WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily

 

ภาพตลาดวันวาน
  ดัชนีเปิดตัวยืนบวก ขยับขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1642.88 จุด เพิ่มขึ้น 7.27 จุด ซึ่งเป็นแรงซื้อหลังจาก AOT, KBANK, SCB, ROBINS, TOP, BBL ก่อนช่วงบ่ายเผชิญแรงขายหุ้นขนาดใหญ่นำโดย PTT, SCC, ADVANC, PTTEP กดดัชนีไหลงลงมาทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1634.12 จุด ลดลง 1.49 จุด ทำให้ทั้งวันมีกรอบการเคลื่อนไหว 8.76 จุด ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1637.54 จุด เพิ่มขึ้น 1.93 จุด (+0.12%) มูลค่าการซื้อขาย 53,945 ล้านบาท


ภาพตลาดวันนี้
  ดัชนีวานนี้ดูเหมือนมีความพยายามที่จะไปต่อ ด้วยการเปิดบวกและยืนเหนือ 1640 จุด โดยทำได้ดีสุดที่ 1642 จุด ก่อนที่จะไหลลงมาทำ Low ที่ 1634 จุด ก่อนที่จะทำปิดจุดเดียวกับเปิดที่ 1637 จุด จากภาพดังกล่าวจะเห็นว่าดัชนีเริ่มชะลอตัวลงหลังจากไม่สามารถทำ New High ได้ บวกกับสัญญาณที่ Overbought ทำให้มีโอกาสชะลอตัวเพื่อลดความร้อนแรง คาดว่าน่าจะเป็นลักษณะแกว่งตัวออกข้างมากกว่าที่จะลงแรง แต่หากดัชนีเลือกที่จะขึ้นต่อ คาดติด High เดิม(1646) โดยมองแนวรับ 1630-1634 จุด แนวต้าน 1642-1646 จุด
   แกว่งตัวผันผวน - พักตัวในลักษณะแกว่งตัวออกข้าง
   Support 1630 // 1600 จุด Resistance 1650-1655 จุด


พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell

 

'เดินหน้าได้ แต่ให้ระวังการปรับฐานดัชนีฯ'


ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯ มีโอกาสเดินหน้าต่อเล็กน้อยตามตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่ให้ระวังความเสี่ยงจากการปรับฐานช่วงสั้น หลัง SET Index ขึ้นมาเร็วกว่าตลาดอื่นๆ อาทิ ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย และกำลังทดสอบแนวต้านเดิม ที่ 1650 จุด ..... ตลาดคลายความกังวลต่อพายุ Erma ของสหรัฐฯ และสถานการณ์เกาหลีเหนือ ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯและเอเซียเดินหน้าบวกต่อ ..... อย่างไรก็ตาม หลายประเทศสนับสนุนให้ใช้การเจรจาหรือสันติวิธีต่อเกาหลีเหนือ แม้เช้าวันนี้ UN จะประกาศมาตรการ Sanction เพิ่มเติม โดยห้ามเกาหลีเหนือส่งออกน้ำมัน (มูลค่า $1.3 ล้านเหรียญ/ปี หรือประมาณ 7 หมื่นบาร์เรลต่อวัน) เราประเมินว่าเกาหลีเหนือไม่น่าที่จะกระทำการใดๆ ที่จะทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน : เรายังคงมองว่า โอกาสที่ตลาดจะมีการพักตัวก่อนที่จะเดินหน้าทะลุ 1650 จุดขึ้นไปอีกครั้ง กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ จึงแนะให้ take profit หุ้นขึ้นมามากและราคาเริ่มทรงตัว หรือสลับตัวเล่น ไปอยู่ที่หุ้นชั้นดีของกองทุนฯ หุ้น laggard ของแต่ละกลุ่ม โดยเราให้ความสนใจกับหุ้นอิงเศรษฐกิจ หุ้นธนาคาร หุ้นมีฐานรายได้ในต่างจังหวัด หุ้นค้าปลีก ที่ถูก underweight มาก่อนหน้านี้
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน: สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ BBL , HANA, MTLS, ASEFA*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค: PTL, HFT, SVOA
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์


บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+) กลุ่มธนาคาร: คาดกำไร 3Q17 เติบโตดีจากฐานต่ำไตรมาสก่อน และกำไรโตเพิ่มขึ้นได้ในปี 2018
(+) HELTH: ประเมินว่าสปส.จะประกาศปรับเพิ่มการจ่ายค่าภาระโรคเสี่ยงให้ รพ.ในเร็วๆ นี้
(+) AAV: แนวโน้มกำไรสุทธิ 2H17 จะเริ่มกลับมาดีขึ้น


ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (11 ก.ย.) ปิดที่ระดับ 11,637.54 จุด เพิ่มขึ้น 1.93 จุด หรือ +0.12% มูลค่าการซื้อขาย 53,946.48 ล้านบาท ตลาดยังคงสามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในลักษณะเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค ซึ่งได้รับผลบวกจากที่เกาหลีเหนือไม่มีการทดสอบขีปราวุธในวันชาติและสถานการณ์พายุเออร์มามีการอ่อนแรงลง


ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,057.37 จุด พุ่งขึ้น 259.58 จุด หรือ +1.19% จากการที่พายุเฮอร์ริเคนมีการอ่อนกำลังลง และไม่ได้สร้างความเสียหายมากเท่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ .... เช่นเดียวกับ Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น +1% ปิดที่ 379.43 จุด
ปัจจัยต่างประเทศ: ภาพรวมเป็นบวกมากขึ้นจากสถานการณ์เออร์มาที่อ่อนแรงลง แต่ยังต้องติดตามการตอบโต้ของเกาหลีเหนือ สถานการณ์พายุเฮอร์ริเคนเออร์มา ได้อ่อนตัวลง โดยมีการปรับความรุนแรงลงมาอยู่ที่ระดับ 1 ลายเป็นพายุโซนร้อน ซึ่งคาดว่าความรุนแรงจะไม่มากเท่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีมูลค่าถึง 1.25 แสนล้านเหรียญ ส่งผลให้ตลาดหุ้นในหลายๆประเทศปรับตัวขึ้นมา และดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ .... เช้าวันนี้ UNSC มีมติเป็นเอกฉันท์ในการประชุมซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ ให้คว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่ หลังจากที่เกาหลีเหนือทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามว่าทางเกาหลีเหนือจะมีมาตรการตอบโต้อย่างไร
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นมาแม้นักวิเคราะห์จะมอง demand ลดลง สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ +1.2% ปิดที่ 48.07 ดอลลาร์/บาร์เรล คาดเป็นผลจากประเด็นเออร์มาตามที่กล่าวในข้างต้น อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันจะลดลงราว 700,000 บาร์เรล/วันในเดือนนี้ โดยได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคนที่พัดกระหน่ำสหรัฐ
ปัจจัยในประเทศติดตามมติ ครม. 2 เรื่องในวันนี้ ในวันนี้คาด ครม. จะมีมติ ภาษีสุราและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสม ซึ่งจะเป็นลบต่อกลุ่มที่จำหน่ายเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสม เช่น ICHI, OISHI, SAPPE ซึ่งจะมีผลในอีก 2 ปีข้างหน้า ..... คาดครม.จะพิจารณา ให้นำเบี้ยประกันสุขภาพมาหักลดหย่อนภาษีรายได้บุคคลธรรมดาวงเงินไม่เกิน 1 แสนบาท/ปี เป็นบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาลและ BLA
หุ้นนำเสนอข้อมูลในงาน Opp Day วันนี้ได้แก่ BCPG UBIS SAT PYLON ANAN MBK


Stock in Focus
หุ้น เหตุผล


BBL
(ราคาปิด 189.00) เรายังคงแนะนำ BBL ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 โดยมองว่า หุ้นกลุ่มธนาคารจะล้อไปตามภาวะเศรษฐกิจและได้แรงบวกจากดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มขยับขึ้นในช่วงปลายปีนี้ อีกทั้งกลุ่มธนาคารยังมีแรงซื้อเข้ามามากในช่วงก่อนหน้านี้ โดยเราเลือก BBL เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็น Corporate ความเสี่ยงเรื่องหนี้เสียจะไม่สูงมาก .… คาดกำไรสุทธิปี 2017 เติบโต +7.2% YoY ที่ 34,109 ล้านบาท .... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 200.00 บาท)


HANA
(ราคาปิด 43.00) ค่าเงินดอลล่าร์ที่ปรับตัวสูงขึ้นและ เรามองว่า HANA ได้รับผลบวกจากการที่กระทรวงการคลัง แนะให้ ธปท. อยู่ดูมาตรการแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทแข็งด้วยการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยลง อีกทั้งราคาหุ้น HANA ปรับตัวลงมาก่อนหน้านี้ ทำให้ P/E ปรับลดจาก 18 เหลือ 12 เท่า .... กำไร 2Q-17 อยู่ที่ 676 ล้านบาท +62% YoY แบะ -17% QoQ …. ไตรมาส 3 เป็นช่วง High season ของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่า HANA จะมีผลประกอบการ 2H17 สูงกว่า 1H17 คาดกำไรสุทธิทั้งปี 2017 ที่ 2,932 ล้านบาท เติบโต 39.3% YoY …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 57.00 บาท


MTLS
(ราคาปิด 34.00) คาดเป็นหุ้นที่จะได้ประโยชน์ หากธปท.มีการปรับลดดอกเบี้ย หรือคงดอกเบี้ยไปอีกระยะหนึ่ง .... MTLS เป็นหุ้นที่สามารถเติบโตขึ้นได้เรื่อยๆ จากการขยายสาขา ล่าสุดกำไรสุทธิ 2Q17 ที่ 571.2 ล้านบาท (+90.2%YoY +6.5%QoQ) เติบโตได้ดีตามจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น อีกทั้ง MTLS ยังได้รับผลบวกจากเศรษฐกิจภูมิภาคที่เริ่มฟื้นตัว .… คาดกำไรปี 2017 ที่ 2,340 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง +59.8% YoY …. (ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 40.00 บาท)


