- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 31 August 2017 15:36
- Hits: 1759
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
แนวโน้ม Fund Flow สลับจากตลาดหุ้น P/E แพงมาตลาดหุ้น P/E ถูก และสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยชัดเจนขึ้น ทำให้ดัชนีมีโอกาสเดินหน้าต่อ แม้ระยะสั้นเผชิญกับแนวต้าน 1,620 จุด กลยุทธ์ฯ สะสมหุ้นพื้นฐานแกร่งกำไรเด่น 2H60 และเติบโตปี 2561 (MTLS, VGI, GFPT, BANPU) หรือปันผลสูง (MCS, KKP, LH) วันนี้เลือกหุ้นใหญ่ที่ยัง Laggards คือ SCB(FV@B178) และ GUNKUL([email protected])
ย้อนรอยตลาดหุ้นไทย.. เผชิญกับแนวต้าน 1620 จุด
วานนี้ตลาดหุ้นไทยแกว่งผันผวนกรอบกว้าง โดยดัชนีขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1622 จุด ก่อนจะมีแรงขายทำกำไรออกมา ท้ายสุดปิดตลาดที่ 1613.34 จุด ติดลบเล็กน้อย 0.80 จุด มูลค่าการซื้อขายลดลงจากวันก่อนหน้าเหลือ 5.59 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ หุ้น Market Cap ใหญ่วานนี้เริ่มพักตัว โดยกลุ่มที่ปรับขึ้นได้ คือ กลุ่มพลังงาน แต่เป็นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก คือ PTG เพิ่มขึ้นถึง 5.58% ส่วน CKP ปรับขึ้น 4.22% โดยเชื่อว่าผลประกอบการ 2H60 จะพลิกกลับมามีกำไรโดดเด่นจาก 1H60 ที่ขาดทุน โดยเฉพาะ 3Q60 ที่จะดีดตัวแรงจากเป็นช่วงฤดูฝนที่มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้นมีนัยฯ ส่งผลให้แนวโน้มปริมาณผลิตไฟฟ้าในงวด 3Q60 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมากว่าเท่าตัวจาก 2Q60 และคาดทั้งปีกำไรปกติโตถึง 408%
ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่ปรับขึ้น คือ กลุ่มขนส่ง นำโดย JWD ปรับขึ้น 1.92% PSL ปรับขึ้น 1.9% และ AAV ปรับขึ้น 1.64% ตามด้วยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คือ SCB บวกไป 1.35% และ KBANK บวก 0.99%
สวนทางกับกลุ่มปิโตรเคมีที่ปรับลดลงหลังจากขึ้นไปแรงวันก่อนหน้า โดย PTTGC และ IVL ลดลง 2.24% และ 1.27% ตามลำดับ เช่นเดียวกับกลุ่มเกษตร-อาหาร GFPT ลดลง 1.03% และ STA ลดลง 0.83%
สำหรับแนวโน้มตลาดวันนี้ มีโอกาสพักตัว เนื่องจากจะมีการขึ้น XD ของหุ้น Market Cap ขนาดใหญ่ คือ PTT, PTTGC และ RATCH มีผลต่อ SET Index รวมกันราว 3.27 จุด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสัปดาห์นี้ดัชนีขึ้นมาอย่างร้อนแรงแล้วกว่า 40 จุด จึงเป็นธรรมดาที่ต้องมีการพักฐาน โดยฐานแนวรับจะอยู่ที่ 1600 จุด และแนวต้านแรกที่ 1620 จุด
การลงทุนเอกชนไทยยังมีสัญญาณดี ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
เศรษฐกิจโลกยังมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีต่อเนื่อง ล่าสุด สหรัฐรายงาน GDP Growth งวด 2Q60 (ครั้งที่ 2) ขยายตัว 3%QoQ มากกว่าที่ตลาดคาด 2.6% QoQ หรือขยายตัว 2.1%yoy เพิ่มขึ้นจาก 1Q60 ที่ 2.0% สาเหตุมาจากการบริโภคและการลงทุนที่ปรับตัวขยายตัวมากกว่าคาด ทำให้ GDP 1H60 ขยายตัว 2.1% ซึ่งสอดคล้องกับ IMF คาดทั้งปี 2560 ที่ 2.1% ขณะที่ทางด้านตลาดแรงงานที่ยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยยอดการจ้างงานภาคเอกชน (ADP Employment) เดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 2 เดือน อยู่ที่ 2.37 แสนราย แต่อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2% โดยอยู่ที่ 1.7%yoy ทำให้ Fed น่าจะยังชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากการประชุมที่เหลืออีก 3 ครั้งในปีนี้ออกไปและไปเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าแทน สอดคล้องกับผลสำรวจของ Bloomberg ล่าสุด (30 ส.ค.) พบว่าโอกาสที่ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้น้อยมากเพียง 1-4% ในเดือน ก.ย. พ.ย. ยกเว้นรอบ ธ.ค. 33.2%
ขณะที่ไทย สำนักงานเศรษฐกิจการคลังรายงานภาพรวมเศรษฐกิจเดือน ก.ค. ยังขยายตัวต่อเนื่อง นอกจากภาคการส่งออกที่ฟื้นตัวทุกตลาดแล้ว พบว่าการลงทุนเอกชนมีสัญญาณฟื้นตัว สะท้อนปริมาณนำเข้าสินค้าทุน เดือน ก.ค.60 อาทิ เครื่องมือเครื่องจักร ขยายตัว 7.8% yoy (เพิ่มขึ้น 6 เดือนติดต่อกัน) และดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง ในเดือนเดียวกันกลับมาขยายตัว 1.7%yoy มาจากราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้น 9.4% ยกเว้นยอดขายปูนซีเมนต์ในประเทศที่หดตัวเล็กน้อย 0.5% ผลจากฤดูฝนตก
และคาดว่าการลงทุนเอกชนยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องนับจากนี้ถึงปี 2561 จากยอดขอ BOI ณ สิ้น ก.ค. นี้ สูงถึง 3 แสนล้านบาท เพิ่มจาก ก.พ. 60 ที่มียอดเพียง 3 หมื่นล้านบาท และเป็นที่สังกตว่า 46% ของยอดเงินที่ขอ BOI ทั้งหมด เป็นการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรม S curve และ New S curve ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีบ่งชี้ได้ว่า เอกชนน่าจะเริ่มเป็นปัจจัยขับเคลื่อน ควบคู่กับภาคส่งออก หลังจากปีก่อนหน้าลงทุนรัฐเป็นตัวขับเคลื่อน และน่าจะหนุนให้ GDP Growth ปี 2561 ไปแตะ 4%yoy เร่งขึ้นจากปี 2560 ที่ 3.5% เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไป
ความรุนแรงจากพายุ Harvey กดดันราคาน้ำมันต่อเนื่อง
วานนี้ทางสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ (ในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 ส.ค. 60) แม้จะลดลงอีก 5.39 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดฯคาดว่าจะลดลงเพียง 1.91 ล้านบาร์เรล และเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 9 แต่ราคาน้ำมันดิบ WTI ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องอีก 1.03% มาอยู่ที่ 45.96 เหรียญฯต่อบาร์เรล (ลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3) เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลต่อยอดสต็อกน้ำมันดิบที่มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ เนื่องจากความความรุนแรงของพายุ Harvey ที่ได้พัดถล่มรัฐเท็กซัสและหลุยส์เซียนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำท่วมและสร้างความเสียหายให้กับโรงกลั่นในสหรัฐฯ ต้องหยุดดำเนินการผลิตไปแล้วกว่า 3.65 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 19.6% ของกำลังการผลิตทั้งหมดในสหรัฐฯ อีกทั้งล่าสุดโรงกลั่นน้ำมัน Motiva ซึ่งมีกำลังการผลิตมากที่สุดในสหรัฐฯ (มีกำลังการผลิตมากกว่า 6 แสนบาร์เรลต่อวัน) ประกาศหยุดดำเนินการผลิตเริ่มตั้งแต่วันเช้าพุธที่ผ่านมา จึงเป็นเหตุทำให้อุปทานน้ำมันสำเร็จรูปหดหายไปในระยะสั้น และหนุนค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่มขึ้น ดีต่อหุ้นโรงกลั่นอย่าง IRPC ([email protected]), PTTGC (FV@B81) ซึ่งขึ้นเครื่องหมาย XD วันนี้ โดยจ่ายปันผล 1.75 บาทต่อหุ้น
แม้เผชิญปัจจัยกดดันระยะสั้น แต่ในระยะยาว ASPS ยังเชื่อว่า ราคาน้ำมันยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นจึงแนะนำหาจังหวะเข้าลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัวสำหรับหุ้นน้ำมัน อย่าง PTTEP (FV@B116) และ PTT (FV@B460) ซึ่งขึ้นเครื่องหมาย XD วันนี้ โดยจ่ายปันผล 8 บาทต่อหุ้น รวมถึงยังชื่นชอบ BANPU(FV@B24) เนื่องจากราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นทำ New High ต่อเนื่องได้ในรอบปี ล่าสุดอยู่ที่ 103.17 เหรียญฯ/ตัน (ข้อมูล ณ วันที่ 25 ส.ค. 60) ซึ่งเป็นบวกต่อทั้งปัจจัยพื้นฐานและผลการดำเนินการของบริษัท
ต่างชาติสลับมาซื้อหุ้นในภูมิภาคเล็กน้อย รวมถึงไทย
วานนี้นักลงทุนต่างชาติสลับซื้อสุทธิเล็กน้อย เพียง 26 ล้านเหรียญ (หลังจากที่ขายก่อนหน้า 2 วัน)แต่เป็นการซื้อเพียง 2 แห่งคือไต้หวันและไทย ที่เหลืออีก 3 ตลาด ขายสุทธิต่อเนื่องนำโดย เกาหลีใต้ 54 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 3) ตามด้วย อินโดนิเซีย 8 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 2) และ ฟิลิปปินส์ 1 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 2) ขณะที่ไต้หวันถูกสลับมาซื้อสุทธิราว 68 ล้านเหรียญ (หลังจากขายสุทธิ 2 วัน) และตลาดหุ้นไทยถูกซื้อสุทธิอีก 20 ล้านเหรียญ หรือ 677 ล้านบาท ขณะที่สถาบันในประเทศสลับมาขายสุทธิ 2.4 พันล้านบาท
ส่วนทางด้านตราสารหนี้สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1.2 หมื่นล้านบาท ส่วนต่างชาติยังคงขายสุทธิอีก 1.2 พันล้านบาท (ขายสุทธิเป็นวันที่ 6)
ภรณี ทองเย็น เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636