- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 21 August 2017 16:26
- Hits: 1551
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> เก็งกำไรหุ้น Defensive Play และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวในช่วงพักฐาน
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังแกว่งออกด้านข้างในกรอบแคบต่อเนื่อง ตามทิศทางตลาดภูมิภาคที่เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง และปัจจัยในประเทศที่ขาดแรงหนุนใหม่ อย่างไรก็ตาม จังหวะการพักตัวยังมีแรงซื้อหุ้นใหญ่คอยพยุง โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ที่เริ่มฟื้นตัวหลังจากพักฐานมาตลอดทั้งสัปดาห์
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เรายังคาดว่า SET จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบที่ 1560-1570 จุด เช่นเดิม แม้จะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นกว่า 3% แต่ตลอดทั้งสัปดาห์ยังมีหลายปัจจัยต้องติดตามและอาจกดดัน SET ในระยะถัดไป โดยนอกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เริ่มพักตัวจากความกังวลด้านการเมืองแล้ว ตลาดยังรอดูการประชุมธนาคารกลางโลกที่แจ็คสัน โฮล ขณะที่ ในบ้านเราจะมีการเปิดเผย GDP2Q17 วันนี้ และการพิจารณาคดีรับจำนำข้าวปลายสัปดาห์ รวมถึงการขึ้น XD ปันผลระหว่างกาลของหุ้นกว่า 100 ตัว
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้น Defensive Play และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวในช่วงพักฐาน
หุ้นเด่นเดือน ส.ค. : EKH, EPG, ITEL, MTLS, SEAFCO
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$130ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$171ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$37ล้าน และไทย US$25ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคหลังมีความไม่แน่นอนทางการเมืองสหรัฐเพิ่มขึ้น
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> BCH <<
BCH ถือเป็นหุ้นที่เหมาะเป็นแหล่งพักเงินในช่วงตลาดไร้ทิศทาง เพราะมีค่าเบต้า 0.80 เท่า ต่ำกกว่ากลุ่มโรงพยาบาลที่ 0.9 เท่า ขณะที่ กำไรสุทธิ 2H17 คาดโตในอัตราเร่งทั้ง H-H และ Y-Y จาก High Season และได้ประโยชน์จากการปรับเพิ่มเงินประกันสังคม
เราเลือก BCH เป็น Top Pick ของกลุ่ม จาก Valuation ที่น่าสนใจ PEG 2.5 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 3-4 เท่า และสร้าง ROE ได้ 14% มากว่ากลุ่มที่ 11% แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 16.50 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) สัปดาห์นี้มีหลายปัจจัยกดดัน จากทั้งประเด็นการเมืองในสหรัฐฯ ที่มีการปลดหัวหน้าทีมยุทธศาสตร์, การประชุมธนาคารกลางโลกที่แจ็คสัน โฮล, ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรองตำแหน่งทางการเมืองตัดสินคดีรับจำนำข้าว, และการขึ้น XD ของหุ้น 109 ตัว ขณะที่ PE2017 ของ SET ที่ 15.5 เท่า ยังไม่จูงใจเมื่อเทียบกับอดีตที่ 15 เท่า และภูมิภาคที่ 14.8 เท่า ทำให้กระแสเงินมีแนวโน้มชะลอการไหลเข้า จากที่ซื้อสุทธิ 1.65 พันลบ. ในสัปดาห์ก่อน และ SET มีโอกาสแกว่งออกข้างอีกระยะ
(+) ราคาน้ำมันพุ่ง 3% จากการรายงานตัวเลขแท่นขุดเจาะน้ำมันรายสัปดาห์ลดลง 5 แท่น สู่ระดับ 763 แท่น และ ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า แนะนำเก็งกำไรหุ้น (PTTEP PTTGC PTT) นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวว่า Exxon อาจปิดโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่อันดับสองของสหรัฐ เป็นบวกกับโรงกลั่น (BCP IRPC TOP SPRC)
(+) กลุ่มท่องเที่ยวยังได้แรงหนุนต่อเนื่อง กระทรวงการคลังอยู่ในช่วงให้ ททท.ปรับมาตรการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวชุดใหม่ แบ่งเป็น 3 เขต 1.5-3 หมื่นบาท โดยเพิ่มเงินลดหย่อนในจังหวัดรองที่ไม่ได้รับความนิยม ERW ยังเป็น Top Pick ของกลุ่มเพราะโรงแรมดีทุก segment และไม่มีธุรกิจอาหารคอยถ่วง ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท ส่วน MINT แม้เราจะชอบน้อยกว่า เพราะธุรกิจอาหารยังไม่ฟื้น แต่ 2H17 เป็น High Season ของโรงแรมโปรตุเกสและในประเทศ กอปรกับ ราคาหุ้นปรับลงจน Upside เปิดกว้างเมื่อเทียบราคาเป้าหมายที่ 43 บาท จึงยังแนะนำซื้อเช่นกัน
