- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 08 September 2017 16:39
- Hits: 1020
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวต้านสำคัญ 1640
SET Index: 1644.69 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องค่อนข้างแรงทะลุผ่านแนวต้านที่ 1640 จุดขึ้นไป พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านที่ 1620 จุดขึ้นมาได้ แต่เมื่อพิจารณาโครงสร้างในระยะยาวที่มีแนวต้านที่ 1640 จุด และแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาขึ้นที่ 1648 จุด จึงทำให้การปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 1640 จุดยังมีความเสี่ยงในการถูกขายทำกำไร โดยมีแนวรับที่ 1620 จุด
แนวต้าน : 1644 และ 1645
แนวรับ : 1640 และ 1636
CPALL = 62.50 / 64.00, ADVANC = 192 / 195, PTT = 404 / 408, AOT = 54.50 / 55.50, SCC = 500 / 504
Kasikornbank (KBANK TB; THB 209.00) – ซื้อ
แนวต้าน : 214 และ 216
แนวรับ : 208 และ 207
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านที่ 205 ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ ในขณะที่แนวโน้มในระยะยาวยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลงต่อเนื่อง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 70
แนะนำซื้อ KBANK โดยมีแนวรับที่ 208 และ 207 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 214 และ 216 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 205 ลงไป
M.D.X. (MDX TB; THB 5.75) – ซื้อ
แนวต้าน : 6.25 และ 6.50
แนวรับ : 5.75 และ 5.70
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นไปได้ ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ MDX โดยมีแนวรับที่ 5.75 และ 5.70 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 6.25 และ 6.50 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 5.50 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 761-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…ขึ้นอีกแต่ไม่มาก
ประเด็นสำคัญในต่างประเทศที่เป็นปัจจัยเชิงบวกต่อตลาดตอนนี้คือ ECB ยังไม่ส่งสัญญาณในการลดการซื้อพันธบัตร และเริ่มมีท่าทีในการประนีประนอมของทั้ง 2 พรรคที่จะผ่านการเพิ่มเพดานหนี้ โดยการเลื่อนการตัดสินออกไปอีก 3 เดือน แต่อย่างไรก็ตามตลาดกลับเริ่มมากังวลกับผลของพายุ Harvey และที่กำลังจะเข้ามาใหม่คือ Irma ที่อาจส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐรวมทั้งผลการดำเนินงานใน Q3/17 ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ปรับตัวลงเล็กน้อย
หากมาดูว่ารอบนี้ทำไมนักลงทุนต่างชาติหรือกองทุน เข้ามาซื้อหุ้นในช่วงปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา พบว่าเม็ดเงินที่เข้ามาซื้อในรอบนี้ เขาดูการเปลี่ยนแปลงของค่า EPS growth ในรอบ 1 เดือนของดัชนี IBES MSCI Thailand นั่นก็คือว่า เมื่อแนวโน้มกำไรของตลาดดีขึ้นหรือ EPS growth ในรอบ 1 เดือนเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างในเดือนที่ผ่านมา EPS growth ของตลาดอยู่ที่ 5.8% แต่พอปลายเดือน ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 6.2% สอดคล้องกับ% การขึ้นของดัชนี SET พอดี ดูรูปด้านซ้าย
