- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 07 September 2017 17:14
- Hits: 2760
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวโน้มขึ้นทดสอบ 1635-1640
SET Index: 1625.37 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1625 จุด หลังจากเคลื่อนไหวในกรอบแคบที่บริเวณ 1620 จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1640 จุด แต่ในระยะสั้นเราคาดว่า น่าจะมีการสร้างฐานที่บริเวณ 1620 จุดต่อเนื่อง โดยมีแนวรับที่ 1620 และ 1610 จุด
แนวต้าน : 1625 และ 1628
แนวรับ : 1622 และ 1620
PTT = 398 / 402, PTTEP = 88.50 / 90.00, BJC = 50.50 / 51.50, SCC = 497 / 500, WHA = 3.20 / 3.28
DNA 2002 (DNA TB; THB 1.05) – ซื้อ
แนวต้าน : 1.15 และ 1.20 / แนวต้านสำคัญ 1.26
แนวรับ : 1.05 และ 1.03
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านของเส้นเฉลี่ย 200 วันขึ้นไปได้ ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลงต่อเนื่อง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 70
แนะนำซื้อ DNA โดยมีแนวรับที่ 1.05 และ 1.03 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1.15 และ 1.20 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 0.97 ลงไป
T.K.S. Technologies (TKS TB; THB 13.90) – ซื้อ
แนวต้าน : 14.40 และ 15.00
แนวรับ : 13.90 และ 13.70
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรที่บริเวณจุดสูงสุดเดิม ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ TKS โดยมีแนวรับที่ 13.90 และ 13.70 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 14.40 และ 15.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 13.50 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 761-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…ประชุม ECB
ประเด็นสำคัญในทางพื้นฐานที่อาจทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐเกิดความผันผวนได้ในช่วงเดือน ก.ย. ถึง ต.ค. คือ แนวโน้มอัตราการทำกำไร Q3/17 (EPS growth) ของตลาด S&P 500 ที่ตอนนี้คาดว่าจะโตแค่ 6.5% เทียบ Q2/17 ที่ 12.1% และ Q1/17 ที่ 15.2 % ประเด็นที่คาดว่ากันว่ากำไรใน Q3/17 โตน้อย คือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐน่าจะไม่อ่อนตัวลงไปมากว่านี้ โดยค่าเงินดลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงใน Q2/17 ถือเป็นปัจจัยหนุนกำไรของบริษัทขนาดใหญ่ใน S&P 500 อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาส่วนใหญ่เวลาคาดกำไรจะออกมาต่ำ แต่พอประกาศงบจริงมักจะสูงกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่
วันนี้จะมีการประชุมธนาคารกลางยุโรปหรือ ECB ตลาดยังมองว่ามีความเป็นไปได้ที่ทาง ECB จะส่งสัญญาณการลดการซื้อพันธบัตร แต่ส่วนใหญ่มองว่า ECB น่าจะส่งสัญญาณในเดือน ต.ค. แต่หากวันนี้ ECB ส่งสัญญาณการลดการซื้อพันธบัตร ตลาดหุ้นในยุโรปจะเกิดความผันผวนทันที สำหรับปัจจัยหนุนภายในที่เกิดความชัดเจนขึ้น คือ การเร่งการทำสัญญารถไฟความเร็วสูงรวมทั้งการเร่งประมูลรถไฟฟ้าสายต่างๆ นอกนั้นก็เป็นการฟื้นตัวของตัวเลขเศรษฐกิจ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้หนุนราคาหุ้นในกลุ่มนี้มากนัก เนื่องจากตลาดยังรอดูความชัดเจน
