- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 07 September 2017 17:25
- Hits: 3765
บล.ธนชาต : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
เกิดอะไรขึ้นวันก่อน: Trading Range: 1,612-1,650
แม้ตลาดหุ้นภูมิภาคปรับลดลงจากความกังวลเกาหลีเหนือ แต่ SET ยังยืน +0.05% ปิด 1,621.30 จุด ต่างชาติขายสุทธิ 510 ล้านบาท
เรามองอย่างไร:
แม้ตลาดหุ้นโลกกังวลประเด็นเกาหลีเหนือ แต่มองการ 'ย่ำฐาน' ของ SET บริเวณ 1,612-1,620 จุด เป็นโอกาส "ซื้อ" และคงมุมมอง "บวก" ต่อ SET ระยะสัปดาห์ เป้าหมาย 1,650 +/- จุด เหมือนเดิมจาก 1) เศรษฐกิจเร่งตัวใน 1-3 ปีข้างหน้า 2) กำไร SET ทำจุดสูงสุดใหม่ 3) การเมืองมีเสถียรภาพหนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และพัฒนา EEC มีความต่อเนื่อง สำหรับภาพทางเทคนิค SET พักฐานในแนวโน้มขาขึ้นรูปแบบ Bullish Pennant (ลุ้นทะลุแนวต้านระยะสั้น 1,624 จุด) และ TradeCode อยู่ที่ "Let Profit Run" โดยมีหุ้นโมเมนตัมบวก 84% ของ Market Cap
ทำอะไรดี:
1.'ซื้อ' PTT และกลุ่มโรงกลั่น อย่าง TOP (XD 1.5 บาท วันนี้), SPRC (ปันผลสูง 9%) และ ESSO (PE17 ต่ำ 6.4x และคาดจ่ายปันผลได้ปีนี้) และ IRPC ผลดีค่าการกลั่นสูงหนุนกำไร 3Q17+ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น
2.'ซื้อ' กลุ่มนิคมฯ และรับเหมาฯ อย่าง AMATA WHA STEC มองการเมืองมีเสถียรภาพหนุนการลงทุนโรงสร้างพื้นฐาน-พัฒนา EEC
3.'ซื้อ' CPNRF DIF ให้ปันผลสูง 7-8% มองแนวโน้มดอกเบี้ยต่ำนาน
Tactical Portfolio (1-3 months):
'ถือ'AMATA BEAUTY EA ESSO KBANK KKP PTT SAWAD STEC และ WHA ต่อไป (ไม่เปลียนแปลง)
Fundamental:
SVI: 'ขาย' พื้นฐาน 4.50 บาท (เดิม 5.70 บาท).ปรับประมาณการกำไรลง 25-31% ปี 2017-18 มองความสามารถในการทำกำไรลดลง, การ M&A และเพิ่มกำลังการผลิตส่งผลต่อการเติบโตกำไรช้ากว่าที่คาด ชอบ KCE ที่ได้ผลดีจากการเติบโตของอุตสาหกรรม PCB ในรถยนต์มากกว่า
Today's News:
ความเชื่อมั่นผู้บริโภค: เดือน ส.ค.เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนที่ 74.5 จากตัวเลข GDP 2Q17 แข็งแกร่ง, การส่งออกเร่งตัว และภาคการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น
Dow Jones: ปรับสูงขึ้น +0.25% หลังคาดการณ์ว่าสภาฯ จะสามารถบรรลุข้อตกลงในการขยายเพดานหนี้ออกไปจนถึง 15 ธ.ค.นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐฯ ภายในสิ้นเดือน ก.ย.
