- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 30 August 2017 15:34
- Hits: 1828
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ยังมีโอกาสปรับขึ้น แต่คาดอยู่ในกรอบจำกัด? หลังวานนี้ดัชนีบ้านเราปรับขึ้นโดดเด่น ภายใต้มุมมองที่ดีขึ้นของนักลงทุนโดยเฉพาะต่างชาติทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจและการเมือง ส่งผลให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาโดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของต่างชาติ
ขณะที่ในวันนี้ คาดดัชนียังมีโอกาสปรับขึ้นแต่คาดอยู่ในกรอบจำกัด ภายใต้ประเด็นกดดันจากต่างประเทศที่มุมมองที่ดีขึ้นและลดความกังวลลงโดยเฉพาะต่อสถานการณ์เกาหลีเหนือ หลังวานนี้ (29/8/60) ยิงขีปนาวุธข้ามประเทศญี่ปุ่นก่อนไปตกมหาสมุทรแปซิฟิก นอกชายฝั่งเกาะฮอกไกโด ซึ่งสหรัฐฯ มีท่าทีระมัดระวังในการใช้ถ้อยคำตอบโต้ แตกต่างไปจากทุกครั้งที่มีท่าทีรุนแรง รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองที่คาดมีแนวโน้มที่ดีจากการเจรจาจัดทำงบประมาณการชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ Shutdown รวมถึงการเจรจาเพื่อปรับเพดานนี้ หลังสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบรุนแรงจากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์
ทางด้านปัจจัยในประเทศ (+) Fund Flow จากแรงซื้อสุทธิของต่างชาติกว่า 4,800 ล้านบาท และทำให้ YTD พลิกกลับเป็นยอดซื้อสุทธิสะสม ขณะที่เงินบาท ยังคงแข็งค่าต่อเนื่องในรอบเกือบ 2 ปี ส่วนราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับ 45 - 50 USD/bbl คาดส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้คาดยังมีแรงซื้อ PTT และ PTTGC ก่อนจะขึ้น XD : 31/8/60 จำนวน 8.00 บาท และ 1.75 บาท ตามลำดับ
ส่วนประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่มีการเลื่อนฟังคำพิพากษาจาก 25/8/60 เป็น 27/9/60 หลังอดีตนายกฯ ไม่มาฟังคำพิจารณา ซึ่งคาดทำให้สถานการณ์มีความคลี่คลายระดับหนึ่ง
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เช่น BBL, KBANK
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มพลังงาน เช่น TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ PTT ที่ผลการดำเนินงานยังมีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง
SET SET50 SET100
1,614.14 +28.35 1,034.76 +24.19 2,316.31 +50.49
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +56.97, NASDAQ +18.87, S&P +2.06, FTSE -64.03, CAC -47.83 และ DAX -177.59 ภายใต้ความกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีที่เริ่มลดลง หลังปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ มีท่าทีระมัดระวังการใช้ถ้อยคำในการตอบโต้การยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ ซึ่งแตกต่างไปจากทุกครั้งที่ใช้ถ้อยคำรุนแรง
พร้อมได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (1) ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค – ส.ค. อยู่ที่ 122.9 ดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 120.3 จากมุมมองที่ดีต่อสภาวะเศรษฐกิจ และตลาดแรงงาน (2) ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศ - มิ.ย. เพิ่มขึ้น 5.8%yoy ต่อเนื่องจากที่เพิ่มขึ้น 5.7%เมื่อพ.ค.
ขณะที่ผลกระทบรุนแรงจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ ที่เมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส ช่วยให้คณะทำงานของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และผู้นำสภาคองเกรส หันหน้าเจรจากันในเรื่องงบประมาณและการปรับเพิ่มเพดานหนี้ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ และประชาชนผู้ประสบภัย
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ปรับลดลงจากความกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ต.ค. -US$0.13 อยู่ที่US$46.44 ต่อบาร์เรล โดยลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ภายใต้ผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์" ที่ทำให้โรงกลั่นหลายแห่งในรัฐเท็กซัสต้องปิดดำเนินงาน ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า อุปสงค์น้ำมันในสหรัฐฯ อาจชะลอตัวลง
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
17.18 1.95 2.99
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 95,652.53
สถาบัน 5,238.93
บัญชีหลักทรัพย์ 2,308.45
ต่างประเทศ 4,821.05
ในประเทศ -12,368.43
(5) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น MONO และ WORK
(6) กลุ่มท่องเที่ยว ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว เช่น CENTEL, MINT
(7) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยว เช่น AOT ส่วนที่ได้รับผลดีจากดัชนีค่าระวางเรือที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง เช่น PSL
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.02 อยู่ที่ 2.14%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.38 อยู่ที่ 11.70
หุ้นแนะนำ : CK
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร. 02-684-8788