- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 28 August 2017 15:55
- Hits: 1426
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดแดนลบ ก่อนที่จะแกว่งตัวขึ้นยืนบวกเล็กน้อยทำจุดสูงสุดของวันที่ 1577.61 จุด เพิ่มขึ้น 1.65 จุด พร้อมกับมีทิศทางผันผวนส่วนใหญ่ยืนอยู่ในแดนลบเกือบตลอดทั้งวัน โดยเผชิญแรงขายจากหุ้นในกลุ่มขนส่ง การแพทย์ มีจุดต่ำสุดของวันที่ 1571.13 จุด ลดลง 4.83 จุด กรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 6.48 จุด ทั้งนี้หุ้นที่ช่วยดึงดัชนีให้ติดลบน้อยลงได้แก่ PTT, KBANK, ADVANC, BANPU, ESSO, TOP ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1575.85 จุด ลดลง 0.11 จุด (-0.01%) มูลค่าการซื้อขาย 32,003 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวขึ้นได้ดีตั้งแต่ต้นสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง จนกลับขึ้นมายืนเหนือกลุ่มเส้นค่าเฉลี่ย หรือ 1574 จุด และขึ้นทำ High ที่ 1577 จุด โดยวันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเริ่มชะลอตัวลงโดยยังไม่สามารถทำ High ได้ใหม่ ขณะที่ดึง Low 1571 จุดก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาทำปิดที่ 1575 จุด จากภาพของการชะลอตัวนั้นยังไม่ได้ทำให้ภาพหลักของการขึ้นเสียทิศทาง ตราบใดที่ยังยืน 1574 จุดได้ มองแนวรับ 1569-1572 จุด ขณะที่แนวต้าน 1578-1580 จุด
แกว่งตัวผันผวน - ในกรอบ 1570-1580 จุด
Support 1570-1560 // 1554 จุด Resistance 1580-1583 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
ผ่าน 2 ปัจจัยที่รอคอยไปแล้ว
ทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ : คาดดัชนีฯ มีโอกาสเดินหน้าต่อ หลัง 2 ตัวแปร คือ คดีจำนำข้าวและการประชุมประจำปีของ Fed ผ่านไป โดยสองตัวแปรนี้น่าจะเป็นบวกสั้นต่อตลาดหุ้น ตลาดรับรู้ปัจจัยลบไประดับหนึ่งโดยเฉพาะเรื่องกำไรตลาดที่ลดลง ทำให้ downside ของตลาด มีน้อยลง โดยเราปรับแนวรับของดัชนีฯจาก 1550 ขึ้นมาเป็น 1566 จุด กรอบการเคลื่อนไหวสัปดาห์นี้ 1566-1590 จุด แต่การแกว่งตัวในแต่ละวันจะยังคงอยู่ในกรอบแคบๆ จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นตลาด
กลยุทธ์การลงทุน : แม้ทิศทางตลาดจะดีขึ้น แต่การเล่นยังคงอยู่ในกรอบ นักลงทุนยังคงเล่นแบบ switch กลุ่มไปมาเนื่องจากไม่มีเม็ดเงินใหม่เข้าตลาด (นักลงทุนต่างประเทศยังไม่กลับมาซื้อหุ้น) การลงทุนจึงต้องเล่นตามตลาดเล่นกัน เน้นเก็งกำไรช่วงสั้น รวมทั้งเลือกหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์: BEM*, HANA, VNT*, SIS, LPN
หุ้นแนะนำเชิงเทคนิค: BANPU, BEC, TWPC, CHOW
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเครำห์
ทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ ประเมินดัชนีฯ จะแกว่งตัวในลักษณะของ sideway กรอบการเคลื่อนไหว ให้ไว้ที่ 1573-1596 จุด ..... ตลาดมีปัจจัยที่รอคอยหลายตัว อาทิ ตัวเลขเศรษฐกิจ และความคืบหน้ากฎหมายด้านสุขภาพของสหรัฐฯ ขณะที่ราคาน้ำมัน แม้จะมี rebound แต่มีความผันผวนสูง ด้านปัจจัยในประเทศ ตัวแปรด้านเศรษฐกิจดีขึ้น ตีมีความพะวงต่อผลประกอบการอยู่บ้าง การเข้าซื้อหุ้นของนักลงทุนจึงเลือกเล่นเพียงบางตัว และการซื้อขายจะเบาบางลงใช่วงปลายสัปดาห์ คาดจากนักลงทุนสถาบันผ่อนแรงซื้อ-ขายลง
