- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 05 September 2017 16:47
- Hits: 3797
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวโน้มขึ้นทดสอบ 1635-1640
SET Index: 1619.24 เคลื่อนไหวในกรอบแคบต่อเนื่องที่บริเวณแนวต้าน 1620จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่เราคาดว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะสั้นมีความเสี่ยงในการถูกขายทำกำไร เพื่อสร้างฐานก่อนที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาขึ้นที่บริเวณ 1635-1640 จุด และมีแนวรับในระยะสั้นที่ 1610 จุด
แนวต้าน : 1620 และ 1624
แนวรับ : 1616 และ 1614
ASIAN = 17.50 / 18.00, TRUE = 5.70 / 5.80, DTAC = 56.00 / 57.00, PTG = 21.50 / 21.80, CM = 7.20 / 7.50
Taokaenoi Food & Marketing (TKN TB; THB 20.60) – ซื้อ
แนวต้าน : 21.20 และ 21.50
แนวรับ : 20.60 และ 20.40
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลงขึ้นไปได้ ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทดสอบระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 60
แนะนำซื้อ TKN โดยมีแนวรับที่ 20.60 และ 20.40 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 21.20 และ 21.50 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 20.00 ลงไป
Sino-Thai Engineering & Construction (STEC TB; THB 26.25) – ซื้อ
แนวต้าน : 27.00 และ 28.00
แนวรับ : 26.25 และ 26.00
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นไปได้ ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้ตต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทดสอบระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ STEC โดยมีแนวรับที่ 26.25 และ 26.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 27.00 และ 28.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 25.50 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 761-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…ยังมีแรงกด
หลังดัชนีขึ้นมายืนเหนือ 1600 จุด ดูเหมือนว่าพื้นฐานของตลาดจะดีขึ้น หากดูข้อมูลที่ประกอบการลงทุน อย่าง ดัชนีตลาด ค่า P/E และ EPSgrowth 12 เดือนข้างหน้า และแนวโน้มการทำกำไรหรือ Earning momentum ratio ของตลาดหุ้นไทย เทียบภูมิภาคไม่รวมญี่ปุ่น ถือว่า ยังทรงๆตัวเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม หากดูแนวโน้มการทำกำไรของตลาดในอีก 12 เดือนข้างหน้าหรือ 12 month forward EPS growthพบว่าของตลาดหุ้นไทยโตแค่ 8% เทียบภูมิภาคที่ 14% สะท้อนแนวโน้มการทำกำไรยังไม่ดีขึ้นมาก หากดูจากรูปด้านซ้ายในช่องที่ 4 จะเห็นค่อนข้างชัดว่าแนวโน้มการทำกำไรของตลาดใน 12 เดือนข้างหน้า Flat มาตลอดนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ส่วนค่า P/E ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับที่เคยเทรดมา แต่สูงกว่าภูมิภาคที่เล่นแค่ 13.1 เท่า
