WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BLSบล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

รอบด้านตลาดหุ้น
วิเคราะห์ตลาดและแนวโน้ม
Accumulated buy
วันนี้คาดขึ้นต่อ แนวรับ 1,630 จุด ต้าน 1,650 จุด
  สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีฯหุ้นไทย ยังคงทะยานขึ้นต่อ (ดีกว่าคาดโดยทะลุแนวต้าน 1,630 จุด)
  สัปดาห์นี้คาด Sideway up ต่อ แนวรับ 1,628 จุด ต้าน 1,650 จุด โดยมีโอกาสพักตัว หลังทดสอบจุดสูงสุด
เดิมบริเวณ 1,650 จุด ที่เคยทำไว้เมื่อ พค. 2013 ยังคงมองเป็นการพักตัวเพื่อ แรลรี่ขึ้นต่อ อิงจาก
ปัจจัยพื้นฐาน (1) ดัชนีฯยังมี Upside ถึง 1722 จุด ถ้าหุ้นภายใต้ BLS Universe ขึ้นจนถึงราคาเหมาะสม
พื้นฐาน (2) Earning yield gap ยังไม่แพงเพราะ ดอกเบี้ยขึ้นช้ากว่าที่คิด
  กลยุทธ์แนะนำ (1) สะสมหุ้น “บูลชิพใหญ่” ที่ยังเหลือ Upside to fair value สูงเกิน 15% ขึ้นไป และ BLS
แนะนำ 'ซื้อ' INTUCH BCP CPALL DTAC SCC PTTGC BTS TCAP
  (2) หุ้นที่เชื่อมโยงกลุ่มปิโตรเคมี ที่คาดว่ามี Scope of upside ต่อกำไรจากปัจจัย Supply shortage หนุน
แนวโน้มกำไรให้ดีกว่าคาด SCC PTTGC IVL
  (3) หุ้น Mid to Small cap ที่คาดว่าจะเป็นกลุ่มรองรับเม็ดเงินที่ล้นมาจาก Wealth effect ที่เพิ่มขึ้นตามหุ้น
ใหญ่รอบนี้ แนะนำ CCET ECL ECF COM7 JMART


หุ้นแนะนำวันนี้
  SCC แนวรับ 496 ต้าน 510 Stop loss 490 คาดมี Scope of upside ต่อกำไรจากปัจจัย Supply shortage
ปิโตรฯ หนุนแนวโน้มกำไรให้ดีกว่าคาด, Laggard สุดในบรรดาหุ้นบูลชิพใหญ่ที่แรลรี่ขึ้นมาในรอบนี้ โดย
ผลตอบแทน SET50 ขึ้นมาราว 4.3% (นับตั้งแต่ 25 สค.) ส่วน SCC ขึ้นมาแค่ 3.3%, Upside to Fair value
สูง 23%
  BTS แนวรับ 8.55 ต้าน 8.8/8.9 Stop loss 8.5 (Value play)


รายงานวันนี้
Thai Market Strategy: Introducing 2018 SET target of 1742
  เราประเมินเป้าหมาย SET สำหรับปี 2018 ที่ 1742 คิดเป็น PER ที่ 15.9 เท่า และ EPS 109.5 ในระดับ 1.2
SD เหนือค่าเฉลี่ยระยะยาว PER โดยจะมีอัพไซด์จาก การปรับตัวเพ่มขึ้นน้อยกว่าคาดของอัตราผลตอบแทน
TH10Y และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด


  สำหรับมุมมอง 4Q17 เรามองว่าการฟื้นตัวของอารมณ์การใช้จ่ายในช่วงปลายปี จะหนุนกลุ่ม Domestic ให้
รายงานกำไรเติบโตได้ดีใน 4Q17-1Q18 ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มท่องเที่ยว (High season 4Q17-1Q18 และคาดจะ
มีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากทางภาครัฐ), กลุ่มการเงิน (การเติบโตของาสินเชื่อแข็งแกร่ง และ NPL
ชะลอตัว), กลุ่มบ้านและอสังหาฯ (Selective BUY กลุ่มที่มีการเปิดตัวของโครงการแข็งแกร่งและกำไรเติบโต
โดดเด่นใน 4Q17), และ สื่อ&ค้าปลีก (คาดเม็ดเงินโฆษณาจะกลับมาเติบโตโดดเด่น รวมถึงกิจกรรมทาง
การตลาดจะกลับมาคึกคักในช่วงปลายปี)


  สำหรับ 2018 เราชอบกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาพเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มธนาคาร&การเงิน
(NPLs ปรับตัวลดลง), กลุ่มค้าปลีก (กำลังซื้อฟื้นตัว), และกลุ่มสื่อ (ภาคการบริโภคฟื้นตัว และการปรับค่า
โฆษณาที่สูงขึ้น), การกลับมาเป็นขาขึ้นของอัตราผลตอบแทนหุ้นกู้และอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ BoT
ในช่วงกลางปีหน้าคาดจะหนุนกลุ่มธนาคาร และกลุ่มประกัน อีกทั้งการกลับมาอ่อนค่าของ THB/USD คาดจะ
เป็นประโยชน์กับกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, ปิโตรเคมี และ Oil&Gas ต้นน้ำ


Construction: Switch off
  เราปรับคำแนะนำของกลุ่มลงจาก OVERWEIGHT เป็น NEUTRAL เนื่องจากเรามองว่าไม่มีปัจจัยบวกที่จะ
หนุนราคาหุ้นในระยะ 4 เดือนข้างหน้า (งานประมูลใหญ่ส่วนมากจบไปแล้ว) แม้ว่าผู้ประกอบการในกลุ่มจะมี
งานในมือค่อนข้างมาก แต่ตลาดรับรู้ประเด็นนี้หมดแล้ว เรามองว่าราคาหุ้นของกลุ่มไม่น่าจะปรับตัวขึ้นไปใน
ระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ที่ 1-1.5SD เหนือค่าเฉลี่ยระยะยาว PBV เรามองว่าค่าที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 0.5-
1SD เหนือค่าเฉลี่ยระยะยาว PBV เรามีการปรับราคาเป้าหมาย CK และ STEC ลงมาที่ 29.25 บาท และ 27
บาท ตามลำดับ รวมถึงปรับคำแนะนำทั้ง 2 บริษัทลงจาก ซื้อ เป็น ถือ สำหรับงานประมูลที่เหลือถึงปลายปี
จะมี Contract 2 ของ Map Kabao – Jira มูลค่า 7 พันล้านบาท ซึ่งดีเลย์ไปในเดือน พ.ย. และ Signaling
contract (มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท) คาดใน 4Q17 เรามองว่าการประมูลโครงการใหญ่จะกลับมาอีกครั้งใน
1H18 ทั้ง MRT สายสีม่วงใต้, MRT สายสีส้มตะวันตก และทางด่วนพระราม 3 – ดาวคะนอง รวมถึงโครงการ
รถไฟรางคู่ส่วนที่ 2 และอาจจะมีโครงการตามแผนงาน EEC


CENTEL (Company Update): High hopes for inorganic growth
  เรายังคงชอบ CENTEL และมองว่าราคาหุ้นยัง laggard กลุ่มฯ อยู่ ในขณะที่หากภาครัฐออกมาตรการกระตุ้น
การท่องเที่ยว เรามองว่า CENTEL จะเป็นตัวแทนของกลุ่มที่จะปรับตัวขึ้นได้ เราคาดผลการดำเนินงานของ
โรงแรมจะปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ 3Q17 เช่นเดียวกับธุรกิจอาหารที่คาดยอดขายรวมจะกลับมาเติบโตได้ นอกจาก
จากนี้ปลายปีบริษัทมีเปิดโรงแรมใหม่เพิ่ม Cosi Samui และยังมีโอกาสที่จะเห็น deal M&A เราคงคำแนะนำ
ซื้อ ราคาเป้าหมาย 44 บาท