กลยุทธ์การลงทุน การเข้าลงทุนยังต้องเป็น "selective buy" เพราะตลาดขยับตัวน้อยและเปลี่ยนตัวเล่นอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ควรให้ความสนใจกับค่าดอลล่าร์-Bond Yield เนื่องจากเป็นตัวชี้นำการโยกย้ายเงินลงทุน ... สัปดาห์นี้ แนะคงเงินสดในพอร์ตไว้ 30% เน้นหุ้นเสี่ยงต่ำ หุ้นอิงรายได้จากการลงทุนภาครัฐฯ และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ภาพตลาดสัปดาห์ที่ผ่านมา
SET Index สัปดาห์ก่อนปิดที่ระดับ 1,575.85 จุด ปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่ +9.32 จุด หรือ +0.59% ตลาดสามารถปรับตัวขึ้นได้จากแรงซื้อจากกองทุนเป็นหลัก มองปัจจัยจากต่างประเทศหลายๆปัจจัยเริ่มคลี่คลายลงไป เช่นความตรึงเครียดในเกาหลีเหนือ ในขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาดูผลการประชุมแจ็กสันโฮล
ปัจจัยที่ควรติดตาม
ผลการประชุม Jackson Hole ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นภูมิภาค ทั้งประธาน Fed และ ECB ต่างไม่ได้ส่งสัญญาณเร่งปรับลด QE ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นอาจกลับมาบวกได้สั้นๆ เพราะไม่ต้องกังวลต่อเรื่อง QE และทิศทางดอกเบี้ยมากนัก
ความไม่แน่นอนทางการเมืองสหรัฐฯเป็นปัจจัยกดดันตลาดต่อเนื่อง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวตำหนิแกนนำสภาคองเกรสในประเด็นการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งประเด็นดังกล่าวส่งผลให้เกิดความกังวลต่อการเมืองสหรัฐฯ อีกทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆของทรัมป์ เช่น นโยบายลดภาษีนิติบุคคล, มาตรการเฮลท์แคร์ ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะออกมาในช่วงเวลาอันสั้นนี้
ราคาน้ำมันดิบยังโดนกดดันจากภาวะ oversupply ราคาน้ำมันดิบยังคงมีแนวโน้มเป็นลบ หลังการประชุม OPEC พบว่า ปริมาณการลดกำลังการผลิตของ OPEC ที่ทำได้เพียง 94% จากที่ประกาศเอาไว้ อีกทั้งพายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์" พัดถล่มชายฝั่งสหรัฐในรัฐเท็กซัส ส่งผลให้มีการปิดโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งในรัฐเท็กซัส เรามองราคาน้ำมันดิบจะทรงตัวในระดับต่ำ
ปัจจัยในประเทศมีแนวโน้มเป็นบวก เรามองตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกดังนี้
1) จากรายงานขาดดุลที่ออกมาและค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบค่าเงินสกุลหลัก เราจึงมองว่าค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง เป็นบวกต่อกลุ่มส่งออก
2) ปัจจัยเสี่ยงระยะสั้นจากเรื่องคดีจำนำข้าวได้น้อยลงไป
3) การเปิดประมูลโครงการรถไฟทางคู่ ปัจจุบันมีโครงการรถไฟทางคู่จะเปิดประมูลอีก 3 โครงการรวมมูลค่าประมาณ 7 หมื่นล้านบาท โดยรถไฟสายประจวบฯ-ชุมพรมูลค่า 12,000 ล้านบาทจะเปิดประมูลในวันที่ 31/08/2017 และ
4) คาด ครม. ในอาทิตย์หน้าจะอนุมัติมาตรการช่วยผู้มีรายได้น้อยและมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ
Analyst : Mongkol Puangpetra
+662 648 1123 [email protected]
Analyst : Nontapat Rushtasomboon
+662 648 1127