- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 01 September 2017 16:54
- Hits: 3910
บล.ธนชาต : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
เกิดอะไรขึ้นวันก่อน: Trading Range: 1,600-1,650
SET ปรับขึ้นต่อ +0.17% ปิด 1,616.16 จุด แม้หุ้นใหญ่ขึ้น XD ด้วยปริมาณการซื้อขาย 5.3 หมื่นล้าน ต่างชาติซื้อสุทธิ 1.9 พันล้านบาท
เรามองอย่างไร:
ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้น +1.9% ประกอบกับโรงกลั่นในสหรัฐฯ กว่า 20% ของกำลังการผลิตทั่วประเทศหยุดการผลิตเนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้อ ส่งผล ค่าการกลั่น (GRM) ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องยืนเหนือ US$10/bbl จะเป็นปัจจัยหนุนกลุ่มพลังงาน-โรงกลั่น และ SET วันนี้ แนวต้าน 1,625-1,630 จุด ขณะที่ e-auction รถไฟรางคู่ในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าจะเป็น catalyst บวกต่อกลุ่มรับเหมาฯ ที่ยัง laggard ตลาดอยู่
ทำอะไรดี:
หุ้นใหญ่จะเป็น "กลุ่มนำ" ตลาด ขณะที่ momentum กลุ่มรับเหมาฯ ดูดีขึ้นต่อเนื่อง ก่อนการเสนอราคา (e-auction) รถไฟรางคู่หลายสัปดาห์สัปดาห์หน้า ชอบ STEC SEAFCO
1."ซื้อ" โรงกลั่น-พลังงาน ชอบ PTT, TOP, PTTGC, IRPC และ ESSO
2."ซื้อ" กลุ่มนิคมฯ เร่งพิจารณากฎหมาย EEC ชอบ AMATA และ WHA
3."ซื้อ" กลุ่มหุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนักในดัชนี FTSE วันที่ 15 ก.ย.นี้ EA WORK
(นอกจากถูกเพิ่มหุ้นใน FTSE มอง rating ที่ดี และรายได้ธุรกิจ on-line ที่เพิ่ม มองมี Upside Risk ต่อประมาณการกำไรปีนี้ที่ 715 ล้านบาท)
Tactical Portfolio (1-3 months):
'ถือ'BEAUTY EA KBANK KKP LIT MTLS SAWAD STEC THANI และ WORK (ไม่เปลี่ยน)
Fundamental:
ADVANC: "ซื้อ" พื้นฐาน 216 บาท (เดิม 185 บาท)...เรามีมุมมองดีขึ้นต่อภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ลดลง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดเน้นกลยุทธ์เพิ่มกำไร มากกว่าส่วนแบ่งตลาด ปรับประมาณการกำไรขึ้นจากเดิม 9.5-10.8% ในปี 2018-19 คาดกำไรจะกลับมาขายยตัวบางๆ 7.4% ในปี 2018 หลังจากหดตัวแรงในช่วง 2016-17
Today's News:
เศรษฐกิจเดือน ก.ค.17 ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกสินค้า (+8% y-y ถ้าไม่รวมส่งออกทองคำ +12.2% y-y) และภาคการบริการ (นักท่องเที่ยว +4.8% y-y) ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน (+0.9% y-y) และการใช้จ่ายภาครัฐฯ ปรับตัวดีขึ้น การผลิตภาคอุตสาหกรรม (+3.7% y-y โดยเฉพาะอาหาร และรถยนต์ขยายตัวดี) ขยายตัวได้ดีสอดคล้องกับการส่งออกที่ดีขึ้น สำหรับการบริโภคภาคเอกชน (+2.3% y-y) เจอแรงกดดันจากรายได้ภาคเกษตรที่หดตัวลง -2.6% y-y (ราคาสินค้าเกษตรปรับลดลง 15.6% y-y) ขณะที่แรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อต่ำ
Technical Story: Technical SET range: 1,605-1,630
ลุ้นซิกแซกขึนต่อ: (รายงาน The Technical Story)
SET มีลุ้นซิกแซกขึ้นต่อ มีด่านที่ 1,619 จุด ทะลุได้มีลุ้นทดสอบ 1,625 และ/หรือ 1,630 จุด ส่วนแนวรับมีที่ 1,608 จุด และถัดไปที่ 1,605 จุดแนะนำถือหุ้น Let Profit Run ต่อเนื่อง และหาจังหวะซื้อเพิ่มช่วงพักตัว
หุ้นแนะนำ:
BEC เข้าซื้อ เป้าหมาย 18.90 และ 19.40 บาท
MEGA รับเพิ่ม เป้าหมาย 34 บาท
IRPC รับเพิ่มที่ เป้าหมาย 6.50 บาท
Derivatives Recommendation:(ดูรายงาน The Derivatives Story)
