WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

'เข้าซื้อใหม่...คุมไว้ด้วย SET เหนือ 1620'


หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : วานนี้ SET พุ่งขึ้นแรง ปิด +11.35 จุดที่ 1632.65 นำโดยกลุ่มพลังงาน (PTTEP, PTT, PTTGC) แบงค์ใหญ่ (BBL, KBANK) นิคมฯ (AMATA, WHA) สื่อ & บันเทิง (RS, WORK) ส่วนรายตัวที่เด่นๆ คือ BJC, EA, MEGA, SIRI เป็นต้น ต่างชาติและสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1.1 และ 2.1 พันล้านบาท ตามลำดับ
ประเด็นวันนี้ : ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นต่อเป็นวันที่ 5 หลังพายุเฮอร์ริเคนเออร์มา ความแรงระดับ 5 กำลังเคลื่อนตัวอยู่ในทะเลคาริบเบียน และอาจกระทบการผลิตของโรงกลั่น...หุ้นเด่นของเรายังเป็น PTT, PTTGC ด้านโครงการ EEC มีความคืบหน้าคือ วันที่ 11-13 ก.ย.นี้ จะมีคณะนักลงทุนญี่ปุ่นกว่า 600 รายเข้ามาศึกษาการลงทุนในไทย โดยมีลงพื้นที่ EEC และทำ MOU ส่งเสริมการลงทุนร่วมกันด้วย...เราเห็นว่ากลุ่มนิคมฯได้ประโยชน์เป็นชุดแรกๆ หุ้นเด่น คือ AMATA (มีที่ดินพร้อมขายใน EEC มากสุดถึง 1 หมื่นไร่) รองลงมาเป็น WHA, ROJNA ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ปีนี้ยังไม่ดีนัก ยอดขายติดลบราว 5-7% แต่มีแนวโน้มว่าปี 61 จะกระเตื้องขึ้นจากการลงทุนภาครัฐที่ต่อเนื่องและการลงทุนภาคเอกชนฟื้นตัว หุ้นเด่นซื้อสะสมเพื่อลงทุนเป็น SCC ปันผลดีเป็น DRT (คาด Yield ปีนี้ 5.4%, สำหรับ 1H60 จ่าย 0.18 บาท XD 18 ก.ย.) และ TMT (คาด Yield ปีนี้ 6% จ่ายปีละ 1 ครั้ง)


สำหรับประชุม ECB เมื่อวาน (7 ก.ย.) ก็คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0% ตามคาด ส่วนการปรับวงเงิน QE ประธาน ECB ระบุว่าจะตัดสินใจเร็วสุดภายในต.ค.60 สำหรับเฟดจะมีประชุม 19-20 ก.ย.นี้ ซึ่งประเมินว่าจะคง Fed fund rate ไว้ที่ 1.25% เช่นกัน


กลยุทธ์ลงทุน : การซื้อใหม่คุมไว้ด้วยดัชนีไม่ต่ำกว่า 1620 จุด เน้นการเลือกซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มธุรกิจดี และราคามี Upside จากปัจจุบัน…หุ้นกลยุทธ์แนะนำรายสัปดาห์ช่วง 6-12 ก.ย.60 เป็น AMATA (Value Play) และ SENA (High Yield Play) ส่วนหุ้น Top Picks เดือนก.ย.60 เป็น AMATA, CPN, MINT, TISCO และ Dark Horse คือ SEAFCO
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดยังเป็นบวก เน้นซื้อค่าบวก แนวต้าน 1640-1650, ต่ำกว่า 1620 ควร Wait & See / หรือลดพอร์ตในส่วนที่เพิ่งซื้อใหม่ตอนต้นทุนสูงไปก่อน สำหรับการ SCAN หุ้นที่คาดว่าราคาจะทำ New High ได้ พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น KBANK, BBL, UNIQ, GPSC, CBG หุ้นยังอยู่ใน List คือ CK, BCPG, TISCO, ANAN, MAJOR หุ้นหลุด List -ไม่มี- ส่วนหุ้นแนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะขายทำกำไรเป็น INTUCH, PTTGC, IRPC, EA, MONO, WHAUP

นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค& Reseach Team - [email protected]

 

Need to know TODAY

ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
ยูโรโซน : ในการประชุม 7 ก.ย.60 ทาง ECB คงนโยบายการเงินไว้ที่เดิมตามคาด
# ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0% ตามคาดในการประชุมเมื่อวานนี้ (7 ก.ย.) และนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB เปิดเผยว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB จะพิจารณาเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ โดยการตัดสินใจอาจมีขึ้นอย่างเร็วที่สุดภายในเดือนต.ค.60 ทั้งนี้ปัจจุบันวงเงิน QE อยู่ที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือนซึ่งจะดำเนินการไปถึงสิ้นธ.ค.60


- สหรัฐ : จำนวนชาวสหรัฐที่ขอรับสวัสดิการครั้งแรกสัปดาห์ก่อนพุ่งขึ้นถึง 6.2 หมื่นราย
# จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้น 62,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 298,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2015 โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 241,000 ราย


ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดัชนีบวก/ลบไม่มาก
# อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงหลังรองประธานเฟด คือ นายฟิสเชอร์ลาออกก่อนหมดวาระ รวมทั้งกังวลสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี ทำให้นักลงทุนขายหุ้นที่ปรับขึ้นมากก่อนหน้า คือ กลุ่มธนาคารและสื่อสารออกมาก่อน อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังขยับขึ้นได้


ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาขยับขึ้นต่อเป็นวันที่ 5
# EIA ของสหรัฐระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ก.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่ม 2.7 ล้านบาร์เรล
# จับตาพายุเฮอร์ริเคน "เออร์มา" ซึ่งมีความรุนแรงในระดับ 5 และกำลังเคลื่อนตัวอยู่ในทะเลคาริบเบียน และอาจกระทบการผลิตของโรงกลั่น
# ปิดตลาดสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. -7 เซนต์ หรือ -0.1% ปิดที่ 49.09 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 54.49 ดอลลาร์/บาร์เรล


ปัจจัยในประเทศ และหุ้นมีข่าว
+ นักลงทุนญี่ปุ่นกว่า 600 รายจะเข้ารับฟังนโยบายและดูพื้นที่โครงการ EEC ช่วง 11-13 ก.ย.นี้
# รมว.อุตสาหกรรมเปิดเผยว่าในวันที่ 11-13 ก.ย.60 ทางกระทรวงฯเตรียมต้อนรับรมว.กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (เมติ) รวมทั้งนักลงทุนกว่า 600 รายมาศึกษาลู่ทางการลงทุนในไทย โดยวันที่ 11 ก.ย.คณะจะเข้าพบนายกรัฐมนตรีไทยเพื่อรับฟังนโยบายรัฐบาล และวันที่ 12 ก.ย.ลงนาม MOU เพื่อสนับสนุนการค้าการลงทุนร่วมกัน & สัมมนา วันที่ 13 ก.ย.จะลงพื้นที่ EEC


# สำหรับอุตสาหกรรมที่ผลักดันในพื้นที่ EEC คือ ชิ้นส่วนยานยนต์, อิเลคทรอนิกส์, ไบโอเทคโนโลยี, อุตสาหกรรมบริการ เป็นต้น
# กลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ชุดแรกจากความคืบหน้าของโครงการ EEC คือ นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งหุ้นเด่นของ DBS คือ AMATA (มีที่ดินพร้อมขายในพื้นที่ EEC มากที่สุดถึง 1 หมื่นไร่ ให้ราคาพื้นฐาน 22 บาท ซึ่งมี Discount จากมูลค่าหุ้นที่ประเมินด้วย Sum-of-parts ที่ 31 บาทอยู่ 30%) รองลงมาเป็น WHA (ราคาพื้นฐาน 3.56 บาท) และ ROJNA (ราคาพื้นฐาน 6.55 บาท)

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!