- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 16 August 2017 17:34
- Hits: 1537
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ระวังแรงขายทำกำไร? แม้ภาพรวมตลาดฯ ส่วนใหญ่ยังได้รับปัจจัยบวกจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ ที่เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น และตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ยังแข็งแกร่งและดีกว่าคาด
แต่ทางด้านราคาน้ำมัน ยังมีความผันผวน ล่าสุดยังปรับลดลง ภายใต้ความกังวล Supply ในตลาดโลก และความกังวลต่อความต้องการใช้น้ำมันของจีนปรับลดลง (จีนใช้น้ำมันเป็นอันดับ 2 ของโลก) คาดกลับมาส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน
ขณะที่ยังแนะติดตามปัจจัยเดิมจากต่างประเทศ คาดยังกดดันภาพรวมตลาด (1) การส่งสัญญาณของเฟดปรับลดงบดุลจากระดับปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านUSD ที่คาดจะประกาศในเดือนก.ย. นี้ (ประชุมเฟด 19 – 20/9/60) และ (2) ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ หลังวุฒิสภามีมติคัดค้านการยกเลิกกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์ ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่า ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถผลักดันมาตรการต่างๆ ตามที่เคยหาเสียง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงนโยบายการปฏิรูปภาษี ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง คาดส่งผลดีต่อทิศทางเงินลงทุนจากต่างชาติ
ทางด้านประเด็นในประเทศ เข้าสู่ช่วงท้ายของการประกาศผลการดำเนินงาน (ถึงช่วงเช้าวันนี้ก่อนตลาดเปิด) ยังแนะระวังแรงขายทำกำไร (Sell on Fact) หลังจบช่วงประกาศงบฯ ขณะเดียวกันอยู่ในช่วงของการทยอยขึ้นเครื่องหมาย XD หลังจากนี้ไป ทำให้คาดปรับขึ้นของดัชนีอาจอยู่ในกรอบจำกัด และในวันนี้ (16/8/60) จะมีการประชุม กนง. โดยคาดยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50%
ส่วนทางด้าน Fund Flow คาดยังมีความผันผวน แต่ Sentiment กลับมาเป็นบวก จากแรงซื้อสุทธิกลับเข้ามาต่อเนื่อง และทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสม เพิ่มขึ้นเป็น 2,855 ล้านบาท ขณะที่เงินบาท ยังคงแข็งค่าต่อเนื่องในรอบเกือบ 2 ปี โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 33.28 - 33.31 บาท และภายใต้เงินบาทที่แข็งค่าดังกล่าว คาดยังเป็น Sentiment ลบต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR, CBG เป็นต้น
(2) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
SET SET50 SET100
1,567.19 +5.88 999.16 +4.10 2,237.55 +9.64
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +5.28, NASDAQ -7.22, S&P -1.23, FTSE +29.96, CAC +18.58 และ DAX +11.92
ภายใต้ปัจจัยหนุนจาก (1) ยอดค้าปลีก - ก.ค. ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.6% ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับแต่ธ.ค.’59 และมากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% และ (2) สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ที่ผ่อนคลายมากขึ้น หลังนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กล่าวว่า จะชะลอการตัดสินใจยิงขีปนาวุธไปตกลงในบริเวณเกาะกวม โดยจับตาดูความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ เช่นเดียวกับสหรัฐฯ ที่ยังคงยืนยันจะใช้ช่องทางการทูตและการเจรจาในการคลี่คลายความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี
อย่างไรก็ตามการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน และปรับขึ้นในกรอบจำกัด หลังได้รับปัจจัยกดดันจากหุ้นกลุ่มค้าปลีก รวมถึงหุ้นโฮม ดีโปท์ ที่ปรับลดลงและยังอยู่ระหว่างติดตามสภาคองเกรส พิจารณาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ก่อนที่จะปิดสมัยประชุม เพื่อให้สหรัฐฯ สามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ โดยปัจจุบันรัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอถึงเดือนก.ย. นี้ เท่านั้น
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยกดดันจาก (1) ตัวเลข GDP – 2Q/60 ของเยอรมัน ขยายตัว 0.6% ต่ำกว่าที่คาดว่าจะขยายตัว 0.7% และ (2) การปรับลดลงของหุ้นแอร์ เบอร์ลิน (สายการบินอันดับ 2 ของเยอรมนี) จากการยื่นขอการพิทักษ์ทรัพย์จากภาวะล้มละลายต่อศาลในเยอรมนี หลังเอทิฮัด แอร์เวย์ส ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของแอร์ เบอร์ลิน ประกาศยุติการสนับสนุนทางการเงิน
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.67 1.9 3.08
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 36,976.92
สถาบัน 2,075.35
บัญชีหลักทรัพย์ -680.78
ต่างประเทศ 1,233.10
ในประเทศ -2,627.67
(3) กลุ่มพลังงาน เช่น BCP, TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ PTT ที่ผลการดำเนินงานยังมีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง
(4) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น MONO และ WORK
(5) กลุ่มท่องเที่ยว ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว เช่น CENTEL, MINT
(6) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยว เช่น AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.05 อยู่ที่ 2.27%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.29 อยู่ที่ 12.04
หุ้นแนะนำ : PSL
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร. 02-684-8788