- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 08 September 2017 16:42
- Hits: 1069
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดกระโดดขึ้น แกว่งตัวสลับขึ้นลง ที่มีจุดต่ำสุดของวันที่ 1622.34 จุด เพิ่มขึ้น 1.04 จุด ก่อนที่ช่วงบ่ายมีแรงซื้อจากหุ้นขนาดใหญ่-กลาง นำโดย PTT, PTTEP, KBANK, BJC, GGC, WORK ขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1634.30 จุด เพิ่มขึ้น 13 จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่กว้างขึ้น 11.96 จุด ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1632.66 จุด เพิ่มขึ้น 11.36 จุด (+0.70%) มูลค่าการซื้อขาย 62,942 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้เปรับตัวขึ้นแรงเกินคาด หลังจากที่แกว่งตัวออกข้างในรูปแบบของชายธง (Pennant) ด้วยเบรกกรอบการแกว่งตัวเดิมกระโดดขึ้นสร้าง Gap มีความกว้าง 0.92 จุด (1621.42-1622.34) ขึ้นทำ New High ที่ 1634 จุด และทำปิดที่ใกล้จุดสูงสุดของวัน จากภาพของดัชนีที่เบรกกรอบการเคลื่อนเดิมและ High เดิม (1626) ทำให้เปิด Upside ที่คาดหวังการขึ้นไปทดสอบ 1640-1650 จุด แต่อย่างไรก็ตามการขึ้นมาอย่างร้อนแรงและสัญญาณ Overbought ทำให้ระยะสั้นดัชนีมีโอกาสชะลอตัวเพื่อการไปต่อ โดยขยับแนวรับขึ้น 1625-1629 จุด แนวต้าน 1637-1641 จุด
แกว่งตัวผันผวน - มีโอกาสชะลอตัว ลดความร้อนแรง เพื่อไปต่อ
Support 1605-1600 // 1590 จุด Resistance 1630 // 1650 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
'เล่นปัจจัยในประเทศไปพลางๆ'
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯจะยังวิ่งในกรอบแคบ ปัจจัยชี้นำที่สำคัญ จะมาจากปัจจัยต่างประเทศ การขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯออกไปถึงกลางเดือน ธ.ค. เป็นบวกต่อตลาด แต่ทว่า สถานการณ์เกาหลีเหนือ ที่ยังตึงเครียด และตลาดอาจต้องรอจนถึงวันที่ 9 ก.ย.ที่ระบุว่าเกาหลีเหนือจะมีการทดลองขีปนาวุธอีกครั้ง …. ปัจจัยในประเทศ แรงซื้อหุ้นที่แผ่วเบาลง เพราะขาดแรงกระตุ้นใหม่ๆ นักลงทุนเข้ามาเล่นหุ้นด้วยปัจจัยเฉพาะตัวมากกว่า ส่งผลให้ดัชนีฯขยับไปไหนไม่ได้มาก
กลยุทธ์การลงทุน : เช่นเดียวกับหลายๆวันที่ผ่านมา ที่ตลาดหุ้นไทย underperform ตลาดอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ทำให้ downside น้อย เพียงแต่แรงซื้อยังน้อย และมีข่าวเกาหลีเหนือเข้ามาถ่วงตลาดไว้ แรงขายหุ้นในตลาดเอเซียของนักลงทุนต่างประเทศแต่กลับซื้อพันธบัตรเป็นสัญญาณถึงความกังวลนี้และเก็งว่า Fed จะยังไม่รีบร้อนปรับขึ้นดอกเบี้ย ....
กลยุทธ์การลงทุน จึงควรเน้นตั้งรับ หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีหรือราคาลงมาในระดับที่เหมาะสม ขณะที่หุ้นขนาดเล็กหรือหุ้นที่มีการนำเสนอข้อมูลผ่านงาน Op. Day อาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นพิเศษ
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ KBANK, HMPRO, ROJNA* , TKN*, BEM*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : GGC, RCL, PT
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+) HANA : SIA รายงานยอดขาย Semiconductors โลกในเดือน ก.ค. ออกมาสูงสุดต่อเนื่อง
(+) HMPRO : ยอดขายสาขาเดิมฟื้นตัวขึ้น คาดการบริโภคค่อยๆฟื้นตัวาคต
(+) SINGER : พลิกโฉมจากขาดทุน 1H17 เป็นกำไรที่เติบโตในระยะยาว
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (07 ก.ย.) ปิดที่ระดับ 1,632.66 จุด เพิ่มขึ้น 11.36 จุด หรือ +0.70% มูลค่าการซื้อขาย 62,941.64 ล้านบาท ตลาดปรับตัวขึ้นนำโดยกลุ่ม PTT จากราคาน้ำมันที่พลิกตัวกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง อีกทั้งปัจจัยต่างประเทศยังมีทิศทางเป็นบวกมากขึ้นเป็นไปตามที่เราระบุไว้ในรายงานของวานนี้
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,784.78 จุด ลดลง 22.86 จุด หรือ -0.10% จากปัจจัยเฉพาะตัวหลังบริษัท คอมแคสต์และวอลท์ดิสนีย์ได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ และความกังวลจากพายุเฮอร์ริเคนเออร์มา .... ด้าน Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น +0.3% ปิดที่ 374.95 จุด จากประเด็นบวก ECB ที่มีแนวโน้มคงนโยบาย QE
ปัจจัยต่างประเทศ: ECB คงดอกเบี้ยตามคาด, พายุเออร์มาเป็นประเด็นลบใหม่, ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาต่ำกว่าคาดมองเป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราว ภาพต่างประเทศยังคงเป็นบวกต่อเนื่องจากวันก่อน โดยมีแรงหนุนจากการแถลงข่าวหลังประชุม ECB ว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ ECB ดำเนินนโยบาย QE ต่อไป ซึ่งจะทำการตัดสินใจกรณีขยายเวลาใช้มาตรการ QE ในการประชุมเดือน ต.ค. ....
