- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 24 August 2017 16:47
- Hits: 1973
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
การเมืองฉุด
คาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวออกด้านข้างก่อนการพิพากษาคดีจำนำข้าวของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ในวันศุกร์ ตลาดการเงินโลกหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่ว่าจะยอมให้รัฐบาลสหรัฐต้องปิดตัวลง หากรัฐสภาไม่ยอมลงมติสนับสนุนทางการเงินในการสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโก ทำให้ความพยายามเพิ่มเพดานหนี้รัฐบาลสหรัฐและร่างงบประมาณอาจสะดุดและเป็นปัญหาได้ ปัจจัยภายในประเทศวันนี้มีทั้งบวกและลบ ส่งออกเดือน ก.ค.พุ่ง 10.5% สูงขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ยอดขายรถยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นแต่ยอดส่งออกยังลดลงในเดือน ก.ค. ในขณะที่ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมลดลงในเดือน ก.ค.
หุ้นเด่นวันนี้ : AOT (Bt52.00; BUY; AWS TP Bt59.00)
เราเลือก AOT เป็น Pick of the Day ในวันนี้ จากแนวโน้มกำไรที่เติบโตต่อเนื่องตามตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ยังคึกคัก และโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นจากการลงทุนขยายสนามบินเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร AOT รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 3/60 (เม.ย. - มิ.ย. 60) อยู่ที่ 5.4 พันล้านบาท ต่ำกว่าที่เราคาด 5.5 พันล้านบาทเล็กน้อย ลดลง 17%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 8%YoY โดยกำไรสุทธิในไตรมาส 3/60 ที่ปรับลดลง QoQ เป็นผลกระทบจากปัจจัยฤดูกาลที่เป็น Low Season เรายังคงมีมุมมองเป็นบวกกับ AOT ในช่วงที่เหลือของปี โดยมีปัจจัยบวกสนับสนุนการลงทุนจาก (1) ตัวเลขธุรกิจท่องเที่ยวที่เติบโตโดดเด่น ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ค. 2560 มีจำนวนเที่ยวบินทั้งหมด 481,943 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 5.66% YoY จำนวนผู้โดยสารรวมเท่ากับ 77.2 ล้านราย เพิ่มขึ้น 7.82% YoY (2) จำนวนนักท่องเที่ยวมีโอกาสเติบโตโดดเด่น YoY ในเดือน ต.ค. เนื่องจากปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญในปีที่ผ่านมาทำให้ฐานต่ำ และ (3) ความกังวลที่ลดลงจากกรณีค่าเช่าที่ดินราชพัสดุที่ได้ข้อสรุปว่าเพิ่มขึ้นเพียง 500 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายปัจจุบันที่ 1.5 พันล้านบาท ในระยะยาว
การเปิดประมูลสัมปทานร้านค้าปลอดภาษีรอบใหม่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2560 นี้ ช่วยให้บริษัทสามารถปรับโครงสร้างธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องการบินและเพิ่มรายได้ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป เราคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 13% YoY ในปี 2560 และ 15% YoY ในปี 2561 เป็น 22.0 พันล้านบาทและ 25.4 พันล้านบาท ตามลำดับ สำหรับ Price Pattern ของ AOT ยังมีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง WeekIy & MonthIy Buy SignaI เพียงแต่ Price Pattern ของ AOT ในระยะสั้นยังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการปรับฐานจากการเกิด DaiIy SeII SignaI โดย Price Pattern ของ AOT จะกลับมาเกิด DaiIy Buy SignaI ครั้งใหม่เมื่อสามารถปรับตัวขึ้นมาปิดตลาดได้เหนือ 52.75 บาท เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ AOT ก็พบว่ามีแนวต้านแข็งแกร่งอยู่ที่ 52.75 บาทเช่นกัน โดยหาก Price Pattern ของ AOT สามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือ 52.75 บาทได้สำเร็จ ก็จะมีเป้าหมายสำคัญของการทำ New High อยู่ที่ 63.50 บาท (แนวต้าน: 52.25, 52.50, 53.00; แนวรับ: 51.75, 51.25, 51.