WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSSบล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ >> เก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กและหุ้นที่ยัง Laggard

  ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับตัวขึ้นระหว่างวันได้ค่อนข้างดีและขึ้นทดสอบ 1,650 จุด ก่อนที่ในช่วงบ่ายจะเริ่มมีแรงขายออกมาและทำให้ดัชนีปิดบวกได้เพียงเล็กน้อย โดยสถานะของนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่นอีก 1,586 ลบ. แต่ก็ยัง Short ในตลาดฟิวเจอร์สสูงถึง 17,147 สัญญา (ราว 3,400 ลบ.)
  แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET ยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้จากบรรยากาศการลงทุนที่ยังผ่อนคลายหลังเกาหลีเหนือไม่ได้ทดสอบขีปนาวุธในวันชาติ และได้แรงหนุนหลังธนาคารกลางจีนผ่อนคลายกฎเกณฑ์การทำ Forward เงินตรงต่างประเทศเพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินหยวน ทำให้เรามองว่ากระแสเงินทุนมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่ อย่างไรก็ตามกรอบการบวกอาจถูกจำกัดจากราคาน้ำมันดิบปรับลงกว่า 3% เนื่องจากโรงกลั่นยังฟื้นตัวช้าหลังจากเฮอร์ริเคนฮาร์วีพัดถล่ม 
  กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กและหุ้นที่ยัง Laggard
  หุ้นเด่นเดือน ก.ย. : BCH, CPALL, IRPC, SCC, TMB

  Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$20ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$208ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไต้หวัน US$158ล้าน และไทย US$48ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังจากสุดสัปดาห์ที่เป็นวันชาติเกาหลีเหนือที่ผ่านมาไม่มีการทดลองขีปนาวุธ


ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> INTUCH <<
ราคา INTUCH ต่ำกว่า NAV ถึง 21% มากกว่าค่าเฉลี่ยที่ 15% และอัตราส่วนราคาของ INTUCH:ADVANC ลงแตะกรอบล่างในรอบ 5 ปีที่ 0.30 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 0.33 เท่า INTUCH จึงมีโอกาศเคลื่อนไหวเด่นกว่า ADVANC ในระยะใกล้นี้
ยอด Short Sale ต่อวันต่ำเพียง 5% ของค่าเฉลี่ยต่อวันตั้งแต่ต้นปี ขณะที่ NVDR ซื้อเพิ่มต่อเนื่อง เพียง 6 วันทำการเดือนนี้ซื้อไปแล้ว 141 ลบ. คิดเป็น 42% ของยอดซื้อทั้งเดือน ส.ค. 17
คาดกำไรปีนี้ -27% Y-Y ก่อนจะกลับมา +7% Y-Y ในปีหน้าตามคาดการณ์กำไรของ ADVANC แต่จุดเด่นเชิงพื้นฐานของ INTUCH คือปันผล ซึ่งยังอยู่ในระดับ 4-4.5% ต่อปี แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 64 บาท  


ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) น้ำมันดิบร่วง จากผลของพายุ Irma ที่อาจกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันในสหรัฐฯ แต่คาดว่าจะกระทบระยะสั้น เพราะระดับความแรงเริ่มลดลง และแท่นขุดเจาะในสหรัฐฯพลิกมาอ่อนตัวลง 3 แท่น เหลือ 756 แท่น รวมถึงซาอุเริ่มพูดถึงการขยายการลดการผลิตน้ำมัน  
(0) เกาหลีเหนือไม่ทดสอบขีปนาวุธเพิ่มเติม มีเพียงงานเฉลิมฉลองวันชาติครบ 69 ปี และความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธไฮโดรเจนเมื่อ 3 ก.ย. 17 แรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงเริ่มลดลง ขณะที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯยังเคลื่อนไหวต่ำสุดในรอบ 10 เดือน ทำให้กระแสเงินมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียต่อเนื่อง
(0) ยอดนำเข้าของจีนเดือน ส.ค. ในรูปเงินดอลลาร์ +13% Y-Y เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +11% Y-Y ส่วนในรูปบเงินหยวน +14.4% Y-Y ชะลอเล็กน้อยจาก +14.7% Y-Y ในเดือนก่อนหน้า ส่งผลบวกต่อราคาโภคภัณฑ์ สินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้นมากคือสินแร่เหล็ก ถ่านหิน และทองแดง โดยเฉพาะถ่านหินที่คาดว่า อุปสงค์จะยังสูงต่อไปเพราะเริ่มเข้าฤดูหนาว เป็นผลดีต่อ BANPU