ASEFA*
(ราคาปิด 7.15) ASEFA มี backlog ที่ 2 พันล้านบาท สูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา .... เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 ที่ 317 ล้านบาท (+10% YoY) และเติบโตปี 2018 ที่ +20% YoY ในระยะยาวจากความต้องการการใช้สวิตช์บอร์ดสำหรับโครงการ mega project จะส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทจะถึงจุดพีคที่ปี 2021 .... (ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 9.00 บาท
Source: KTBST Research


Sector / Stock Updates
(+) HELTH, BLA เราประเมินว่าสำนักงานประกันสังคมมีโอกาสสูงที่จะปรับเพิ่มการจ่ายค่าภาระโรคเสี่ยง RW>2 ขึ้นจากปัจจุบันที่ 10,000 บาทต่อ 1 RW ไปเป็น 11,500 บาทเท่าปี 2014 หรืออาจจะมากกว่าใน เนื่องจากสำนักงานประกันสังคมได้ปรับเพิ่มงบประมาณในส่วนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากจนี้นโยบายเรื่องประกันสุขภาพที่จะสามารถลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งจะเข้า ครม. ในเร็วๆ นี้ .... KTBST คาดว่าจะส่งผลให้คนใช้บริการโรงพยาบาลมากขึ้น โดยเราได้คำนวณหุ้นที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดในกลุ่มโรงพยาบาลที่เราดูลแล คือ BCH และ RJH ปัจจุบันเราแนะนำ ซื้อ สำหรับทั้งคู่ที่ราคาเหมาะสม 16.40 บาท และ 28.40 บาท ตามลำดับ


(+) กลุ่ม Non-bank และส่งออก นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ต้องการให้ธปท. พิจารณาลดดอกเบี้ยนโยบายให้ต่ำกว่าปัจจุบันที่ร้อยละ 1.5 เพื่อช่วยดูแลเศรษฐกิจภาพรวม การดูแลเศรษฐกิจจะต้องดำเนินการทั้งนโยบายการคลัง และนโยบายการเงินไปด้วยกัน จะใช้แต่นโยบายการคลังฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจอย่างเดียวไม่ได้ ซึ่งนโยบายการเงินที่พอช่วยเศรษฐกิจได้ .......... KTBST มีความเห็นว่า แนวนโยบายลักษณะนี้ หาก ธปท.มีการลดดอกเบี้ย หรือคงดอกเบี้ยไว้ให้นานที่สุดจนเศรษฐกิจ (กำลังซื้อ) ฟื้นตัวดี นอกจากจะเป็นบวกในภาพรวม ยังเป็นบวกต่อหุ้น Non-Bank รวมไปถึงหุ้นกลุ่มส่งออก จากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง หรือไม่แข็งค่าไปกว่านี้


(+) AAV คาดกำไรสุทธิครึ่งปีหลังจะกลับมาปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในงวด 4Q17 ที่คาดว่าจะเริ่มกลับมาเติบโตโดดเด่นทั้ง YoY และ QoQ จากจำนวนผู้โดยสารจีนที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะในช่วงต้นเดือน ต.ค.2017 ที่เป็นช่วงวันหยุดยาว Golden Week วันชาติจีน ปัจจุบันเส้นทางบินจีนมียอด Advance Booking แล้วสูงถึง 70% - 90% (มากกว่าช่วงปกติที่ 50%) ประกอบกับยังมีการเปิดเส้นทางบินใหม่ๆ ในภูมิภาคเอเชียใต้ที่คาดว่าจะได้รับตอบรับที่ดี ในส่วนของค่าตั๋วโดยสารเฉลี่ยคาดว่าจะเริ่มกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นใน 3Q17 เราประเมินกำไรสุทธิปี 2017 ลดลง 16% YoY จากกำไรสุทธิใน 1H17 ที่ลดลงมาก แต่คาดกำไรสุทธิปี 2018 จะกลับมาเติบโต 20% YoY เราปรับราคาเป้าหมายเป็นปี 2018 ที่ 7.40 บาท (จากเดิม 6.60 บาท) ปรับคำแนะนำเป็น ซื้อ จากเดิม ถือ


(+) กลุ่มสายการบิน THAI ประกาศปรับขึ้นค่าตั๋วโดยสาร โดยบวกเพิ่มค่าธรรมเนียมน้ำมันเชื่อเพลิงตั้งแต่ 19 ก.ย.นี้ หวังเพิ่มรายได้... เรามองเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมอุตสาหกรรมสายการบินที่จะทำให้สามารถปรับราคาค่าตั๋วโดยสารขึ้นได้ โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่เข้าสู่ช่วง High Season ของการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะช่วยส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานของกลุ่ม โดยกลุ่มสายการบินเรายังชอบ AAV

Source: KTBST Research
Analyst
Mongkol Puangpetra
+662 648 1123
[email protected]

Nontapat Rushtasomboon
+662 648 1127
[email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!