- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 01 September 2017 16:37
- Hits: 1192
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> เก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงานและหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways พักฐานตามคาดหลังจากที่ปรับตัวขึ้นแรงในช่วง 2-3 วันก่อนหน้า อย่างไรก็ตามเรายังเห็นสัญญาณที่ดีจากนักลงทุนต่างชาติที่ยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่นกว่า 1,800 ลบ. และ Short ในตลาดฟิวเจอร์สบางลงเหลือ 2,392 สัญญา (ราว 500 ลบ.)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะยังแกว่งตัว Sideways Up โดยบรรยากาศการลงทุนที่ยังค่อนไปในเชิงบวกจากแรงหนุนฝั่งสหรัฐฯที่กำลังผลักดันแผนปฏิรูปภาษี ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น 2.8% วานนี้หลังลบติดต่อกัน 3 วันทำการซึ่งจะช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นหนุนตลาดได้ อย่างไรก็ตามสำหรับวันนี้มีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามได้แก่ตัวเลข Caixin PMI ภาคการผลิตของจีน รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานของสหรัฐฯ ทำให้กรอบการบวกอาจถูกจำกัดในระยะสั้น
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงานและหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
หุ้นเด่นเดือน ก.ย. : BCH, CPALL, IRPC, SCC, TMB
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$63ล้าน นำโดยไทย US$56ล้าน และไต้หวัน US$43ล้าน ขณะที่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$32ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐออกมาอยู่ในระดับต่ำ ตลาดคาด Fed น่าจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น ~2%
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> TACC <<
คาดผลประกอบการ 2H17 สดใส ก.ย.-ต.ค. 17 จะเปิดตัวสินค้า Sanrio และเครื่องดื่มโถกดตามฤดูกาลร่วมกับ Global Brand หลังประสบความสำเร็จจากโดนัสทวิสต์เป็นอย่างดี ส่วนชาเขียวในกัมพูชาก็เริ่มดีขึ้นจากการแข่งขันที่เบาลง เราคาดกำไรสุทธิทั้งปีที่ 128 ลบ. +25% Y-Y
ราคาหุ้นยัง Underperform กลุ่มทั้งที่ถูกกระทบจากภาษีน้ำตาลน้อยสุด โดย TACC -34% YTD แย่กว่ากลุ่มที่ -19% YTD ขณะที่ PE และ PBV ปี 2017 ที่ 30 เท่าและ 6 เท่า ยังต่ำกว่ากลุ่มที่ 35 เท่า และ 7 เท่า ตามลำดับ แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 7.50 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+)แนวโน้มตลาดหุ้นไทยป็นขาขึ้นถึงปลายปี แม้หุ้นทั่วโลกมีโอกาสผันผวนจากการปรับลดงบดุลของเฟดที่คาดว่าจะเริ่มเดือนนี้ แต่ตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจเพราะเศรษฐกิจมีโมเมนตัมเชิงบวก เงินเฟ้อต่ำ ฐานะทางการเงินการคลังแข็งแกร่ง นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นไทยต่ำสุดในรอบหลายปี และ Valuation อยู่ในโซนที่น่าสนใจ หุ้นแนะนำเดือนนี้ BCH CPALL IRPC SCC TMB
(+)เศรษฐกิจไทยเดือน ก.ค. ขยายตัวต่อเนื่อง จากการส่งออก การใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนภาคเอกชนที่ดีขึ้น (แต่กลุ่มรับเหมายัง laggard) การบริโภคชะลอเพราะรายได้เกษตรกรหดตัวตามราคาสินค้าเกษตรที่ลดลง ส่วนท่องเที่ยวชะลอเล็กน้อยหลังจากเร่งตัวมากในเดือนก่อนๆ
(+)WORK การประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ทำให้เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโนมกำไร 3Q17 มากขึ้น จากความสามารถในการขึ้นค่าโฆษณาตาม Rating ที่สูงขึ้นและ Content ที่โดดเด่น เราปรับประมาณการกำไรปีนี้ขึ้น 49% เป็น +289% Y-Y ส่งผลให้ราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 82 บาท จาก 69 บาท แม้ราคาหุ้นจะปรับขึ้นรับงบ 2Q17 ที่ออกมาดีและการเข้าคำนวณใน FTSE ไปมากแล้ว แต่ยังมี Upside 12% เมื่อเทียบเป้าหมายใหม่ จึงยังแนะนำซื้อ