(+) TKN แนวโน้มการฟื้นตัวของกำไรใน 2H17 จะเร่งตัวขึ้น จากกำลังการผลิตที่เพิ่และต้นทุนสาหร่ายที่เริ่มนิ่ง เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2017 - 2018 ที่ +21% Y-Y และ +25% Y-Y ตามลำดับ แต่ปรับ PE กลับสู่ระดับ 35 เท่า จากก่อนหน้าที่ปรับลงเป็น 33 เท่า ภายหลังสถานการณ์ของบริษัทเริ่มดูดีขึ้น ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 24 บาท จากเดิม 21 บาท และปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อจากถือ
(0) ITEL เราปรับกำไรสุทธิปี 2017-2018 ลง 13% และ 6% จากคาดการณ์เดิมเหลือ 128 ล้านบาท (+91% Y-Y) และ 188 ล้านบาท (+47% Y-Y) จากอัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจบริการติดตั้งโครงข่ายที่ต่ำกว่าคาด แต่เราปรับเพิ่มกำไรตั้งแต่ปี 2019-2021 จากฐานลูกค้ารายได้ต่อเนื่องอัตรากำไรสูงที่เร่งตัวขึ้น และปรับลดเงินลงทุนระยะยาวลง ทำให้ราคาเป้าหมายตามวิธี DCF ยังเท่าเดิมที่ 7.00 บาท แนะนำซื้อ โดยมี Upside เพิ่มเติมราว 0.20 บาท/หุ้น หากงานติดตั้งเน็ตชายขอบสามารถเดินหน้าได้ตามปกติ
(-) STA เรายังไม่ชอบกลุ่มยาง แม้ราคายางจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน มิ.ย. 17 เพราะปริมาณขายลดลง เนื่องจากฝนตกบ่อยเกินไป โดย STA ปรับลดเป้าลงจาก 1.5 ล้านตันเหลือ 1.2-1.3 ล้านตัน ขณะที่ ราคาขายกำหนดตาม SICOM แต่วัตถุดิบอิงราคาในประเทศที่กำลังถูกพยุง ทำให้อัตรากำไรมีแนวโน้มถูกกดดันหาก SICOM ผันผวนเชิงลบ ส่วนธุรกิจถุงมือยางอาจต้องกดอัตรากำไรลงเพื่อให้แข่งขันได้ ยังแนะนำหลีกเลี่ยง
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
21 ส.ค. - ไทย: GDP2Q17 และยอดส่งออกรถยนต์
22 ส.ค. - ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (ZEW)
23 ส.ค. - ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิต (ส.ค.)
- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ค.)
24 ส.ค. - ไทย: ยื่นซองประมูลรถเมล์ NGV 489 คัน e-auction 8 ก.ย.
24-26 ส.ค. - Jackson Hole Symposium
25 ส.ค. - ไทย: ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินคดีรับจำนำข้าว
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ปิดลบท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง เนืองจากนักลงทุนกังวลต่อปัจจัยการเมืองสหรัฐหลังการยุบสภาที่ปรึกษา และ การลาออกของคณะที่ปรึกษาการทำงานของทรัมป์
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสายการบินสืบเนื่องจากเหตุการณ์ก่อการร้ายในสเปน นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมืองสหรัฐ
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสม โดยมีแรงเก็งกำไรหลังตลาดหุ้นหลายแห่งร่วงลงแรงในวันศุกร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังเฝ้าติดตามสถานการณ์การเมืองสหรัฐอย่างใกล้ชิด
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ปรับตัว Sideway ในกรอบแคบ โดยล่าสุดเคลื่อนไหวในแถว 33.20-33.21 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. ปิดบวก 1.42 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 48.51 ดอลลาร์/บาร์เรล จากรายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันลดลง 5 แท่น สู่ระดับ 763 แท่น และ ดอลลาร์ที่อ่อนค่า อีกทั้ง มีแรงหนุนจากข่าวว่า Exxon อาจปิดโรงกลั่นน้ำมันขนาด 584 KBD ซึ่งใหญ่อันดับสองของสหรัฐและจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันหายไป
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดลบ 0.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,291.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ปรับลดลงเล็กน้อยจากแรงขายทำกำไร อย่างไรก็ตาม การปรับลงค่อนข้างจำกัดเพราะค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าสืบเนื่องจากปัจจัยทางการเมืองสหรัฐ
Contact person : Jitra Amorntham Register : 014530
Tel: 02-646-9966 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research