หุ้นมีข่าว/ประเด็น
  (+) BCP เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตร มาส 3 คาดสูงกว่าไตรมาส 2 ที่ทำได้ 40,200 ล้านบาท และ
กำไรสุทธิ 992.57 ล้านบาท หลัง จากค่าการกลั่น (market GRM) อยู่ระดับสูง คาดอยู่ที่ 7.5 เหรียญสหรัฐ
เนื่องจากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ (Harvey) ทำให้มีโรงกลั่นหลายแห่งในสหรัฐหยุดผลิต รวมถึงการหยุดซ่อม
โรงกลั่นที่อินเดีย อีกทั้งราคาน้ำมันดิบดูไบ อยู่เฉลี่ยประมาณ 50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล (ที่มา ไทย
โพสต์)


  (+/-) เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า กสทช.มีแนวคิดที่จะนำคลื่นความถี่ย่าน 900 และ 1800 เมกกะ
เฮิรตซ์ มาประมูลก่อน คลื่นย่าน 2600 เมกกะเฮิรตซ์ของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้เพราะเห็นว่า
การประมูลคลื่น 900 และ 1800 เมกกะเฮิรตซ์ น่าจะทำได้รวดเร็วมากกว่า เนื่องจากเป็นการประมูลล่วงหน้า
ก่อนที่สิ้นสุดสัญญาสัมปทาน โดยคลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกกะเฮิรตซ์ อยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานระหว่าง
บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กับบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ
ดีแทค ที่ใช้งานอยู่จำนวน 45 เมกกะเฮิรตซ์ จะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 30 กันยายน 2561 และคลื่นความถี่
ย่าน 850 เมกกะเฮิรตซ์ (ซึ่งอยู่ในย่าน 900 เมกกะเฮิรตซ์)จำนวน 10 เมกกะเฮิรตซ์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น
จำกัด (มหาชน) ใช้งานอยู่ เดิมกสทช.มีแนวคิดที่จะทำคลื่นทั้งสองย่ายมาประมูลล่วงหน้าอยู่แล้ว
กสทช.จะเริ่มต้นกระบวนการนำคลื่นทั้ง 3 ย่านมาประมูลพร้อมกันในเดือนตุลาคม โดยจะเริ่มจัดทำร่าง
หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคม ของคลื่น 900 และ 1800
เมกกะเฮิรตซ์ ก่อน ขณะที่จะเริ่มดำเนินการประเมินมูลค่าและจัดทำหลักเกณฑ์ในการเยียวยาการขอคืน
คลื่น 2600 เมกกะเฮิรตซ์จากบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ไปพร้อมกัน กสทช. คาดว่าการขอคืนคลื่น
2600 เมกกะเฮิรตซ์ อาจจะต้องใช้เวลาในการเจรจาหาข้อยุติเกี่ยวกับมูลค่าคลื่นและกรอบวงเงินเยียวยา
หากนำคลื่น 2600 เมกกะเฮิรตซ์ มาประมูลก่อนอาจทำให้การประมูลล่าช้าไม่ทันกับความต้องการของผู้
ให้บริการโทรศัพท์มือถือ