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ยอดการส่งออกในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 10.5%YoY เป็น 18.9 พันล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเพิ่มขึ้น 5 เดือนติดต่อกัน ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 18.5%YoY เป็น 19 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้เกิดการขาดดุลการค้าครั้งแรกในรอบ 27 เดือนที่ 187.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้การส่งออก 7 เดือนแรกเพิ่มขึ้น 8.2%YoY เป็น 132.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯและการนำเข้าเพิ่มขึ้น 15.5%YoY เป็น 125.6 พันล้านเหรียญสหรัฐยังเกินดุลทางการค้า 6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (Thaipost/Bangkok Post) ความเห็น : จากตัวเลขส่งออกที่ขยายตัวมากกว่า 10 % ติดต่อกัน 5 เดือนที่ผ่านมาทาให้กระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะปรับเพิ่มเป้าหมายการส่งออกในงบประมาณ 2560 นี้เป็น 6 -6.5% จากเดิมที่ 5%
ยอดขายรถยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้น แต่ยอดส่งออกลดลง ยอดขายรถยนต์ในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 7.5% YoY เป็น 65,178 คันเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 7 เดือนจากการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตามการส่งออกรถยนต์กลับลดลง 9.2% เหลือ 90,015 คัน ทำให้มูลค่าการส่งออกลดลง 6.9% เป็น 48 พันล้านบาท สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจึงปรับลดประมาณการการส่งออกรถยนต์ปี 2560 เป็น 1.1 ล้านคันจากเดิม 1.2 ล้านคันและทำให้เป้าหมายการผลิตรถยนต์ของปี 2560 ลดลงเหลือ 1.93 ล้านคันจากเดิม 2 ล้านคัน (Bangkok Post)
ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงในเดือนกรกฎาคม เหลือ 83.9 จุด จากระดับ 84.7 จุด ในเดือนมิถุนายนลดลงติดต่อกัน 4 เดือน โดยมีสาเหตุหลักมาจากความกังวลต่อกำลังซื้อที่อ่อนแอ อย่างไรก็ตามดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตสำหรับสามเดือนถัดไปกลับปรับตัวดีขึ้นเป็น 101.6 จุด จากระดับ 100.7 จุด ในเดือนมิถุนายน เนื่องจากผู้ประกอบการมองว่าจะมีรัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (Thaipost)
ต่างประเทศ :
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันพุธ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะยอมให้หน่วยงานรัฐบาลต้องปิดการดำเนินงานลง ถ้าหากสภาคองเกรสไม่สนับสนุนงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก ทำให้นักลงทุนกังวลว่าศึกในการขยายเพดานหนี้อาจทำให้การจ่ายเงินคืนผู้ถือพันธบัตรล่าช้าออกไป อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.17% จาก 2.22% เมื่อวันอังคาร (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อวันพุธ หลังปธน.ทรัมป์ขู่จะชัตดาวน์รัฐบาลและอาจระงับข้อตกลงข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA)ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปิดลบ 0.4% สู่ระดับ 93.151 (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบเมื่อวันพุธ หลังปธน.ทรัมป์ขู่ที่จะปล่อยให้หน่วยงานรัฐบาลต้องปิดการดำเนินงานถ้าหากสภาคองเกรสไม่สนับสนุนงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก สภาคองเกรสมีเวลา 12 วันทาการนับจากวันที่ 5 ก.ย.เพื่ออนุมัติมาตรการการใช้จ่ายเพื่อให้รัฐบาลดำเนินงานต่อไป (Reuters)
ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐลดลงผิดคาด 9.4% สู่ระดับ 571,000 ยูนิตในเดือนก.ค. เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน เพิ่มความกังวลให้กับนักลงทุนว่าการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯ จะชะลอตัว นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ยอดขายบ้านใหม่ในเดือนมิ.ย. มีการปรับตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 630,000 ยูนิตจากรายงานฉบับก่อนที่ 610,000 ยูนิต (Reuters