นอกจากนั้นความร้อนแรงของ indicator หลายๆ ตัวอย่าง Momentum indicator ที่ใช้ดูการเหวี่ยงของดัชนีเทียบกับค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน+/-1SD พบว่าวันที่หุ้นขึ้น 30 จุดด้วยมูลค่าการซื้อขายเกือบแสนล้านบาท ได้ส่งผลให้ดัชนี Momentum ขึ้นไปที่ค่าเบี่ยงเบนสูงสุดในรอบนับ 10 ปีคือมากกว่า +3SD การพุ่งขึ้นของสัญญาณดังกล่าวที่มากกว่า +2SD ส่วนใหญ่มักจะมีแรงขายทำกำไร แล้วส่งผลให้ดัชนี SET ปรับตัวลง จากรูปด้านขวา เราแสดงค่า Momentum indicator เทียบการเปลี่ยนแปลงของ SET โดยให้สังเกตเวลาค่า Momentum ขึ้นสูงว่า +2SD หลังจากนั้นดัชนี SET มักปรับตัวลงเสมอ แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในช่วงนั้นๆ
นอกจากพื้นฐานของตลาดบางตัวแล้ว ประเด็นที่คาดว่าจะยังหลอกหลอนตลาด ยังคงเป็นปัญหาในคาบสมุทรเกาหลี ว่าจะพัฒนาไปถึงไหน ที่ผ่านมายิ่งบีบเหมือนยิ่งยั่วยุ อันจะส่งผลให้เล่นหุ้นได้ลำบากยิ่งขึ้น เพราะตอนนี้แม้ดัชนีตลาดหุ้นในสหรัฐจะยังขึ้นได้ต่อแต่เป็นในลักษณะพร้อมที่จะลง และผลจากการสำรวจพบว่าพวก Hedge fund หรือนักลงทุนจากกองทุนรวม (Mutual fund) เริ่มลดการถือหุ้น แล้วหันมาถือ เงินสดเพิ่มขึ้นจากเหตุผลของ รอดูแผนการเพิ่มเพดานหนี้และการปฎิรูปโครงสร้างภาษี จะผ่านได้หรือไม่ นอกนั้นมองว่าเดือน ก.ย. ผลตอบแทนในตลาดหุ้นสหรัฐจะติดลบเสมอ จึงลดความเสี่ยงลง
สภาพตลาดหุ้นไทยในช่วงต้นเดือน ก.ย. คาดจะยังเต็มไปด้วยความผันผวน จากภายนอก ขณะที่ยังไม่เห็นปัจจัยหนุนจากภายใน ส่งผลให้ทิศทางดัชนี SET จะเริ่มไร้ทิศทาง อย่างไรก็ตามหากเกิดปัจจัยหนุนในตลาดหุ้นสหรัฐ เรามองว่าน่าจะเกิดในช่วงกลางเดือน หากสภาคองเกรสผ่านร่างการเพิ่มเพดานหนี้ หรือเกิดความชัดเจนเรื่องการปฎิรูปโครงสร้างภาษี ส่วนในอาทิตย์นี้ที่ต้องติดตาม คือ การประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) ว่าทางประธาน ECB จะส่งสัญญาณเกี่ยวกับการลด QE หรือไม่ ดังนั้นเราคาดว่าวันนี้ตลาดจะมีการปรับฐานเพื่อรอดูผลการประชุม ECBและสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี วันนี้เราให้แนวรับที่ 1610-1614 จุด และแนวต้าน 1624-1626 จุด แนะนำ ซื้อ CPALL GFPT IVL SAT UNIQ
Analysts :
Kiatkong Decho +662 761-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,619.24 จุด เพิ่มขึ้น 0.13 จุด (+0.01%) มูลค่าการซื้อขาย22,736.86 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่มาเข้ามา ขณะที่ตลาดยังมีแรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่น จากแนวโน้มผลประกอบการ 3Q17 ที่คาดว่าจะเติบโต ด้านตลาดภูมิภาคแกว่งบวก-ลบ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย แกว่งขึ้น เรามองว่าการที่ SET ยิ่งยืนเหนือระดับ 1610 จุดได้ต่อเนื่อง จะทำให้สัญญาณการเก็งกำไรดูดีต่อเนื่อง เราแนะนำให้นักลงทุนใช้กลยุทธ์หมุนเวียนกลุ่มหุ้นเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ โดยขายสลับกลุ่มหุ้นที่ขึ้นนำตลาดออกมาและเข้าซื้อกลับในกลุ่มหุ้นที่ปรับตัวลดลง ตลาดน่าจะยังแกว่งตัวออกข้างในกรอบแนวรับ1610 จุด และแนวต้าน 1635 จุด โดยมองว่าน่าจะเริ่มเห็นแรงซื้อกลับในหุ้นกลุ่มธนาคารและสื่อสาร ตามมาหลังจากนี้ เนื่องจากราคาหุ้นมีการพักตัวลงมาแล้วไม่หลุดระดับเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นทำให้มีโอกาสดีดตัวกลับ แนะนำ SCB, KBANK, TMB, ADVANC, TRUE
Technical Pick (PM) ...
Taokaenoi Food & Marketing (TKN TB; THB 20.60) – ซื้อ
Sino-Thai Engineering & Construction (STEC TB; THB 26.25) – ซื้อ
Analysts :
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]