"Let Profit Run" S50U17 เป้าระยะกลาง 1,060 Trailing Stop 1,010
"Long" Block Trade IVL เป้าหมาย 41.25 / 43 บาท..Leverage 15x
TradeCode: Buy >SEAFCO, SGP, STEC
Tactical Portfolio (1-3 เดือน)
Tactical Portfolio : Tactical portfolio ปรับสูงขึ้น +0.9% ดีกว่า SET ที่ปรับสูงขึ้น +0.6% ในสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้แม้ว่า BEAUTY จะให้ผลตอบแทนต่ำที่สุดในพอร์ต หรือ -3.2% แต่มองเป็นโอกาส "ซื้อ" ด้วยแนวโน้มกำไรที่ขยายตัวแข็งแกร่ง และโอกาสในการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ขณะที่ SAWAD KKP และ EA ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา หรือปรับสูงขึ้น 5.3%, 3.0% และ 2.9% ตามลำดับ...ทั้งนี้เราแนะนำ "ถือ" หุ้นทั้ง 10 ตัว ต่อเนื่อง ได้แก่ BEAUTY EA KBANK KKP LIT MTLS SAWAD STEC THANI WORK
'ซื้อ' KKP (TP 77).แนะนำ 'ซื้อ' KKP ต่อเนื่อง มีโอกาสปรับสูงขึ้นไปที่จุดสูงสุดเดิมที่ 75 บาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) การประกาศจ่ายเงินปันผล 2 บาท/หุ้น XD วันที่ 5 ก.ย.นี ให้ผลตอบแทนสูง 2.9% และจะทำให้นักลงทุนคลายความกังวลต่อนโยบายการจ่ายเงินปันผลของ KKP 2) กทพ.ยินยอมที่จะโอนสัญญาโอน และรับสิทธิโอนในรายได้ โครงการทางพิเศษฉลองรัช และบูนพาวิถี เพื่อโอนรายได้ในอนาคต 45% ให้กองทุน Thailand Future Fund เป็นเวลา 30 ปี เป้าหมายระดมทุนภายในปีนี้เป็น catalyst บวกต่อการรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมใน 2H17
KKP - มีจังหวะ'ซื้อ' ลุ้นกลับไป high เดิมที่ 75 บาท
Siam Senses Portfolio (6-12 เดือน)
หุ้นใน Siam Senses Portfolio
AMATA : ผู้พัฒนานิคมที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงและมากที่สุดจากโครงการ EECทั้งในแง่ของมูลค่าที่ดินและยอดขายที่สูงขึ้น และได้ประโยชน์จาก FDI เวียดนามที่แข็งแกร่งผ่านบริษัทย่อย AMATAV (ถือหุ้น 73%)
BEAUTY : เป็นหุ้น growth stock ที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และได้ market share ที่สูงขึ้น
DELTA : เรามองภาพ turnaround ปีนี้จากธุรกิจยานยนต์ที่จะเติบโตโดดเด่น และธุรกิจเก่าที่ชะลอตัวเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น
DTAC : มูลค่าถูก ปลดล็อคความเสี่ยงสัมปทาน และความสามารถในการทำกำไร
EA : เป็นหุ้น growth stock ยังโตสูงต่อเนื่องถึงปี 2019 จากสัญญาในมือที่จะทยอยดำเนินการ และมีโอกาสโตมหาศาลต่อเนื่องจาการขยายธุรกิจสู่แบตเตอรี่เก็บกักพลังงานซึ่งเป็นแนวโน้มของการพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้า
KCE : ฐานธุรกิจกลุ่มรถยนต์ที่มั่นคง เติบโตจากการขยายโรงงานและ market share ที่มากขึ้น
KKP : หุ้นปันผลสูง เติบโตมั่นคง ได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยต่ำ
MINT : ธุรกิจโรงแรมและอาหารมีการฟื้นตัวและขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ
STEC : ด้วยมูลค่างานในมือ 1 แสนล้านบาท คาดว่ากำไรจะเติบโต 45% ปี 2017 และ 41% ปี 2018
WORK : ด้วยรายการดิจิตอลทีวีที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนไปยังทีวีเรตติ้งสูงขึ้น ทำให้ WORK ปรับราคาขายนาทีโฆษณาได้อย่างต่อเนื่อง
อดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล, CFA , [email protected], +66 2617 4991
วิชนันท์ ธรรมบำรุง [email protected], 02-617 4979