ภาคเอกชนสหรัฐเติบโตสูงสุดในรอบ 27 เดือนในเดือนส.ค. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นรวมภาคการผลิตและบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.0 เทียบกับที่ระดับ 54.6 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 27 เดือน ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นอยู่ที่ระดับ 56.9 เทียบกับที่ระดับ 54.7 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 28 เดือน ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นอยู่ที่ระดับ 52.5 เทียบกับที่ระดับ 53.3 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน (IHS Markit)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปดิ่งลงวานนี้ ฉุดโดยหุ้นกลุ่มสื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่อย่าง WPP ที่ออกมาหั่นเป้ายอดขายเนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ ตลาดปรับตัวลงแม้ผลสำรวจ PMI จะออกมาดีก็ตาม (Reuters)
อุตสาหกรรมการผลิตยูโรโซนเดือน ส.ค.ปรับตัวดีขึ้นในรอบ 6 ปีครึ่ง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมเบื้องต้นเดือน ส.ค.อยู่ที่ 57.4 เพิ่มขึ้นจาก 56.6 ในเดือน ก.ค. ขณะที่ ตัวเลขดัชนี PMI Composite เบื้องต้นอยู่ที่ 55.8 ดีขึ้นจาก 55.7 ในเดือน ก.ค. นอกจากนี้ ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นอยู่ที่ 54.9 ลดลงจากเดือน ก.ค.ที่ 55.4 (IHS Markit)
เอเชีย :
รัสเซียแสดงความวิตกกังวลกับกรณีที่ญี่ปุ่นใช้ระบบป้องกันขีปนาวุธภาคพื้นดิน Aegis Ashore เพื่อต่อต้านภัยคุกคามด้านขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ โดยสำนักข่าว RIA อ้างจากคำสัมภาษณ์รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย Sergei Ryabkov เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (Reuters)
พายุไต้ฝุ่นฮาโตซึ่งเป็นพายุที่มีความรุนแรงระดับ 10 เคลื่อนเข้าสู่ฮ่องกงในวันพุธ พร้อมกับลมและฝนตกที่ตกอย่างรุนแรงทำให้ให้ธุรกิจส่วนใหญ่ต้องปิดทำการ โดยมีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 34 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตถึง 3 รายในมาเก๊า รวมถึงเที่ยวบินหลายร้อยที่ถูกยกเลิกในฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ (Reuters)
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเหล็กและสินแร่เหล็กในจีนร่วงลงประมาณ 4% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ยุติการปรับขึ้นของราคาสินแร่เหล็กทำระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนในสัปดาห์นี้ ข้อมูลจากสมาคมเหล็กและเหล็กกล้าของจีนระบุว่ามีโอกาสน้อยที่จะเกิดถาวะขาดแคลนผลิตภัณฑ์เหล็กในประเทศ แม้ว่าจะมีการปิดเหมืองถ่านหินและโรงงานผลิตเหล็กกล้าคุณภาพต่ำที่มลพิษ ประเด็นดังกล่าวทำให้ราคาเหล็กและสินแร่เหล็กปรับตัวขึ้นต่อได้จำกัด (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นเมื่อวันพุธ หลังจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลง 8 สัปดาห์ติดต่อกัน และเนื่องจากพายุในฝั่งอ่าวสหรัฐ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 70 เซนต์อยู่ที่ 52.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวขึ้น 58 เซนต์ อยู่ที่ 48.41 ดอลลาร์ สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.3 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เทียบกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล (Reuters)
ทองปรับตัวขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอนในสหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนแอก่อนการประชุมธนาคารกลางที่ Jackson HoIe ในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำตลาดจรเพิ่มขึ้น 0.4% อยู่ที่ 1,289.27 ดอลลาร์ ราคาทองล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 0.3% อยู่ที่ 1,294.70 ดอลลาร์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 0-2680-5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 0-2680-5077
MISS. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042