  สำหรับคลื่น 2600 เมกกะเฮิรตซ์ คาดว่าจะเริ่มกระบวนการประมูลได้จริงประมาณกลางปี 2561 ซึ่งหาก
เรื่องมูลค่าคลื่นและการเยียวยาตกลงกันได้ก่อนก็สามารถนำมาประมูลต่อจากคลื่น 900 และ 1800 เมกกะ
เฮิรตซ์ ได้เลย กสทช.ประเมินว่าจะมีใบอนุญาตที่เปิดประมูลของคลื่น 900 และ 1800 เมกกะเฮิรตซ์
จำนวน 4 ใบ และน่าจะทำรายได้อย่างน้อย 155,000 ล้านบาท"นายฐากร กล่าว (ที่มา ASPEN/อินโฟ
เควส)
  (+) ตั้ง'ประเสริฐ บุญสัมพันธ์' หัวหน้าทีม เดินสายโรดโชว์ต่างประเทศดึงลงทุนอีอีซี รัฐมนตรีเมตินำทัพ
ธุรกิจญี่ปุ่นร่วม 600 บริษัทพบ 'ประยุทธ์' วันนี้ ไขข้อข้องใจสอบถาม 3 ประเด็นใหญ่ เกี่ยวกับการลงทุน
ของญี่ปุ่นในพื้นที่อีอีซี ท่ามกลางการรุกหนักของจีนในไทย หวังใช้เป็นฐานข้อมูลตัดสินใจ ขณะที่ไทยยัน
ให้ความร่วมมือทุกประเทศพร้อมเปิดกว้างรับการลงทุน ด้าน "อุตตม" เผย 5-6 บริษัทยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่น
ปักหลักใช้ไทยฐานผลิตอุตสาหกรรรมแห่งอนาคต มั่นใจปีหน้า เห็นเม็ดเงินลงทุนอีอีซีขั้นต่ำแสนล้าน
(ที่มา กรุงเทพธุรกิจ)

(+) XD:
  12 กย. BANPU 0.30 บ. BCP 1.05 บ. BDMS 0.13 บ. BPP 0.30 บ. KBANK 0.50 บ. TPIPP 0.10 บ.
  

(+) Opportunity day:
  จันทร์ 11 กย: HARN TM COMAN ASN THRE
  อังคาร 12 กย: BCPG UBIS SAT PYLON ANAN MBK
  พุธ 13 กย ATP30 SEAFCO SNP ASIAN WORK
  พฤหัส 14 กย FVC TWPC AU TACC UPOIC LST
  ศุกร์ 15 กย. PPP ZIGA PLANB TRC BJC


ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
  (+) ความเสี่ยงในตลาดหุ้นเอเชียเหนือ และสหรัฐฯ จากกรณีพิพาทระหว่างเกาหลีเหนือ และชาติพันธมิตร
สหรัฐฯ คาดจะเป็นเหตุให้ตลาดเอเชียเหนือ, สหรัฐฯ, ยุโรป ที่ Outperform มาตั้งแต่ต้นปี ถูกล็อกกำไร และ
หุ้น Southeast Asia อย่างหุ้นไทย ซึ่งเป็นตลาดเดียวที่ Underperform มาตั้งแต่ต้นปี กลับมาเจิดจรัสอีก
ครั้ง และ ทำให้ถนน(การลงทุน)ทุกสาย มุ่งหน้าสู่ตลาดหุ้นไทย
  (-) US Government shut down คาดมีโอกาสเกิดขึ้นได้ในระยะสั้นๆ จากความวุ่นวายการเมืองสหรัฐฯ
เหมือนเมื่อ 1-16 ตค.ปี 2013 ที่เคยเกิดเป็นเวลาสั้น และ กระทบต่อหุ้นไทย-สหรัฐฯไม่นาน ก่อนตลาดหุ้นจะ
ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่หลังจากนั้น


  (0) การประชุมเฟด 19-20 กย.คาดคงดอกเบี้ย
  (+) รองประธานเฟด Fischer (หนึ่งในตัวเต็งประธานเฟดคนต่อไป) ประกาศลาออก ส่งผลบวกต่อโอกาสที่
ปธน.ทรัมป์จะวางตัว ประธานเฟดคนใหม่ที่เอื้อต่อ นโยบาย ปธน.ทรัมป์ ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน 'ประธานเฟด
เยลเลน' ในปีหน้า และคำสัมภาษณ์ ปธน.ทรัมป์ ที่อ่อนลงต่อเกาหลีเหนือ คาดส่งผลต่อ Risk appetite ใน
ตลาดหุ้นโลก

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!