ดัชนี SET ที่ปรับตัวขึ้นมาถึง 1630+/- จุด ซึ่งเป็นเป้าสูงสุดที่เราวางไว้ในเดือนนี้ ถือเป็นสัญญาณในเชิงบวกกับตลาด หลังกองทุนในประเทศกลับเข้ามาซื้อรอบใหม่ พร้อมๆ กับแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศ โดยแรงหนุนมาจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานใหญ่เข้ามา อย่างไรก็ตามหากเรามาดูการขึ้นของดัชนีในรอบนี้ ปรากฏว่า จำนวนหุ้นใน SET 100 ที่ขึ้นสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ ยังมีสัดส่วนน้อยเกินไป (10%) เมื่อเทียบกับปี 2013 (20%) ที่จะบ่งบอกว่า ตลาดเริ่มแข็งแรง (ดูรูปด้านขวา) นอกจากนั้นปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นไทยรูปดอลลาร์ ไม่ได้ Underperform อย่างที่เคยเป็นแต่กลับ Outperform ที่สุดในภูมิภาค เพราะฉะนั้นหลังจากนี้ดัชนีตลาดน่าจะเริ่มแกว่งกรอบแคบหรือหากขึ้นต่อจะมีกรอบการขึ้นจำกัดมากขึ้น
ทิศทางดัชนี SET ในสัปดาห์หน้า หากขึ้นต่อ จะต้องมีปัจจัยสนับสนุนในเชิงบวกที่ดีพอ ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนตลาดจะค่อยๆ ซึมซับข่าวในเชิงบวกไปมากแล้ว ประเด็นในอาทิตย์หน้า ยังคงต้องติดตาม ทิศทางราคาน้ำมัน หลังพายุ Irma พัดเข้าสหรัฐ ว่าจะส่งผลต่อการผลิตน้ำมันในสหรัฐหรือไม่ หากส่งผล จะทำให้ราคาน้ำมันขยับตัวขึ้นได้มากกว่านี้ นั่นก็หมายถึงจะยังมีแรงซื้อหุ้นพลังงานใหญ่เข้ามา
กลยุทธ์การลงทุนหลังดัชนีขึ้นมาที่ 1630+/- จุด เรามองว่า แม้ตลาดจะยังมีโมเมนตัมในการขึ้น แต่คงไม่แรง เพราะหุ้นที่จะหนุนดัชนีในกลุ่มหลักๆ เริ่มส่งสัญญาณว่าอิ่มตัว หากมีจะเหลือก็คือ กลุ่ม ธนาคารบางตัวและพลังงานใหญ่ แต่ราคาน้ำมันต้องขึ้นไปขึ้นเหนือ 55 ดอลลาร์/บาร์เรลแล้วยืน ดังนั้นในช่วงที่ตลาดกำลังรอปัจจัยใหม่ๆ เรามองว่าหุ้นที่ยังมีเรื่องราวและค่อยๆ ฟื้นตัว ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่แพง น่าจะเป็นทางเลือก อย่าง กลุ่มการบิน เดินเรือ สื่อสารบางตัวและอาหาร
วันนี้มองแนวโน้มดัชนี SET จะเริ่มแกว่งในกรอบแคบๆ ทั้งแดนบวกและลบเพื่อรอปัจจัยหนุนใหม่ๆ โดยวันนี้คาดน่าจะเริ่มมีแรงขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มหลัก โดยวันนี้มองแนวต้านที่ 1636-1640 จุดและแนวรับที่ 1626-1622 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร TRUE CPF SCB และ BA
Analysts :
Kiatkong Decho +662 761-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,644.69 จุด เพิ่มขึ้น 12.03 จุด (+0.74%) มูลค่าการซื้อขาย40,072.70 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นต่อเนื่องเข้าใกล้บริเวณ 1650 จุด โดยมีแรงซื้อนำจากหุ้นขนาดใหญ่อย่างกลุ่มสื่อสาร ธนาคาร ด้านตลาดภูมิภาคแกว่งบวก ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีในวันเสาร์นี้ นอกจากนี้พายุเฮอร์ริเคนเออร์มา ที่คาดว่าจะพัดเข้าถล่มชายฝั่งรัฐฟลอริดาในวันเสาร์นี้เช่นกัน
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย แกว่งขึ้น มีโอกาสเข้าทดสอบแนวต้านบริเวณ 1648-1650 จุดคาดว่าจะมีแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันในประเทศเข้ามาต่อเนื่อง เรามองว่าตลาดหุ้นไทยค่อนข้างแข็งแรงกว่าภูมิภาค ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ตลาดหุ้นไทยไม่ได้ปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้เหมือนตลาดในภูมิภาค ทำให้แรงกดดันจากการขายทำกำไรมีไม่มากนอกจากนี้การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ต่างถือเป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ให้ออกมาดี เรามองว่าการที่ SET ยิ่งยืนเหนือระดับ 1635จุดได้ต่อเนื่อง จะทำให้สัญญาณการเก็งกำไรดูดีต่อเนื่อง มองกรอบแนวรับ 1635 จุด และแนวต้าน 1650 จุด ระยะสั้นเน้นเก็งกำไรหุ้นรายตัว แนะนำ กลุ่มท่องเที่ยวและสายการบิน AAV, THAI, MINT, CENTEL
Technical Pick (PM) ...
Kasikornbank (KBANK TB; THB 209.00) – ซื้อ
M.D.X. (MDX TB; THB 5.75) – ซื้อ
Analysts :
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]