- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 07 September 2017 17:30
- Hits: 3850
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อ/ถือต่อ'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : วานนี้ SET ปิดทรงตัวที่ 1621.30 แต่ดีกว่าภูมิภาคที่ลบราว 0.4% โดยสถาบันในปท.กลับมาซื้อสุทธิ
ประเด็นวันนี้ : ในสหรัฐมี Update สำคัญ คือ 1. คณะทำงานทรัมป์บรรลุข้อตกลงเรื่องขยายเพดานหนี้กับแกนนำคองเกรสและมีโอกาสที่จะขยายเพดานหนี้ไปถึง 15 ธ.ค.60 ซึ่งหลีกเลี่ยงค.เสี่ยงชัตท์ดาวน์และผิดนัดชำระหนี้ 2. รองปธ.เฟด สแตนลีย์ ฟิชเชอร์ ลาออก (มีผล 13 ต.ค.60)
ซึ่งเปิดทางให้ทรัมป์เอาคนของตนเข้าไป ตลาดกำลังจับตาว่าเรื่องนี้จะกระทบการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยและการลดงบดุลของเฟดหรือไม่
ประเด็นติดตาม คือ ผลประชุม ECB และสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี สำหรับในประเทศ วันนี้ติดตามผลประมูลงานรถไฟรางคู่ต่อ และในเดือนก.ย.นี้จะมีการนำโครงการ EEC เข้าพิจารณาในสนช.ซึ่งเป็นบวกกับกลุ่มนิคมฯ...หุ้นเด่น AMATA ด้านราคาน้ำมันดิบที่ขยับขึ้นทำให้คาดว่า ผลประกอบการกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมีใน 3Q60 จะเพิ่ม QoQ...หุ้นเด่น PTT, PTTGC ส่วนอสังหาฯ หนึ่งในบริษัทที่จะมีกำไร 3Q60 โตเด่นทั้ง YoY และ QoQ คือ ANAN
กลยุทธ์ลงทุน : ถือต่อ/ซื้ออ่อนตัวเมื่อดัชนีไม่ต่ำกว่า 1600 จุด เน้นการเลือกซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มธุรกิจดี และราคามี Upside จากปัจจุบัน…หุ้นกลยุทธ์แนะนำรายสัปดาห์ช่วง 6-12 ก.ย.60 เป็น AMATA (Value Play) และ SENA (High Yield Play) ส่วนหุ้น Top Picks เดือนก.ย.60 เป็น AMATA, CPN, MINT, TISCO และ Dark Horse คือ SEAFCO
+ DBS แนะนำหุ้นพื้นฐานดี ปันผลสูง – ในวันนี้เรานำเสนอ 4 บริษัท คือ 1. TISCO ซึ่งจ่ายปันผลดีและสม่ำเสมอ ซื้อตอนนี้ได้ปันผลเต็มปี
เพราะไม่ได้จ่ายระหว่างกาล เราคาดเงินปันผลปีนี้ไว้ที่ 3.75 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield 5%, 2. KKP แม้จะ XD ปันผลระหว่างกาลไปแล้ว
2 บาท/หุ้น แต่ส่วนของ 2H60 คาดว่าจะจ่ายได้อีก 3-4 บาท/หุ้น ซึ่งคิดเป็น Yield ประมาณ 5%, 3. SENA บริษัทจ่ายปันผล 1H60 ไปไม่มาก
เพราะกำไร 1H : 2H ปีนี้เป็นสัดส่วน 20 : 80 จึงจะจ่ายปันผลงวด 2H สูงมาก คาดไว้ที่ 0.20 บาท/หุ้น Yield ราว 5.3% และ 4. DRT บริษัท
ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.18 บาท/หุ้น กำหนด XD 18 ก.ย. และคาดปันผล 2H60 อีก 0.15 บาท/หุ้น ซื้อตอนนี้จะได้ปันผลรวมปีนี้ 0.33 บาท/หุ้น คิดเป็น Yield ราว 5.5%
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดยังเป็นบวก เน้นซื้อค่าบวก แนวต้าน 1625-1630, 1650, ต่ำกว่า 1600 อาจต้อง Stop loss สำหรับการ SCAN
หุ้นที่คาดว่าราคาจะทำ New High ได้ พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น TISCO, ANAN, EA, MONO, MAJOR, WHAUP หุ้นยังอยูใ่ น List คือ CK,
BCPG, INTUCH, PTTGC, IRPC หุ้นหลุด List เป็น SUPER, KAMART, UV ส่วนหุ้นแนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะขายทำกำไรเป็น ECL,
SAMTEL, ECF, SGP นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค& Reseach Team – [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
• สหรัฐ : สแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟดลาออก เปิดทางให้ทรัมป์ส่งคนของตนเข้าไปแทน
# จับตาความเคลื่อนไหวภายในองค์กรธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากนายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟด
วัย 74 ปี ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ และจะมีผลในวันที่ 13 ต.ค.นี้ โดยการลาออกของนายฟิสเชอร์จะ
เปิดโอกาสให้ปธน.ทรัมป์ส่งคนของตนเข้ารับตำแหน่งในคณะกรรมการเฟด ในช่วงที่เฟดกำลังดำเนินการปรับ
นโยบายการเงินให้กลับสู่ภาวะปกติ ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดงบดุลจากวงเงิน 4.5 ล้านล้าน
ดอลลาร์
• สหรัฐ : ยอดขาดดุลการค้าก.ค.เพิ่มน้อยกว่าคาด
# สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. สู่ระดับ 4.37 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าที่
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสหรัฐจะขาดดุลการค้า 4.46 หมื่นล้านดอลลาร์
# ผลการสำรวจไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐเพิ่มเป็น 56.0 ใน
เดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.58 และดีขึ้นจาก 54.7 ในเดือนก.ค.
