- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 06 September 2017 17:44
- Hits: 2496
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวโน้มขึ้นทดสอบ 1635-1640
SET Index: 1617.42 เคลื่อนไหวในกรอบแคบต่อเนื่องที่บริเวณแนวต้าน 1620 จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่เราคาดว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะสั้นมีความเสี่ยงในการถูกขายทำกำไร โดยมีแนวต้านที่ 1620 จุด เพื่อสร้างฐานก่อนที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาขึ้นที่บริเวณ 1635-1640 จุด และมีแนวรับในระยะสั้นที่ 1610 จุด
แนวต้าน : 1620 และ 1624
แนวรับ : 1615 และ 1612
PTT = 398 / 402, IVL = 40.50 / 41.00, TRUE = 5.80 / 5.90, IRPC = 5.90 / 6.00, ASIAN = 19.00 / 19.80
M.C.S. Steel (MCS TB; THB 16.20) – ซื้อ
แนวต้าน : 17.00 และ 17.40
แนวรับ : 16.20 และ 16.00
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านของเส้นเฉลี่ย 200 วัน และเส้นแนวโน้มขาลงขึ้นไปได้
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 70
แนะนำซื้อ MCS โดยมีแนวรับที่ 16.20 และ 16.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 17.00 และ 17.40 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 15.80 ลงไป
The Royal Ceramic Industry (RCI TB; THB 4.00) – ซื้อ
แนวต้าน : 4.24 และ 4.34
แนวรับ : 4.00 และ 3.96
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นแล้วสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 60
แนะนำซื้อ RCI โดยมีแนวรับที่ 4.00 และ 3.96 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 4.24 และ 4.34 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 3.90 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 761-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…แรงกดจากภายนอก
หลังดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการในวันจันทร์ที่ผ่านมา เปิดขึ้นมาในวันอังคาร ดิ่งลงอย่างรุนแรงมากกว่า 200 จุด จากความกังวลที่เกาหลีเหนือทดสอบนิวเคลียร์ โดยดัชนีตลาดหุ้น (S&P500) ของสหรัฐในปีนี้ดิ่งลงมากกว่า 1% หรือมากกว่ามีแค่ 4 ครั้ง เทียบกับปีที่แล้ว 22 ครั้ง ดังนั้นทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐในเดือน ก.ย. ถึงต้น ต.ค. ยังมีโอกาสที่จะผันผวนได้อีก ทั้งจากปัญหาความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี แนวโน้มการจัดทำแผนปฎิรูปภาษี แผนการเพิ่มเพดานหนี้ แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจใน Q3/17 จากผลของพายุ Harvey และการคาดการณ์แนวโน้มอัตราการทำกำไรใน Q3/17 ที่ตอนนี้คาดดว่าจะโตแค่ 6% เทียบ Q2/17 ที่ 12.1%
สถานการณ์ตลาดหุ้นในตอนนี้ โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐ เริ่มตอบสนองในเชิงลบกับปัญหาในเกาหลีเหนือมากขึ้น หากมาดูปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดในเดือนนี้ ถือเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญทั้งสิ้น อย่าง ความคืบหน้าการปฎิรูปโครงสร้างภาษี และการเพิ่มเพดานหนี้ ที่สภาต้องผ่านให้ได้ในช่วงกลางเดือน โดยจะมีเส้นตายในปลายเดือนนี้ นอกนั้นต้องติดตามในวันที่ 19-20 ก.ย. ที่จะมีการประชุม FOMC ว่าทางประธาน FED จะส่งสัญญาณอะไรอกมาบ้าง
ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกในตอนนี้แทบทุกตลาด ขึ้นมายืนในจุดสูงสุดในรอบหลายปี หากมีปัจจัยหนุน คือ ตลาดหุ้นสหรัฐไปต่อ ก็จะส่งตลาดหุ้นทั่วโลกขึ้นได้อีก แต่อย่างไรก็ตามหากไม่ไหวหรือเกิดปรับตัวลงมา ตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะปรับตัวลงตาม โดยตอนนี้ประเด็นที่จะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลง มาจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับฐานหรือปัญหาในเกาหลี สำหรับตลาดหุ้นไทยเองที่เคย underperform มาตั้งแต่ต้นปี ปัจจุบันดัชนี MSCI Thailand รูปดอลลาร์ ได้ดีดตัวขึ้นมายืนเหนือในระดับภูมิภาคแล้ว (ดูรูปด้านขวา) การที่จะขึ้นต่อยังต้องรอดูสถานการณ์โดยรวมของภาพนอกให้นิ่งกว่านี้
กลุ่มอุตสาหกรรมที่ถือว่ายังโดดเด่นและยังพอไปได้ จะเหลือก็แค่หุ้นประเภท Global play อย่าง โลหะ โรงกลั่น ถ่านหิน ค่าระวางเรือ ที่ดัชนีหรือราคายังปรับตัวขึ้นอย่าง ค่าการกลั่นในสิงคโปร์ตอนนี้ขึ้นไปยืนที่ 10.21 ดอลลาร์ต่อบารเรล์เทียบค่าเฉลี่ย 1 ปีที่ 6.8 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ หรือราคาถ่านหิน Newcastle ที่ปรับตัวขึ้นเหนือ 100 ดอลลาร์ต่อตัน หลังจีนปิดเหมืองในภาคตะวันออกฉียงเหนือเพิ่มขึ้น (ดูจากรูปด้านซ้าย) ส่วนการปรับตัวเพิ่มขึ้นของพวกโลหะอย่าง สังกะสี ทองแดง นิเคิลและอลูมิเนียม เป็นผลจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัว
วันนี้ทิศทางดัชนี SET น่าจะมีแรงขายตามดัชนีในภูมิภาค แม้ที่ผ่านมาจะสามารถยืนทรงๆได้ โดยลักษณะการเล่นคาดจะยังเน้นหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยหนุนหรือหุ้นที่ยังขึ้นได้น้อยก่อนหน้านี้ วันนี้มองดัชนีเปิดขึ้นมาน่าจะซึมลงและจะผันผวนแรงขึ้นในช่วงบ่ายๆ วันนี้มองแนวต้านที่ 1622-1626 จุดและแนวรับที่ 1612-1608 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร หุ้น BANPU IRPC TTA และ THCOM
Analysts :
Kiatkong Decho +662 761-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,617.42 จุด ลดลง 3.00 จุด (-0.19%) มูลค่าการซื้อขาย24,480.50 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับลงในกรอบในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นลบ เนื่องจากตลาดกังวลสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่บ้านเราช่วงเช้ามีแรงขายในกลุ่มธนาคาร ติดตามการประชุม ECB และการประมูลรถไฟฟ้าทางคู่(7 ก.ย.นี้)
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย แกว่งแคบ ช่วงเช้าตลาดถูกกดดันจากภาพรวมของทิศทางในตลาดต่างประเทศที่ไม่ดี อย่างไรก็ตามเรามองว่าตลาดหุ้นไทยค่อนข้างแข็งแรงกว่าภูมิภาค ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจจากการที่ตลาดหุ้นไทยไม่ได้ปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้เหมือนตลาดภูมิภาค ทำให้แรงกดดันจากการขายทำกำไรมีไม่มาก นอกจากนี้การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ต่างถือเป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ให้ออกมาดี เรามองว่าการที่ SET ยิ่งยืนเหนือระดับ 1610 จุดได้ต่อเนื่อง จะทำให้สัญญาณการเก็งกำไรดูดีต่อเนื่อง มองกรอบแนวรับ 1610 จุด และแนวต้าน 1635 จุดระยะสั้นเน้นเก็งกำไรหุ้นรายตัว แนะนำ TRUE, PTTGC, GLOBAL
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
M.C.S. Steel (MCS TB; THB 16.20) – ซื้อ
The Royal Ceramic Industry (RCI TB; THB 4.00) – ซื้อ
Cash Balance Preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance ในสัปดาห์หน้า : III, KOOL, CRANE* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts :
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]