- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 11 August 2017 16:38
- Hits: 15450
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
'ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : BH&WORK (ถือเป็นซื้อ), ILINK (FVเป็นถือ), ASIAN (ซื้อเป็นถือ),MALEE (ถือเป็นFV)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET ปิดทรงตัวที่ 1571.64 โดยมีการเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยเฉพาะที่กำไร 2Q ออกมาดีและแนวโน้มแข็งแกร่ง สถาบันในปท.และต่างชาติซื้อสุทธิแต่กลุ่มละไม่มาก
ประเด็นสำคัญวันนี้ : ปัจจัยภายนอก – กังวลความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือว่าจะบานปลายหรือไม่ ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น แล้วเข้าซื้อทองคำที่ปลอดภัยกว่าแทน ส่วนราคาน้ำมันก็อ่อนลงเพราะกลุ่มโอเปกผลิตเพิ่มขึ้น และในเดือนก.ค.ผลิตสูงกว่าเพดานที่ตกลงกันไว้ด้วย สำหรับประเด็นอื่นที่ติดตาม คือ ตัวเลข PPI & CPI สหรัฐ
ปัจจัยในประเทศ – ติดตามผลประกอบการ 2Q60 & ปันผลระหว่างกาลต่อไป เราประเมินว่ากำไร 2Q60 จะอ่อนลง QoQ กลยุทธ์ยังคงเป็นการเลือกซื้อรายบริษัท ซึ่งหุ้นกลยุทธ์แนะนำรายสัปดาห์ (9-15 ส.ค.60) ประกอบด้วย AMATA, KBANK, WHAUP (ดู Theme ลงทุนในข่าวเช้าวันที่ 9 ส.ค.)
+ GFPT : กำไร 2Q60 ดีตามคาด 494 ลบ. (+30%YoY,+16%QoQ) หนุนโดยยอดส่งออกไก่&มาร์จิ้นเพิ่มขึ้น แนวโน้ม 3Q60 แข็งแกร่งเบื้องต้นคาดว่ากำไรจะเพิ่มเป็น 570 ลบ.เพราะปริมาณส่งออก 13%QoQ ราคาส่งออกเพิ่ม 5%QoQ มาร์จิ้นสูง แนะซื้อ ให้ TP 23.8 บาท
+ WORK : กำไร 2Q60 +179%YoY, +115%QoQ ดีกว่าคาดถึง 37% เพราะรายได้เพิ่ม 39% มาร์จิ้นพุ่งเป็น 60% จาก 49% ใน 2Q59 จากอัตราค่าโฆษณาเพิ่มป็น 8 หมื่นจาก 4.8 หมื่นบาท/นาทีใน 2Q59 ปรับกำไรปี 60-61 ขึ้น 17%/16% ปรับเพิ่มเป็นซื้อ TP ใหม่ 73 บาท
+ ERW : กำไร 2Q60 ดีกว่าคาด (57 ลบ.) เพิ่มจาก 1 ลบ.ใน 2Q59 หนุนโดยรายได้ธุรกิจโรงแรมที่เพิ่ม (RevPar +6%YoY) แต่ -72%QoQ เพราะฤดูกาล ERW ได้ปย.จากมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศมาก คาดกำไรปี 60-61โต 28%/14% แนะซื้อ TP 6.50 บาท
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกอ่อนๆ แต่ก็พร้อมพลิกกลับเป็นลบ การซื้อใหม่จึงเน้นค่าบวกเท่านั้น (ลบไม่เล่น Wait & see ก่อน) แนวต้าน 1575-1580, 1590 แนวรับ 1560+/-, 1550 จุด สำหรับการ SCAN หุ้นที่คาดว่าราคาจะทำ New High ได้ พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น PSH, DTAC, LST, ACAP, WORK หุ้นยังอยู่ใน List คือ AH, SYNEX หุ้นหลุด List –ไม่มี- ส่วนหุ้นแนะนำที่ให้หาจังหวะขายทำกำไรคือ TAPAC, ASIAN, IHL, VGI
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 204.69 จุด วิตกความขัดแย้งสหรัฐ-เกาหลีเหนือบานปลาย
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ ล่าสุดเกาหลีเหนือเน้นย้ำถึงแผนการโจมตีเกาะกวมภายในกลางเดือนส.ค.นี้ รวมทั้งยังผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงเมซีส์ อิงค์ ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐด้วย ปิดตลาดดัชนี DJIA -204.69 จุด หรือ -0.93% ดัชนี S&P500 -35.81 จุด หรือ -1.45% และดัชนี Nasdaq -135.46 จุด หรือ -2.13%
- เกาหลีเหนือ & สหรัฐ : จับตาสถานการณ์ความขัดแย้งในช่วงนี้