(+)ARROW สถานการณ์ดีขึ้นเป็นลำดับ ทั้งราคาเหล็กที่เริ่มชะลอการปรับขึ้น และภาษีที่มีแนวโน้มลดลงจากการเพิ่มสายการผลิตที่เพิ่งได้ BOI ขณะที่ ยอดสั่งซื้อท่อร้อยสายไฟเร่งตัวขึ้นจน Backlog แตะ 770 ลบ. เพราะผู้รับเหมากลัว ARROW ปรับขึ้นราคาเหมือนต้นปี ส่วนการขยายธุรกิจไปผลิตอุปกรณ์ท่อ Post-tension เรามองบวกเพราะคืนทุนเร็วไม่เกิน 2 ปี ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE2017-2018 เพียง 12-13 เท่า ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 19 บาท
(0)III ผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร ทั้งทางอากาศ ทะเล บก และรับบริหารจัดการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศและในประเทศ รวมถึงให้บริการโลจิสติกส์สินค้าอันตรายที่ต้องมีความชำนาญสูง ด้วยธุรกิจโลจิสติกส์ที่เป็นขาขึ้นต่อเนื่อง จากการเปิด AEC การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ EEC และ E-Commerce ที่โตเร็ว ทำให้เราคาดกำไรสุทธิ 2 ปีข้างหน้าจะโตสูงเฉลี่ย 46% ต่อปี ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมปี 2018 เท่ากับ 5.40 บาท (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ III)
(O)WPH ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดตรังและกระบี่ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาวะอุตสาหกรรมที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ทั้งสังคมผู้สูงอายุในไทยและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่โตต่อเนื่อง ขณะที่การลงทุนอาคารและโรงพยาบาลใหม่จะหนุนการเติบโตระยะยาว เราคาดกำไรสุทธิปี 2017 -44% Y-Y จากโรคระบาดและการบริโภคชะลอ สวนทางต้นทุนที่ปรับตัวขึ้นเพื่อเปิดโรงพยาบาลใหม่ แต่คาดจะกลับมาโต +67% Y-Y ในปี 2018 ประเมินราคาเหมาะสมที่ 4.50 บาท (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ WPH)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
1 ก.ย. - จีน: Caixin Manufacturing PMI (ส.ค.)
- ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
- สหรัฐฯ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ (ส.ค.) ISM ภาคการผลิต (ส.ค.)
4-ก.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ส.ค.)
- ยูโรโซน: ดัชนีราคาผู้ผลิต (ก.ค.)
5-ก.ย. - ฟิลิปปินส์: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
- ยูโรโซน: ดัชนีราคาผู้ผลิต (ก.ค.) ยอดค้าปลีก (ก.ค.)
6 ก.ย. - สหรัฐฯ: ดุลการค้า (ก.ค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจ Beige Book ของเฟด
7 ก.ย. - ยูโรโซน: GDP2Q17 ครั้งที่ 3 และการประชุม ECB
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดบวกจากความคาดหวังเกี่ยวกับการผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษีภายในปีนี้ และ การคาดการณ์การชะลอการขึ้นดอกเบี้ยเนื่องจากการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ไม่สดใสนัก
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกนำโดยกลุ่มเหมืองแร่ซึ่งได้ปัจจัยหนุนจากตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนที่ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดบวกตามทิศทางตลาดโลกขานรับความคาดหวังเกี่ยวกับนโยบายภาษีของทรัมป์ ขณะที่ตลาดส่วนใหญ่เฝ้าติดตามตัวเลข PMI Caixin ของจีนที่จะประกาศวันนี้
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ยังแกว่งตัว sideway ในกรอบแคบๆ ล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 33.16-33.17 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดบวก 1.27 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 47.23 ดอลลาร์/บาร์เรล สืบเนื่องจากพายุฮาร์วีย์ทำให้อุปทานสหรัฐปรับลดลงกว่า 13% อีกทั้ง สหรัฐยังมีการนำน้ำมันคลังสำรองเชิงยุทธศาสตร์ออกมาใช้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 5 ปี
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดบวก 8.10 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,322.20 ดอลลาร์/ออนซ์ จากแรงหนุนค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเนื่องจากกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย
Contact person : Jitra Amorntham Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research