พายุเฮอร์ริเคนเออร์มา พัดถล่มแถบเปอร์โตริโก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และขึ้นระดับ 5 ซึ่งมองว่าเป็นปัจจัยลบใหม่ของตลาด .... ด้านตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้น 62,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 298,000 โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 241,000 ราย การเพิ่มขึ้นมากเป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราวจากพายุฮาร์วีย์
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังขึ้นมา 5 วันติดต่อกัน สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 7 เซนต์ หรือ -0.1% ปิดที่ 49.09 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังปรับตัวขึ้นมา 5 วันติดต่อกัน โดยได้ปัจจัยลบจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาพายุเฮอร์ริเคน "เออร์มา" ซึ่งมีความรุนแรงในระดับ 5 และกำลังเคลื่อนตัวอยู่ในทะเลคาริบเบียน
ปัจจัยในประเทศยังรอประเด็นบวกใหม่ ยังไม่มีประเด็นบวกที่เป็นนัยยะสำคัญสำหรับปัจจัยในประเทศ โดยปลัดกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า มาตรการรลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวยังไม่มีความคืบหน้า และระบุว่า ททท.คงไม่ต้องการมาตรการนี้อีกต่อไปแล้ว
หุ้นนำเสนอข้อมูลในงาน Opp Day วันนี้ LIT, BCP, LHK, RJH, MOONG
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
KBANK(ราคาปิด 205.00) จากเรามองหุ้นอิงเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้น ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารที่อิงภาวะเศรษฐกิจ จึงน่าจะดีตามไปด้วย .... วานนี้ TMB Analytics ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2017 ขยายตัวได้ 3.5% สูงกว่าที่คาดเดิมที่ 3.3% ส่วนมุมมองในกลุ่มธนาคารฯคาดสินเชื่อปี 61 จะเติบโตได้ที่ 5.7% และคาดว่า NPL จะทำจุดสูงสุดในช่วง 3Q60 ที่ระดับ 3.0% และจะปรับตัวลดลงในปีหน้าตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ประเด็นดังกล่าวสร้างผลบวกต่อ KBANK .… คาดกำไรสุทธิปี 2017 เติบโต +9.3% YoY ที่ 43,909 ล้านบาท .... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 207.00 บาท)
HMPRO(ราคาปิด 10.50) ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 74.5 สวนทางกับที่เราคาดว่าจะลดลง ซี่งเราคาดว่ากลุ่มค้าปลีกจะพลิกกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง ....