(+) COMAN ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนผลประกอบการที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และการขยายตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่โดดเด่น รวมถึงการรับรู้กำไรที่สดใสของซินเนเจอร์ใน 2H17 โดยซื้อขายบน PE2018 ซึ่งเป็นช่วงกำไรกลับเข้าสู่ระดับปกติเพียง 20 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มท่องเที่ยวที่ 30 เท่า ขณะที่ เงินสดในมือสูง 2 บาท/หุ้นและไม่มีหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย เราจึงยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 8.10 บาท วันนี้จะมี Opp Day และ Analyst Meeting วันที่ 13 ก.ย. 17
(+) FTE ยอดขายอุปกรณ์ดับเพลิง ก.ค. 17 กลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบปีราว 20-25% Y-Y จาก order ที่อั้นตามเศรษฐกิจที่ชะลอมาตั้งแต่ต้น ขณะที่ งานโครงการที่มี backlog 277 ลบ. คาดว่าจะส่งมอบเร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะงานภาครัฐเพื่อให้ทันการปิดงบประมาณปลาย ก.ย. 17 ส่วนการเปิดตลาดในกัมพูชาที่ผู้บริหารเพิ่งไปคุยเมื่อวันศุกร์ จะไปเปิดตลาดร่วมกับผู้รับเหมาเหมือนที่ทำกับพม่าและลาวซึ่งประสบความสำเร็จดีและไม่เสี่ยง ทำให้เรามั่นใจว่ากำไรปีนี้จะทำได้ตามคาดที่ 114 ลบ. +31% Y-Y ยังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.30 บาท

ปัจจัยที่ต้องติดตาม
11 ก.ย. - ไทย: Opp Day – HARN TM COMAN ASN THRE
11-13 ก.ย. - ไทย: องค์กรภาครัฐฯและนักลงทุนญี่ปุ่นเข้าเยี่ยมชมโครงการ EEC
13 ก.ย. - สหรัฐฯ: ดัชนีราคาผู้ผลิต
14 ก.ย. - จีน: ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (ส.ค.)
- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)  
15 ก.ย. - ไทย: EA และ WORK เริ่มเข้าคำนวณใน FTSE ส่วนหุ้นที่ถูกนำออกคือ MBKET
- สหรัฐฯ: ยอดค้าปลีก (ส.ค.)
19-20ก.ย. - สหรัฐฯ: ประชุม FOMC   

(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ปิดผสมในกรอบแคบ โดยแม้มีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มประกันที่ฟื้นตัว แต่มีแรงขายในกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมัน ความกังวลต่อสถานการณ์พายุเออร์มา และ วันชาติเกาหลีเหนือ
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในกรอบแคบ โดยมีปัจจัยกดดันจากหุ้นกลุ่ม commodities หลังตัวเลขส่งออกจีนออกมาต่ำกว่าคาด ขณะที่ นักลงทุนยังติดตามสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี และ พายุในสหรัฐ
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดบวก จากความกังวลสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีที่คลี่คลายหลังไม่มีการทดสอบขีปนาวุธ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แกว่งตัวในทิศทางอ่อนค่า โดยล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 33.11-33.13 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดลบ 1.61 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 47.48 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากอุปสงค์ของน้ำมันที่มีแนวโน้มชะลอตัวจากโรงกลั่นน้ำมันบางแห่งอาจต้องใช้เวลานานกว่าคาดกว่าจะกลับมาเดินเครื่องได้ และ ความกังวลพายุเออร์มาที่พัดเข้าสู่รัฐฟลอริด้าจะทำให้ demand น้ำมันลดลง
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดบวก 0.90 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,351.20 ดอลลาร์/ออนซ์ แตะระดับสูงสุดรอบ 1 ปี จากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าและความกังวลสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี

Contact person : Jitra Amorntham Register : 014530
Tel: 02-646-9966 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!