พายุเฮอริเคน "เออร์มา": ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้น 1.5% ต่อเนื่องที่ US$54.2/bbl หลังโรงกลั่นในสหรัฐฯ กลับมาดำเนินการผลิตอีกครั้ง รวมไปถึงความเสี่ยงที่พายุเฮอริเคน "เออร์มา" จะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันใน Gulf of Maxico
Technical Story: Technical SET range: 1,608-1,640
ยังลุ้นตังหลักซิกแซกขึ้นต่อ: (รายงาน The Technical Story)
SET กำลังตั้งหลักโดยหุ้นขนาดกลาง-เล็กเริ่มตั้งหลัก วันนี้มีด่านที่ 1,626 จุด ทะลุได้มีลุ้นทดสอบ 1,632 และ/หรือ 1,640 จุดที่ต้องฝ่าไป ส่วนแนวรับมีที่ 1,615 จุด และถัดไปที่ 1,608 จุด
หุ้นแนะนำ:
GLOBAL เข้าซื้อและเพิ่มเมื่อทะลุ 15.20 บาท เป้าหมาย 16.20 บาท
AMATA เข้าซื้อเพิ่มที่ 19.00 บาท เป้าหมาย 20.60 / 21.50 บาท
BH ซื้อเพิ่มที่ 208 หรือเมื่อทะลุ 215 บาท เป้าหมาย 220 / 230 บาท
Derivatives Recommendation:(ดูรายงาน The Derivatives Story)
'ถือ' Long S50U17 เป้าหมาย 1,044 / 1,060...Trailing Stop 1,020
'Long' Block PTTGC เป้าหมาย 78.75 / 80 บาท...Leverage 25x
TradeCode: Buy >LIT, SPA, LPN
Tactical Portfolio (1-3 เดือน)
Tactical Portfolio : (Updated วันที่ 5 ก.ย.) Tactical portfolio ปรับพอร์ตรับตลาด "กระทิง" ด้วยเป้าหมาย SET ระยะสัปดาห์ที่ 1,650 จุด และสิ้นปี 2018 ที่ 1,800 จุด แนะนำ "ซื้อ" AMATA PTT ESSO WHA เข้าพอร์ต แทน LIT MTLS THANI WORK ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) เศรษฐกิจเร่งตัว +4.0% ปี 2018 2) กำไร SET ทำจุดสูงสุดใหม่ปี 2018 และ 3) การเมืองมีเสถียรภาพ หนุนลงทุนภาครัฐฯ ต่อเนจื่อง และการพัฒนาเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยหลังปรับพอร์ตจะทำให้ Tactical Portfolio's beta ปรับสูงขึ้นเป็น 1.19x จากเดิมที่ 1.12x
WHA ('ซื้อ' TP 4.0 บาท) กำลังทดสอบแนวต้านที่ 3.18-3.20 บาท คาดว่าจะผ่านไปได้โดยมีเป้าหมายระยะสัปดาห์ที่ 3.70 บาท จากมุมมองบวกต่อ 1) ยอดขายที่ดินเร่งตัวขึ้นใน 2H17 2) การขายสินทรัพย์ 3-4 พันล้านบาท เข้ากองทุน REIT ใน 4Q17 บันทึกกำไรพิเศษ 3) WHAUP มีกำไรเพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และ 4) ภาครัฐฯ จะพิจารณากฎหมาย EEC ภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า เป็น catalyst บวกต่อราคาหุ้น
Siam Senses Portfolio (6-12 เดือน)
หุ้นใน Siam Senses Portfolio
AMATA : ผู้พัฒนานิคมที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงและมากที่สุดจากโครงการ EECทั้งในแง่ของมูลค่าที่ดินและยอดขายที่สูงขึ้น และได้ประโยชน์จาก FDI เวียดนามที่แข็งแกร่งผ่านบริษัทย่อย AMATAV (ถือหุ้น 73%)
BEAUTY: เป็นหุ้น growth stock ที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และได้ market share ที่สูงขึ้น
DELTA : เรามองภาพ turnaround ปีนี้จากธุรกิจยานยนต์ที่จะเติบโตโดดเด่น และธุรกิจเก่าที่ชะลอตัวเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น
DTAC : มูลค่าถูก ปลดล็อคความเสี่ยงสัมปทาน และความสามารถในการทำกำไร
EA : เป็นหุ้น growth stock ยังโตสูงต่อเนื่องถึงปี 2019 จากสัญญาในมือที่จะทยอยดำเนินการ และมีโอกาสโตมหาศาลต่อเนื่องจาการขยายธุรกิจสู่แบตเตอรี่เก็บกักพลังงานซึ่งเป็นแนวโน้มของการพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้า
KCE : ฐานธุรกิจกลุ่มรถยนต์ที่มั่นคง เติบโตจากการขยายโรงงานและ market share ที่มากขึ้น
KKP : หุ้นปันผลสูง เติบโตมั่นคง ได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยต่ำ
MINT : ธุรกิจโรงแรมและอาหารมีการฟื้นตัวและขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ
STEC : ด้วยมูลค่างานในมือ 1 แสนล้านบาท คาดว่ากำไรจะเติบโต 45% ปี 2017 และ 41% ปี 2018
WORK : ด้วยรายการดิจิตอลทีวีที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนไปยังทีวีเรตติ้งสูงขึ้น ทำให้ WORK ปรับราคาขายนาทีโฆษณาได้อย่างต่อเนื่อง
อดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล, CFA , [email protected], +66 2617 4991
วิชนันท์ ธรรมบำรุง [email protected], 02-617 4979