และต้นทุนของจีนที่เพิ่มบ่งชี้ถึงกำลังซื้อที่ดีขึ้น (CPI ส.ค.+1.8% และ PPI +6.3%) ด้านเศรษฐกิจยูโรโซน 2Q60 ก็ +0.6%QoQ, +2.3%YoY ดีขึ้นจาก 1Q60 ที่ +2.0%YoY สำหรับสหรัฐ คาดว่าผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาวีย์ไม่มาก ขณะที่ความแรงของพายุเออมาร์ก็ลดลงไปแล้ว เหลือแต่การเดินหน้ามาตรการสำคัญของรัฐบาลทรัมป์ โดยเฉพาะการปฎิรูปภาษีว่าจะทำได้มากและเร็วแค่ไหน ค่าเงิน US$ ขยับแข็งค่าขึ้นเมื่อคลายกังวลพายุเฮอร์ริเคน
สำหรับในประเทศ มีรายงานว่า 17 บจ.ได้เข้าอยู่ในดัชนีแห่งความยั่งยืน (DJSI) ปี 60 ซึ่งจะมีผล 18 ก.ย.นี้ โดยเป็นบจ.เดิม 13 แห่ง คือ AOT, BANPU, CPF, CPN, IRPC, KBANK, MINT, PTT, PTTEP, PTTGC, SCC, TOP, TU และเข้ามาใหม่อีก 4 แห่ง คือ CPALL, HMPRO, IVL, TRUE ซึ่งมีจำนวนมากสุดในอาเซียน และเพิ่มเยอะสุดในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งการประเมินดูจากผลการดำเนินงานบริษัทว่าคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ที่จะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจ ส่วนโครงการ EEC ทางนายกฯได้ให้ความเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งและรัฐบาลใหม่จะไม่กระทบโครงการนี้ ด้านเงินบาทอ่อนลงหลังค่าเงิน US$ แข็งขึ้น ทาง DBS ยังคงคำแนะนำซื้อ HANA (ราคาพื้นฐาน 55 บาท) และ KCE (ราคาพื้นฐาน 104 บาท) ซึ่งคาดว่าผลประกอบการปี 61 จะขยายตัวได้ดี
กลยุทธ์ลงทุน : มีหุ้นอยู่แล้วถือต่อ / การซื้อใหม่ควรคุมไว้ด้วยดัชนีไม่ต่ำกว่า 1620 โดยเน้นการเลือกซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มธุรกิจดี และราคามี Upside จากปัจจุบัน…หุ้นกลยุทธ์แนะนำรายสัปดาห์ช่วง 6-12 ก.ย.60 เป็น AMATA (Value Play) และ SENA (High Yield Play) ส่วนหุ้น Top Picks เดือนก.ย.60 เป็น AMATA, CPN, MINT, TISCO และ Dark Horse คือ SEAFCO
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดยังเป็นบวก เน้นซื้อค่าบวก แนวต้าน 1640-1650, ต่ำกว่า 1620 ควร Wait & See / หรือลดพอร์ตในส่วนที่เพิ่งซื้อใหม่ตอนต้นทุนสูงไปก่อน สำหรับการ SCAN หุ้นที่คาดว่าราคาจะทำ New High ได้ พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น TCAP, QH, MONO, PTL, TCJ หุ้นยังอยู่ใน List คือ BCPG, ANAN, GPSC, CBG, SPALI, SAMTEL หุ้นหลุด List คือ CK ส่วนหุ้นแนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะขายทำกำไรเป็น LST, QTC, BEC
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
- UNSC มีมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่
# คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) มีมติเป็นเอกฉันท์ในการประชุมซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ (11 ก.ย.) ตามเวลาสหรัฐ ให้คว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่ หลังจากที่เกาหลีเหนือทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการละเมิดมติของ UNSC
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนีพุ่งขึ้น 1% กว่า
# ดัชนี DJIA ปิด +259.58 จุด หรือ +1.19% ดัชนี S&P500 ปิด +26.68 จุด หรือ +1.08% และดัชนี Nasdaq +72.07 จุด หรือ +1.13% คลายกังวลพายุเฮอร์ริเคนเออร์มา และเกาหลีเหนือไม่ได้ยิงทดสอบขีปนาวุธเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา
# ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐ (NHC) รายงานว่าพายุเฮอร์ริเคนเออร์มาได้อ่อนตัวลง โดยมีความรุนแรงเหลือเพียงระดับ 1 และทาง NHC คาดว่าจะอ่อนแรงลงกลายเป็นพายุโซนร้อน และจะอ่อนกำลังลงจนกลายเป็นพายุดีเปรสชั่น
• ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคา WTI บวกเล็กน้อย ส่วน BRENT ทรงตัว
