- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 10 August 2017 16:28
- Hits: 1813
บล.บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดทรงตัวเท่ากับวันปิดก่อนหน้า ก่อนที่จะค่อย ๆ แกว่งตัวลงอยู่ในแดนลบ เคลื่อนไหวผันผวนที่อยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน เนื่องจากเผชิญแรงขายหลักจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน และขนส่ง มีจุดต่ำสุดของวันที่ 1569.40 จุด ลดลง 8.04 จุด ขณะที่จุดสูงสุดของวันที่ 1578.30 จุด เพิ่มขึ้น 0.86 จุด กรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 8.90 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวลงของดัชนีได้แก่ AOT, KCE, MTLS ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1571.51 จุด ลดลง 5.93 จุด (-0.38%) มูลค่าการซื้อขาย 34,898 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนียังคงมีทิศทางผันผวนสลับขึ้นวันลงวัน โดยวานนี้ดัชนีเลือกที่จะพักตัวลงใหม่ โดยเป็นการแกว่งตัวลงตั้งแต่ช่วงเช้าและลงหนักช่วงท้ายตลาด ลงไปทดสอบ Low เดิมที่ 1569 จุด ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาทำปิดที่ใกล้จุดต่ำสุดของวันที่ 1571 จุด ส่งผลให้แนวโน้มดัชนีกลับมาอยู่ในเชิงลบอีกครั้ง โดยเฉพาะ MACD ที่มีค่าลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามระยะสั้นมีโอกาสดีดกลับในลักษณะของ Rebound คงต้องลุ้นยืน 1570 จุดให้อยู่ไม่เช่นนั้นจะเป็นการเปิดความเสี่ยงในการลงลึกได้ แนวรับ 1564-1569 จุด แนวต้าน 1574-1577 จุด
แกว่งตัวผันผวน - ลุ้นยืน 1570 จุดให้อยู่
Support 1570 // 1560 จุด Resistance 1580 // 1590 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
'เกาหลีเหนือ ยังกดดันตลาดต่อ'
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดมีโอกาสปรับตัวลดลง จากแรงกดดันของสถานการณ์เกาหลีเหนือ และผลประกอบการที่หลายบริษัทออกมาไม่ดีนัก ซึ่งจะทำให้นักลงทุนเริ่มลดความเสี่ยง โอกาสที่ดัชนีฯมีโอกาสลงไปทดสอบแถวๆ 1566-1550 จุด มีมากขึ้น … วันนี้ คงต้องจับตาดูการประชุมฉุกเฉินของเกาหลีใต้ ซึ่งน่าจะมีการระบุถึงระดับความเสี่ยง หรือมาตรการการตอบโต้เกาหลีเหนือออกมา
กลยุทธ์การลงทุน : เช่นเดียวกับวันก่อนที่ตลาดยังไม่มีเสถียรภาพ และมีปัจจัยลบใหม่ๆเข้ามา แม้นักลงทุนเองจะมองตลาดไม่ดีมาก่อนหน้านี้ แต่ก็อาจยังมีแรงขายให้เห็น ทำให้เราแนะนำให้ปรับเพิ่มการถือเงินสดให้มากขึ้น และคอยติดตามตัวแปรสำคัญ คือสถานกาณ์เกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด..... การลงทุนต้องเน้นเป็นรายตัว จากข่าวหรือเรื่องงบฯเป็นหลัก โดยกรอบเวลาการลงทุน เน้นเก็งกำไรช่วงสั้น
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนใน
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(-) AAV : กำไรสุทธิ 2Q17 ลดลงมาก แต่คาดจะทยอยดีขึ้นใน 2H17
(0) D : กำไร 2Q17 ที่ 10.06 ล้านบาท เติบโต YoY แต่ลดลง QoQ ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (09 ส.ค.) ปิดที่ระดับ 1,571.51 จุด ลดลง 5.93 จุด หรือ -0.38% มูลค่าการซื้อขาย 34,898.13 ล้านบาท ตลาดปรับตัวลงในลักษณะเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค มองปัจจัยต่างประเทศเป็นตัวกดดันตลาด จากความตรึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 22,048.70 จุด ลดลง 36.64 จุด หรือ -0.17% ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่องจากประเด็นการขู่ยิงนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือและแรงเทบขายหุ้นวอลท์ดิสนีย์หลังยอดขายในช่วงไตรมาส 2 ต่ำกว่าคาด ......ด้าน Stoxx Europe 600 ร่วงลง -0.7% ปิดที่ 379.84 จุด
ความตรีงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ เป็นประเด็นลบต่อเนื่องจากวันก่อน สถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือมีความตรึงเครียดมากขึ้นจากวันก่อน เรามองประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นลบต่อเนื่องจากวันก่อนและมีความตึงเครียดมากขึ้นซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง .... จากประเด็นดังกล่าว ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลัก ในขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 33.25 บาท/ดอลลาร์ .... การปรับลดงบดุลของเฟดเป็นอีกประเด็นที่นักลงทุนกำลังจับตามอง โดยประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขาชิคาโกระบุว่าเฟดมีโอกาสปรับลดงบดุลในเดือนหน้า
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากสต็อกน้ำมันดิบลดลง สัญญาน้ำมันดิบ เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ หรือ +0.8% ปิดที่ 49.56 ดอลลาร์/บาร์เรล .... โดย EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ปัจจัยในประเทศ วันนี้จะมีการประกวดราคารถไฟทางคู่เส้นทางนครปฐม-หัวหิน วงเงินรวม 1.6 หมื่นล้านบาท .... อยู่ในช่วงท้ายขผลประกอบการ 2Q-17 คาดหุ้นที่ KTBST จัดทำบทวิเคราะห์ที่จะประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ได้แก่ GFPT คาดที่ 490 ล้านบาท (+28.6% YoY, +15.5% QoQ), FSMART คาดที่ 139 ล้านบาท (+46.1% YoY, +5.6% QoQ), TMT คาดที่ 40 ล้านบาท (-85.9% YoY, -84.3% QoQ)
Fund Flow Analysis & Sector Rotation
Fund Flow ในตลาดเอเซีย จากวันก่อน ที่เห็นว่าแรงขายบางลง แต่ด้วยวันที่ผ่านมา สถานการณ์เกาหลีเหนือ ทำให้นักลงทุนต่างประเทศมีการขยับตัวอีกครั้ง คือ ขายที่เกาหลีใต้และไต้หวัน แต่กลับซื้อที่ตลาดหุ้นอินเดีย อินโดนีเซียและตลาดหุ้นไทย (หุ้นไทยที่มียอด Net buy ใน NVDR Trading วานนี้(9) มากที่สุด 5 ลำดับแรก คือ ADVANC, WORK, SCB, BH, TOP) แต่ถึงกระนั้นในตลาดพันธบัตรของไทยและอินโดนีเซีย พบว่า มียอด net sell ในตลาดพันธบัตรเป็นวันแรกในรอบหลายๆวัน ........ เราประเมินว่า ด้วยความแสี่ยงในเรื่องของเกาหลีเหนือ คาดจะทำให้มีเม็ดเงินออกจากตลาดหุ้น เพื่อรอดูสถานการณ์
Update สถานการณ์เกาหลีเหนือ ที่กลายเป็นประเด็นที่ร้อนที่สุดในช่วงนี้ ล่าสุด เกาหลีเหนือระบุกำลังพิจารณาเรื่องการโจมตีเกาะกวม (ในเร็วๆนี้) ความตึงเครียดยังอยู่ในระดับสูง นักลงทุนเข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเพื่อหลบภัย เม็ดเงินเข้าทั้งตลาดพันธบัตรและทองคำ ........ วันนี้ คงต้องจับตาดูการประชุมฉุกเฉินของเกาหลีใต้ ซึ่งน่าจะมีการระบุถึงระดับความเสี่ยง หรือมาตรการการตอบโต้เกาหลีเหนือออกมา ..... ในแง่ของตลาดหุ้นไทย เรามองเป็นปัจจัยเสี่ยงตัวหนึ่ง ที่ขึ้นมานำความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของการเมืองของสหรัฐฯไปเลย โดยก่อนหน้านี้ เราประเมินเกาหลีเหนือ ว่าไม่ว่าจะทำอะไรก็แค่เป็นการข่มขู่ แต่ครั้งนี้ อาจไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
การรายงานผลประกอบการเฉพาะเมื่อวานนี้(9) สิ่งที่เราสังเกตุเห็นได้คือ บริษัทที่มีกำไรลดลงทั้ง YoY และ QoQ นั้น จากจำนวน 53 บริษัทที่เราเก็บข้อมูล บริษัทที่มีกำไรลดลงจาก 1Q-17 มีเกินครึ่ง และบริษัทที่พลิกจากกำไรใน 1Q-17 เป็นขาดทุนมีถึง 6 บริษัท ....... สรุปบริษัทที่ส่งงบมาแล้วทั้งหมด 167 กำไรตลาด (SET+Mai) อยู่ที่ 1.2 แสนลบ. -13% YoY และ -21% QoQ ซึ่งจะใกล้เคียงกับผลสำรวจของ Bloomberg ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ...... การที่กำไรหลายๆ บริษัทลดลงโดยเฉพาะบริษัทขนาดเล็ก-กลาง และบริษัทที่ไม่เกี่ยวข้องกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อาจเป็นสัญญาณในทางลบต่อตลาดในช่วงสั้นๆ เพราะนักลงทุนจะมีความระมัดระวังในการเข้าลงทุนมากขึ้น และอาจมีผลไปถึงการปรับลดคาดการณ์กำไรของบริษัทในตลาดหรือกำไรตลาด หลังผ่านช่วงการส่งงบ ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 16 ส.ค. ไปแล้ว