• ยูโรโซน : ECB ประชุมวันที่ 7 ก.ย.นี้...คาดคงดอกเบี้ยและโครงการ QE ไปก่อน
ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ECB จะยังไม่ปรับลด
วงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ทั้งนี้ ECB มีกำหนดคงวงเงินในการซื้อ
พันธบัตรตามมาตรการ QE ที่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือนจนถึงสิ้นปี 60
•/- เกาหลีเหนือ : อาจทดสอบขีปนาวุธอีกรอบ 9 ก.ย.
# มีกระแสข่าวว่าเกาหลีเหนือเคลื่อนย้ายขีปนาวุธข้ามทวีปไปทางชายฝั่งตะวันตกของประเทศแล้ว และการข่าว
เกาหลีใต้และสหรัฐประเมินเหมือนกันว่าเกาหลีเหนืออาจจะทำการทดลองยิงขีปนาวุธ ICBM ในวันเสาร์ที่ 9 ก.ย.
60 เพื่อเฉลิมฉลองวันก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : รีบาวน์หลังทรัมป์บรรลุข้อตกลงแกนนำคองเกรสเรื่องขยายเพดานหนี้
# ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐและแกนนำในสภาคองเกรสได้บรรลุข้อตกลงในการขยายเพดานหนี้ และหาก
ข้อตกลงดังกล่าวสามารถผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสเต็มคณะ เพดานหนี้ก็จะขยายออกไปจนถึงวันที่ 15
ธ.ค.60 ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐ (ชัตดาวน์) และการผิดนัดชำระหนี้ รวมทั้ง
ราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นต่อเป็นวันที่ 4 ก็หนุนหุ้นกลุ่มพลังงานด้วย
# ดัชนี DJIA ปิดตลาด +54.33 จุด หรือ +0.25% ดัชนี S&P500 +7.69 จุด หรือ +0.31% และดัชนี Nasdaq
+17.74 จุด หรือ +0.28%
+ ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 50 เซนต์ หลังโรงกลั่นสหรัฐเริ่มกลับมาผลิต
# โรงกลั่นน้ำมันบางส่วนของสหรัฐในแถบกัลฟ์โคสต์ได้เริ่มกลับมาดำเนินการผลิต หลังจากที่ต้องปิดลงก่อนหน้านี้
จากอิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์"
# จับตาพายุเฮอร์ริเคน "เออร์มา" ซึ่งมีความรุนแรงในระดับ 5 และกำลังเคลื่อนตัวอยู่ในทะเลคาริบเบียน และรัฐ
ฟลอริดาของสหรัฐ
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. +50 เซนต์ หรือ +1% ปิดที่ 49.16 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
นับตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.60 ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ย. +82 เซนต์ หรือ +1.5% ปิดที่ 54.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ภาวะตลาดทองคำ : ราคาทองลดลงหลังปรับขึ้น 4 วันทำการต่อเนื่อง
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 5.50 ดอลลาร์ หรือ 0.4%
ปิดที่ระดับ 1,339.00 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นมีข่าว
+ ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ส.ค.อยู่ที่ 74.5 ปรับดีขึ้นในรอบ 4 เดือน
# ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่าในเดือนส.ค.60 ดัชนีความเชื่อมั่น
ผู้บริโภคเพิ่มเป็น 74.5 จาก 73.9 ในเดือน ก.ค.60 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมขยับขึ้นเป็น 62.4
จาก 62.2 ในเดือน ก.ค.60
# ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนเนื่องจาก ส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้น, สศช.ปรับเพิ่มจีดีพี
ปีนี้หลังเศรษฐกิจ 2Q60 โตดี 3.7% สูงสุดในรอบ 17 ไตรมาส, กนง.คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% และคลายความ
กังวลเรื่องการเมืองในประเทศ ส่วนปัจจัยกดดัน คือ สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือและภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ, ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น, ราคาพืชผลทางเกษตรยังทรงตัวอยู่ใน
ระดับต่ำ, ผู้บริโภคกังวลปัญหาค่าครองชีพและยังกังวลความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและการ
ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]