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 48.07 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 53.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
# โรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งในสหรัฐได้เริ่มกลับมาดำเนินการผลิตอีกครั้ง ทำให้ความต้องการน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นขณะที่ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐ (NHC) รายงานว่าพายุเฮอร์ริเคนเออร์มาอ่อนกำลังลงไปมากแล้ว และรมว.พลังงานซาอุดิอาระเบีย, เวเนซุเอลา และคาซัคสถาน ได้หารือกันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิต ให้เกินกว่า 1Q61
- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ร่วงแรงหลังเกาหลีเหนือไม่ได้ยิงขีปนาวุธและพายุเออร์มาอ่อนกำลังลง
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 15.5 ดอลลาร์ หรือ 1.15% ปิดที่ระดับ 1,335.7 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นมีข่าว
+ 17 บริษัทจดทะเบียนไทยเข้าดัชนี DJSI มากสุดในอาเซียน และเพิ่มมากสุดตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก
# Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ประจำปี 2560 ประกาศรายชื่อ 17 บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทยที่ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกดัชนีแห่งความยั่งยืนปี 2560 โดยได้เข้าคำนวณในดัชนี DJSI ทั้ง DJSI ระดับโลก และ DJSI ตลาดเกิดใหม่ มีผลในการคำนวณดัชนีวันที่ 18 ก.ย.60 ได้แก่
บริษัท ท่าอากาศยานไทย (AOT) บริษัท บ้านปู (BANPU)
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา (CPN)
บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK)
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) บริษัท ปตท. (PTT)
บริษัท ปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล (PTTGC)
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) บริษัท ไทยออยล์ (TOP)
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) บริษัท ซีพี ออลล์ (CPALL) – เข้าใหม่
บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) – เข้าใหม่ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) – เข้าใหม่
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) – เข้าใหม่
# สำหรับการประเมิน DJSI จะพิจารณาจากผลการดำเนินงานบริษัทว่าคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ที่จะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจ ซึ่งบจ.ที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสียต่างๆ ยิ่งขึ้น
+ โครงการ EEC : นายกฯให้ความเชื่อมั่นว่าเปลี่ยนรัฐบาลจะไม่กระทบ
# รมว.กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น พร้อมคณะนักลงทุนญี่ปุ่นราว 570 รายได้เข้ารับฟังนโยบายของรัฐบาลจากนายกรัฐมนตรี โดยนายกฯ ได้กล่าวถึงสิทธิประโยชน์ของโครงการ EEC ที่เชื่อมระบบคมนาคมเปิดประตูสู่หลายประเทศในอาเซียน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนญี่ปุ่นว่าแม้เปลี่ยนรัฐบาลก็ไม่กระทบโครงการในพื้นที่ EEC
• กระทรวงการคลังแนะนำให้ธปท.ลดดอกเบี้ย แก้ปัญหาบาทแข็ง
# ปลัดกระทรวงการคลังแนะให้ธปท.พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย (ปัจจุบันอยู่ที่ 1.50%) ลงเพื่อลดแรงกดดันเรื่องบาทแข็ง ซึ่งส่วนหนึ่งมากจากกระแสเงินไหลเข้ามาเก็งกำไรในตราสารหนี้นระยะสั้น และหุ้นไทย
# นักลงทุนต่างประเทศกำลังจับตาประเด็นนี้ โดยหากมีแนวโน้มว่าธปท.จะลดดอกเบี้ยแล้วเงินบาทจะอ่อนค่าลงก็อาจปรับปรับกลยุทธ์เป็นขายทำกำไรแล้วรีบแลกกลับไปเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]