ล่าสุดสำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า กองทัพประชาชนเกาหลี (KPA) กำลังพิจารณาแผนการยิงขีปนาวุธพิสัยกลาง Hwasong-12 จำนวน 4 ลูกพร้อมกัน โดยให้ตกลงห่างจากเกาะกวม 30-40 กม.ซึ่งการยิงขีปนาวุธดังกล่าวจะเกิดขึ้นภายในกลางเดือนส.ค.นี้
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตือนว่าเกาหลีเหนือจะต้องเผชิญกับ "ไฟและความเดือดดาล" จากสหรัฐหากยังคงดึงดันทำสิ่งที่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐมากกว่านี้ พร้อมกับกล่าวว่าการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ อาจเป็นสาเหตุที่จะทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3
- ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาร่วงเพราะกังวลกลุ่มโอเปกผลิตเพิ่ม
มีรายงานว่าการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกเพิ่ม 1.73 แสนบาร์เรลสู่ระดับ 32.9 ล้านบาร์เรลในเดือนก.ค.60 ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่ธ.ค.59 และสูงกว่าเพดานที่ตกลงกันไว้ที่ 32.5 ล้านบาร์เรล อันเนื่องมาจากลิเบียและไนจีเรียได้ปรับเพิ่มการผลิต ซึ่งกดดันราคาน้ำมันดิบ ปิดตลาดสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 97 เซนต์ หรือ -2% ปิดที่ 48.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 80 เซนต์ หรือ -1.5% ปิดที่ 51.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
+ ภาวะตลาดทองคำ : ราคาพุ่งขึ้นต่อไปใกล้ 1.3 พันเหรียญสหรัฐ/ออนซ์
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 10.8 ดอลลาร์ หรือ 0.84% ปิดที่ระดับ 1,290.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยกดดัน คือ ความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลีและระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือที่คุกกรุ่นขึ้นในช่วงนี้
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นมีข่าว
+ STEC (ราคาปิด 25 บาท) : คว้างานรถไฟทางคู่ นครปฐม-หัวหิน
STEC ชนะประมูลงานโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ นครปฐม-หัวหิน สัญญาที่ 2 ช่วงหนองปลาไหล-หัวหิน หลังเสนอราคาต่ำสุดที่ 7,520 ล้านบาท จากราคากลาง 7,676 ล้านบาท คาดว่าจะลงนามในสัญญาประมาณเดือนก.ย.60 นี้
-/• MC (ราคาปิด 17.40 บาท) : กำไร 2Q60 แย่กว่าคาดแต่จ่ายปันผลระหว่างกาลสูง
# บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q60 เท่ากับ 90 ล้านบาท (-53%YoY) และงวด 6M60 มีกำไรสุทธิ 321 ล้านบาท (-18%YoY) การลดลงของกำไรในงวด 2Q60 มาจากยอดขายที่หดตัว 9%YoY เป็น 919 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนค่อนข้างทรงตัว ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น 2Q60 ลดลงเป็น 51% จาก 55% ใน 2Q59 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการทำโปรโมชั่นทางการตลาดและ Product mixed ที่เปลี่ยนแปลงไป ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลงเหลือ 3 ล้านบาทจาก 16 ล้านบาทใน 2Q59 ด้านสินค้าคงเหลือยังคงสูงที่ 2 พันล้านบาท คิดเป็นระยะเวลาหมุนเวียนสินค้าคงเหลือราว 12 เดือน
# ประกาศจ่ายปันผล 1H60 เท่ากับ 0.45 บาท กำหนด XD 23 ส.ค.60 ซึ่งคิดเป็น Interim dividend yield 2.6% แนะนำถือ
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]