ปัจจัยที่คาดว่าจะเป็นตัวหนุนดัชนี SET ในรอบนี้ คาดจะเป็นอัตราการทำกำไรของตลาดใน Q3/17 เนื่องจากยัง Laggard กว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กล่าวคือหลายๆ ปัจจัยชี้นำกำลังบอกว่าเศษฐกิจค่อยๆฟื้นตัว แต่กำไรของตลาดกลับทรงๆ หรือชะลอตัวมากกว่าเดิม นั่นก็หมายถึงกำไรของตลาดในส่วนที่โตจากภายใน ยังฟื้นช้ากว่าคาด รูปด้านซ้าย แสดงอัตราการทำกำไรของตลาดในปีนี้และปีหน้า พบว่าในปีนี้อัตราการทำกำไรของตลาดเริ่มผงกหัวขึ้นเป็น 6.2% จากที่ผ่านมาที่ 5.8% ส่วนอัตราการทำกำไรของกลุ่มธนาคารใหญ่-กลาง ปีนี้ยังติดลบประมาณ -2%
หากมาดูว่ารอบนี้ทำไมนักลงทุนต่างชาติหรือกองทุน เข้ามาซื้อหุ้นในช่วงปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา พบว่าเม็ดเงินที่เข้ามาซื้อในรอบนี้ เขาดูการเปลี่ยนแปลงของค่า EPS growth ในรอบ 1 เดือนของดัชนี IBES MSCI Thailand นั่นก็คือว่า เมื่อแนวโน้มกำไรของตลาดดีขึ้นหรือ EPS growth ในรอบ 1 เดือนเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างในเดือนที่ผ่านมา EPS growth ของตลาดอยู่ที่ 5.8% แต่พอปลายเดือน ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 6.2% สอดคล้องกับ% การขึ้นของดัชนี SET พอดี ดูรูปด้านขวา อย่างไรก็ตามแม้อัตราการทำกำไรของตลาดจะค่อยๆ กระเตื้องขึ้น แต่กลุ่มอุตสาหกรรมที่เข้าไปเล่นได้ ยังมีน้อยมาก หากมีตอนนี้ยังเป็นประเภท Global plays ที่ไม่อิงกับราคาน้ำมัน แต่อิงกับค่าการกลั่น ถ่านหิน เดินเรือ โลหะพื้นฐาน ส่วนหุ้นที่โตจากภายใน ยังไม่เห็นสัญญาการเข้าซื้อ เพียงแต่เล่นสั้นๆ ได้คือ สื่อสารใหญ่ (Dividend) และรับเหมา (Laggard)
วันนี้ คาดตลาดจะยังผันผวนตามดัชนีในต่างประเทศ ตามความไม่แน่นอนของเหตุการณ์ในเกาหลีเหนือ ที่คาดกันว่าอาจจะทดสอบการยิงขีปนาวุธอีกในวันเสาร์นี้ ซึ่งเป็นวันก่อตั้งประเทศ นอกนั้นบางส่วนยังอาจติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ โดยวันนี้มองแนวต้านที่ 1626-1630 จุดและแนวรับที่ 1615-1610 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร LH MINT TRUE TTA
Analysts :
Kiatkong Decho +662 761-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,625.37 จุด เพิ่มขึ้น 4.07 จุด (+0.25%) มูลค่าการซื้อขาย24,668.13 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้น โดยมีแรงหนุนนำจากกลุ่มพลังงาน และสื่อสารด้านตามตลาดภูมิภาคแกว่งบวก หลัง "ทรัมป์" สามารถตกลงกับแกนนำของสภาคองเกรสเรื่องการขยายเพดานหนี้ออกไปจนถึงวันที่ 15 ธ.ค. ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี และพายุเฮอร์ริเคน เออร์มา ที่คาดว่าจะพัดเข้าถล่มชายฝ่งั รัฐฟลอริดาในวันเสาร์นี้ ติดตามการประชุม ECB (คืนนี้)
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย แกว่งขึ้น ภาพรวมตลาดยังดูแข็งแรง โดยเฉพาะถ้า SET Indexสามารถปิดเหนือระดับ 1625 จุด โดยจะสามารถมองเป้าถัดไปที่ 1637 จุด ซึ่งปัจจัยหนุนจะมาจากแนวโน้มการปรับประมาณการผลดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนใน 2H17เพิ่มขึ้น หลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์และเสปรดปิโตรเคมีปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อสาร หุ้นกลุ่มดังกล่าวน่าจะหนุนตลาดต่อเนื่อง เราชอบ TRUE MINT PTTGC
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
DNA 2002 (DNA TB; THB 1.05) – ซื้อ
T.K.S. Technologies (TKS TB; THB 13.90) – ซื้อ
Cash Balance Preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance ในสัปดาห์หน้า : III, KOOL, CRANE*, SPVI* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts :
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]