- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 11 September 2017 16:56
- Hits: 4336
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
'ถ้า SET ยังเหนือ 1620…เลือกซื้อได้'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : วันศุกร์ SET ปรับขึ้นต่อทะลุ 1640 ไปแล้ว (สูงสุด 1647.54 ซึ่ง +14.88 จุด) แต่มีแรงขายทำกำไรทำให้ระดับปิดเหลือ +2.95 จุดที่ 1635.61 แต่โมเมนตัมก็ไม่เสียเพราะยังเหนือ 1620 ได้อยู่ นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในปท.ซื้อสุทธิต่อ
ประเด็นวันนี้ : ในวันชาติ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือไม่ได้ยิงทดสอบขีปนาวุธอย่างที่กังวลกัน แต่การพัฒนาดูเหมือนยังเดินหน้าต่อ และเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนเป็นระยะๆ ส่วนราคาน้ำมันดิบอ่อน 1-3% หลังโรงกลั่นสหรัฐค่อยๆผลิตเพิ่มหลังปิดไปเพราะพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ส่วนพายุลูกใหม่เออร์มากำลังเข้าถล่มรัฐฟลอริด้า เราเห็นว่าพายุทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถูกกระทบและอาจเป็นอีกปัจจัยที่หนุนให้เฟดไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยเฟดจะประชุม 19-20 ก.ย.นี้ซึ่งคาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.25%
สำหรับในประเทศ มีข่าวว่ามาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นท่องเที่ยวภายในอาจไม่ทำในปีนี้...กระทบ Sentiment หุ้นท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ERW ที่มีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในปท.มาก ขณะที่ MINT (ราคาพื้นฐาน 46 บาท) กระทบน้อย และยังคงคาดว่าโรงแรมในต่างปท.จะฟื้นตัวและโตดีในช่วง 2H60 เชิงกลยุทธ์แนะนำ Switch จาก ERW มายัง MINT กรณีที่จะรักษาน้ำหนักลงทุนกลุ่มท่องเที่ยวคงเดิม ส่วนกลุ่มสื่อสาร มีข่าวว่าทางกสทช.จะปรับแผนนำย่านความถี่ 900 และ 1800 MHz ที่จะหมดสัมปทานกับ TRUE & DTAC สิ้นก.ย.61 มาเปิดประมูลเคาะราคาต้นปี 61 ก่อนย่าน 2600 MHz ของ MCOT เพราะทำได้เร็วกว่า...กระทบหุ้น MCOT ที่เดิมที่คาดว่าจะนำคลื่น 2600 มาเปิดประมูลเร็วๆ นี้ สำหรับโครงการ EEC ช่วง 11-13 ก.ย.นี้จะมีคณะนักลงทุนญี่ปุ่นกว่า 600 รายเข้าพบนายกฯ ทำ MOU และลงดูพื้นที่
กลยุทธ์ลงทุน : มีหุ้นอยู่แล้วถือต่อ / การซื้อใหม่ควรคุมไว้ด้วยดัชนีไม่ต่ำกว่า 1620 โดยเน้นการเลือกซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มธุรกิจดี และราคามี Upside จากปัจจุบัน…หุ้นกลยุทธ์แนะนำรายสัปดาห์ช่วง 6-12 ก.ย.60 เป็น AMATA (Value Play) และ SENA (High Yield Play) ส่วนหุ้น Top Picks เดือนก.ย.60 เป็น AMATA, CPN, MINT, TISCO และ Dark Horse คือ SEAFCO
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดยังเป็นบวก เน้นซื้อค่าบวก แนวต้าน 1640-1650, ต่ำกว่า 1620 ควร Wait & See / หรือลดพอร์ตในส่วนที่เพิ่งซื้อใหม่ตอนต้นทุนสูงไปก่อน สำหรับการ SCAN หุ้นที่คาดว่าราคาจะทำ New High ได้ พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น SPALI, SAMTEL, LST, QTC, BEC หุ้นยังอยู่ใน List คือ CK, BCPG, ANAN, GPSC, CBG หุ้นหลุด List คือ TISCO, MAJOR, UNIQ ส่วนหุ้นแนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะขายทำกำไรเป็น KBANK, BBL
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
• จีน : ส่งออกเดือนส.ค. +6.9% ขณะยอดนำเข้า +14.4%
# สำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยว่าส่งออกเดือนส.ค. +6.9%YoY ชะลอตัวลงหลังจาก +11.2%YoY ในเดือนก.ค.ขณะที่ยอดนำเข้า +14.4%YoY หลัง +14.7%YoY ในเดือนก.ค. ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าเดือนส.ค. -14%YoY สู่ระดับ 286.5 ล้านล้านหยวน (4.4 หมื่นล้านดอลลาร์)
- เม็กซิโกไล่ทูตเกาหลีเหนือออกนอกประเทศ...ตอบโต้การทดสอบนิวเคลียร์ครั้งล่าสุด
# รัฐบาลเม็กซิโกประกาศให้ทูตเกาหลีเหนือเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา พร้อมสั่งให้เดินทางออกนอกประเทศภายใน 72 ชม. เพื่อตอบโต้ที่เกาหลีเหนือทำการทดสอบนิวเคลียร์เป็นครั้งที่ 6 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 ก.ย.60 ซึ่งบ่งชี้ว่าเม็กซิโกตัดสินใจร่วมมือกับสหรัฐอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นเพื่อจัดการกับปัญหาเกาหลีเหนือ
• ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : กังวลกับพายุเฮอร์ริเคนออร์มา & ปัญหาคาบสมุทรเกาหลี
# หุ้นประกันภัยฟื้นตัวหนุนดัชนี DJIA แต่ดัชนี S&P500 และ NASDAQ ปิดปรับตัวลง อันเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับพายุเฮอร์ริเคนเออร์มาที่กำลังจะเคลื่อนถล่มรัฐฟลอริดาและการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
# ดัชนี DJIA ปิด +13.01 จุด หรือ +0.06% ดัชนี S&P500 ปิด -3.67 จุด หรือ -0.15% ดัชนี NASDAQ ปิด -37.68 จุด หรือ -0.59%
- สหรัฐ : พายุเออร์มาพัดเข้ารัฐฟลอริด้าแล้วเมื่อวานนี้....ประชาชนกว่า 2.6 ล้านคนไม่มีไฟฟ้าใช้
# ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐ (NHC) เปิดเผยว่า พายุเฮอร์ริเคน "เออร์มา" ได้เคลื่อนตัวสู่เขตกัลฟ์โคสต์ของรัฐฟลอริดาแล้วเมื่อวานนี้ (10 ก.ย.) ส่งผลให้เกิดลมแรงกรรโชกและฝนตกหนัก และทำให้ประชาชนกว่า 2.6 ล้านคน รวมทั้งบริษัทเอกชนหลายแห่ง ไม่มีไฟฟ้าใช้ นอกจากนี้ ยังส่งผลให้น้ำท่วมถนนหลายสาย และมีคลื่นพายุซัดฝั่งหรือ "สตอร์มเสิร์ช" ที่มีความสูง 15 ฟุต (4.6 เมตร) รัฐฟลอริดาได้สั่งอพยพประชาชนกว่า 6.5 ล้านคนในพื้นที่ตอนใต้ของรัฐไปอาศัยที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวซึ่งมีอยู่ประมาณ 650 แห่ง
- ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาร่วงลงหลังโรงกลั่นในเท็กซัสกลับมาผลิต
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. -1.61 ดอลลาร์ หรือ -3.28% ปิดที่ 47.48 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านBRENT ส่งมอบเดือนพ.ย. -71 เซนต์ หรือ -1.30% ปิดที่ 53.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
# โรงกลั่นน้ำมันกลับมาผลิตแต่ก็เป็นไปอย่างช้าๆ ส่วนสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ก.ย.60 ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.7 ล้านบาร์เรล
• ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : บวกเพียงเล็กน้อย
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ +0.07% ปิดที่ระดับ 1,351.2 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นมีข่าว
- มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวอาจไม่ทันปีนี้
• พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ยังคงเดินหน้ามาตรการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวแม้อาจจะไม่ทันภายในปีนี้ เนื่องจากเหลือระยะเวลาอีก 2-3 เดือนจะสิ้นปีแล้ว ดังนั้นมองว่าช่วงนี้อาจจะยังไม่มีนัยยสำคัญ เพราะคนวางแผนท่องเที่ยวไว้หมดแล้ว (ที่มา : อินโฟเควสท์)
• ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : เป็นลบต่อกลุ่มท่องเที่ยวเล็กๆ เพราะคาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นมาช่วยชดเชยช่วงเดือนต.ค.60 ที่ธุรกิจอาจจะซบเซาลง ประกอบกับราคาหุ้นที่เราคิดว่าจะได้ประโยชน์มากสุดถ้ามีมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ คือ ERW ได้ขึ้นมาพอควร (สูงสุด 6.20 บาทเทียบกับราคาพื้นฐานเราที่ 6.50 บาท) ดังนั้นราคาหุ้นก็อาจพักฐานลงก่อน ในทางเทคนิคให้แนวรับไว้ที่ 5.50, 5.00 บาท
ส่วน MINT ได้รับผลกระทบไม่มาก เพราะรายได้จากโรงแรมส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มดีในช่วง 2H60 โดยเฉพาะที่โปรตุเกส ซึ่งปรับปรุงเสร็จและเปิดให้บริการแล้ว คาด RevPar ใน 3Q60 จะโตได้เป็นเลขสองหลัก โดยรวม Core profit ของ MINT ใน 2H60 จะเพิ่มขึ้นได้ HoH ทาง DBS ให้ราคาพื้นฐาน 46 บาท ในเชิงกลยุทธ์ ถ้าต้องการรักษาน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยวไว้เท่าเดิม แนะให้ Switch จาก ERW มายัง MINT
- MCOT : กสทช.ส่อปรับแผนนำคลื่น 900 และ 1800 ออกประมูลก่อนคลื่น 2600 ของ MCOT
# นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช. กล่าวว่า กสทช.มีแนวคิดที่จะนำคลื่นความถี่ย่าน 900 และ 1800 เมกกะเฮิรตซ์ มาประมูลก่อนคลื่นย่าน 2600 เมกกะเฮิรตซ์ของ MCOT เพราะน่าจะทำได้รวดเร็วมากกว่าและกระทบผู้ให้และผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือน้อยกว่า เนื่องจากจะเป็นการประมูลล่วงหน้าก่อนที่สิ้นสุดสัญญาสัมปทาน โดยคาดว่าจะเปิดประมูลเคาะราคาได้ในช่วงต้นปี 61 ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและส่งมอบคลื่นมี.ค.61 เพื่อโอนย้ายลูกค้าก่อนหมดสัมปทาน
# โดยคลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกกะเฮิรตซ์ อยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานระหว่าง CAT กับ DTAC ที่ใช้งานอยู่จำนวน 45 เมกกะเฮิรตซ์ และจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 30 ก.ย.61 ส่วนคลื่นความถี่ย่าน 850 เมกกะเฮิรตซ์ (ซึ่งอยู่ในย่าน 900 เมกกะเฮิรตซ์) จำนวน 10 เมกกะเฮิรตซ์ ทาง TRUE ใช้งานอยู่
+ นักลงทุนญี่ปุ่นกว่า 600 รายจะเข้ารับฟังนโยบายและดูพื้นที่โครงการ EEC ช่วง 11-13 ก.ย.นี้
# รมว.อุตสาหกรรมเปิดเผยว่าในวันที่ 11-13 ก.ย.60 ทางกระทรวงฯเตรียมต้อนรับรมว.กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (เมติ) รวมทั้งนักลงทุนกว่า 600 รายมาศึกษาลู่ทางการลงทุนในไทย โดยวันที่ 11 ก.ย. คณะจะเข้าพบนายกรัฐมนตรีไทยเพื่อรับฟังนโยบายรัฐบาล และวันที่ 12 ก.ย.ลงนาม MOU เพื่อสนับสนุนการค้าการลงทุนร่วมกัน & สัมมนา วันที่ 13 ก.ย.จะลงพื้นที่ EEC
# สำหรับอุตสาหกรรมที่ผลักดันในพื้นที่ EEC คือ ชิ้นส่วนยานยนต์, อิเลคทรอนิกส์, ไบโอเทคโนโลยี,อุตสาหกรรมบริการ เป็นต้น
# กลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ชุดแรกจากความคืบหน้าของโครงการ EEC คือ นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งหุ้นเด่นของ DBS คือ AMATA (มีที่ดินพร้อมขายในพื้นที่ EEC มากที่สุดถึง 1 หมื่นไร่ ให้ราคาพื้นฐาน 22 บาท ซึ่งมี Discount จากมูลค่าหุ้นที่ประเมินด้วย Sum-of-parts ที่ 31 บาทอยู่ 30%) รองลงมาเป็น WHA (ราคาพื้นฐาน 3.56 บาท) และ ROJNA (ราคาพื้นฐาน 6.55 บาท)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]