ยอดขายของสาขาเดิมพลิกฟื้นขึ้นในเดือนก.ค.-ส.ค. 2017 จากเดิมที่คาดว่าจะอ่อนตัว อีกทั้งใน 4Q17 จะเป็นช่วงที่การบริโภคอยู่ในระดับสูงตามเทศกาลรวมถึงช่วงพระราชพิธีไว้อาลัยผ่านพ้นไป ซึ่งจะทำให้ปริมาณการบริโภคและยอดขายปรับตัวขึ้น บริษัทมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขยายสาขาโดยจัดสินค้าให้หลากหลายแต่ใช้พื้นที่น้อยลงเสริมด้วยการขายแบบออนไลน์ รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนของ private brand ทำให้สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ดี เราคาดว่า กำไรจะเติบโตขึ้น 11% ในปี 2017 และ 13% ในปี 2018 หลังจากผ่านพ้นช่วงการบริโภคที่อ่อนตัวและเข้าสู่ช่วงเทศกาลปลายปี เราแนะนำ "ซื้อ" โดยประเมินราคาเป้าหมายโดย DCF ที่ 11.5 บาท Upside 10% ทั้งนี้ราคาหุ้นได้มีการปรับตัวขึ้นมาพอสมควร จึงควรหาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคามีการอ่อนตัว
ROJNA*(ราคาปิด 5.55) ได้ประเด็นบวกต่อเนื่องจากประเด็นวานนี้ที่ ระบุว่า นักลงทุนญี่ปุ่นจะลงพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) สนับสนุนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่ง TICON (ROJNA ถืออยู่ 26.10%) มีพื้นที่นิคมฯในเขต EEC …. Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 1,158 ล้านบาท เติบโตมากถึง +898% YoY …. (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 7.20 บาท)
TKN*(ราคาปิด 22.00) ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงไปมากก่อนหน้านี้เป็นผลมาจากการดำเนินงานของโรงงานใหม่ที่ยังประสบปัญหาด้าน operation ส่งผลให้มีกำลังการผลิตไม่เต็มที่ เรามองประเด็นดังกล่าวจะเริ่มคลี่คลายลงได้ในช่วงครึ่งปีหลีงนี้ .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 เติบโต 7.9% YoY ที่ 843 ล้านบาท แต่จะเติบโตได้ดีมากในปี 2018 ที่ +32.7% YoY ที่ 1,119 ล้านบาท …. (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 23.57 บาท)
BEM*(ราคาปิด 7.85) มอง BEM มีความน่าสนใจจาก 2 ประเด็นได้แก่มารตรการ ครม. ที่เห็นชอบระบบตั๋วร่วม หรือ e-ticket หรือบัตรแมงมุม ซึ่งในอนาคตสามารถใช้ร่วมกันทั้งรถเมล์ รถไฟฟ้า เรือโดยสาร แอร์พอร์ตเรียลลิงค์ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่อยู่ระหว่างรอประมูลมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท....มีมุมมองในเชิงบวกต่อผลการดาเนินงานปี 2017 จากการรับรู้รายได้โครงการทางด่วนศรีรัชเต็มปี และผู้โดยสารที่ feed in เข้ามายังสายสีน้าเงินหลังจากที่จุดเชื่อมต่อบางซื่อ-เตาปูนได้เปิดให้บริการ Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 3,258 ล้านบาท (+16.6% YoY) (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 8.42 บาท)
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
(+) กลุ่มรับเหมาฯ ผลประมูลรถไฟทางคู่วานนี้ผลปรากฏว่า ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางจิระ สัญญา 3 ซึ่งเป็นงานอุโมงค์ JV ระหว่าง ITD-RT เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดที่ราคา 9,290 ล้านบาท จากราคากลางที่ 9,399.46 ล้านบาท และ ลพบุรี-ปากน้ำโพ สัญญา 1 ช่วงบ้านกลับ-โคกกระเทียม ซึ่งเป็นงานรถไฟยกระดับ JV ระหว่าง UNIQ-Sino Hydro เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด 10,050 ล้านบาท จากราคากลาง 10,147 ล้านบาท ในเชิงกลยุทธ งานรับเหมาฯที่ออกมามากและราคาต่ำสุดไม่ต่างจากราคากลางมากเป็น sentiment ในเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ โดยเรามองว่าภายในปีนี้จะมีอีก 2 โครงการที่ออกประมูลได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีม่วงต่อขยายมูลค่าโครงการ 101,112 ล้านบาท และ รถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-จิระสัญญาที่ 3 มูลค่าโครงการ 6,869 ล้านบาท
(-) กลุ่มท่องเที่ยว ปลัดกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า มาตรการรลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวยังไม่มีความคืบหน้า และระบุว่า ททท.คงไม่ต้องการมาตรการนี้อีกต่อไปแล้ว สวนทางกับที่เราคาดไว้ก่อนหน้านี้ว่ามาตรการดังกล่าวจะเข้า ครม. ภายในสัปดาห์นี้-สัปดาห์หน้า ความน่าสนใจของกลุ่มท่องเที่ยวจากประเด็นดังกล่าวจึงหมดไป เป็นลบต่อกลุ่มท่องเที่ยวที่เราเคยแนะนำไว้ ซึ่งได้แก่ CENTEL, ERW, MINT
(+) HANA SIA รายงานยอดขาย Semiconductors ของโลกสำหรับเดือน ก.ค. 2017 ออกมาที่ 33.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (+24.0% YoY, +3.1% MoM) ยังคงทำสถิติยอดขายสูงสุดต่อเนื่อง เติบโตขึ้นในทุกภูมิภาค นำโดยการเติบโตของยอดขายในสหรัฐฯ 36.1% YoY และ 5.4% MoM โดยเรามองว่าแนวโน้มยอดขายของ HANA ใน 3Q17 จะออกดีตามยอดขาย Semiconductors ของโลกที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ปัจจุบันเราแนะนำ ซื้อ สำหรับ HANA ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 57 บาท
Source: KTBST Research
Analyst : Mongkol Puangpetra
+662 648 1123 [email protected]
Nontapat Rushtasomboon
+662 648 1127 [email protected]