SET Index คาดมีโอกาสปรับตัวลดลง จากแรงกดดันของสถานการณ์เกาหลีเหนือ และผลประกอบการที่หลายบริษัทออกมาไม่ดีนัก ซึ่งจะทำให้นักลงทุนเริ่มลดความเสี่ยง โอกาสที่ดัชนีฯมีโอกาสลงไปทดสอบแถวๆ 1566-1550 จุด มีมากขึ้น
กลยุทธ์ลงทุน เช่นเดียวกับวันก่อนที่ตลาดยังไม่มีเสถียรภาพ และมีปัจจัยลบใหม่ๆเข้ามา แม้นักลงทุนเองจะมองตลาดไม่ดีมาก่อนหน้านี้ แต่ก็อาจยังมีแรงขายให้เห็น ทำให้เราแนะนำให้ปรับเพิ่มการถือเงินสดให้มากขึ้น และคอยติดตามตัวแปรสำคัญ คือสถานกาณ์เกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด..... การลงทุนต้องเน้นเป็นรายตัว จากข่าวหรือเรื่องงบฯเป็นหลัก โดยกรอบเวลาการลงทุน เน้นเก็งกำไรช่วงสั้น
# คำแนะนำหรือมุมมองของหุ้นแต่ละกลุ่ม #
เนื่องด้วย เรามองตลาดว่ามีความเสี่ยงที่อาจคาดไม่ถึง โดยเฉพาะเรื่องของเกาหลีเหนือ และผลประกอบการที่กำลังทยอยออกมา อาจสะท้อนถึงกำไรของบริษัทต่างๆที่เริ่มอ่อนแอลง จากเหตุผลต่างๆ การปรับพอร์ตในสถานการณ์แบบนี้ จึงควรเน้นไปที่การถือเงินสด (เพื่อรอซื้อหุ้น)มากกว่า หรือการเข้าลงทุนคงต้องเน้นไปที่หุ้นมีความปลอดภัยสูงและราคาอยู่ในระดับที่ต่ำไว้ก่อน หรือหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบความเสี่ยงข้างต้น(เกาหลีเหนือและกำไร) … โดยหุ้นที่เราให้ความสนใจ จะเป็นหุ้น ADVANC , SPALI, CPF เป็นต้น
หุ้นที่อาจได้ประโยชน์จากภัยสงคราม เช่นกลุ่มน้ำมัน ซึ่งมีตัวหลักคือ PTTEP
สำหรับหุ้นที่มักจะได้รับความเสี่ยง จากความตึงเครียดระหว่างประเทศ ที่เราเห็นๆกัน มักจะเป็นกลุ่มเดินเรือ สายการบิน ท่องเที่ยว(ต่างประเทศ) เป็นต้น
สำหรับหุ้นที่นักลงทุนอาจเข้ามาเก็งกำไรจากผลประกอบการ ที่ออกมาดี อาทิ ATP30 EGCO FSMART และ IT เป็นต้น
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
CPF (ราคาปิด 26.00) เริ่มมีแรงซื้อเข้ามาหลังราคาปรับตัวลงไปมากก่อนหน้านี้ โดยราคาปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำกว่าราคาเหมาะสมมาก KTBST ประเมินมูลค่า โดยใช้วิธี sum of the parts โดยมูลค่าจาก CPF ที่ไม่รวมส่ว CPALL ที่ 4 บาท รวมกับมูลค่าการลงทุนซึ่ง CPF ได้รับจากการลงทุน 34% ใน CPALL อีก 27 บาท เป็น 31 บาท …. หุ้นเพิ่มทุนของ CPF เริ่มเข้าซื้อขาย
แล้วในวันที่ 9 ส.ค.60 (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 31.00 บาท)
MEGA(ราคาปิด 28.00) มองเป็นอีกหุ้นที่ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง …. โดย Bloomberg คาดกำไรสำหรับช่วง 2Q17 ไว้ที่ 246 ล้านบาท (+12.8% YoY, +28.8% QoQ) และคาดทั้งปีที่ที่ 981 ล้านบาท (+12.5% YoY).... นอกจากนี้เทรนด์การรักสุขภาพยังเป็นปัจจัยหนุนให้ MEGA เติบโตในระยะยาวอีกด้วย .... (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 31.59 บาท)
UNIQ(ราคาปิด 17.40) มอง UNIQ จะได้รับผลบวกมากที่สุดหากเป็นผู้ชนะในการประกวดราคารถไฟทางคู่ นครปฐม-หัวหิน วงเงินรวม 1.6 หมื่น ในวันนี้ เนื่องจากงานดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของ backlog รวมของ UNIQ ... แนวโน้มกำไรสุทธิ 2017 จะปรับตัวขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 926 ล้านบาท (+4.8% YoY) แต่จะปรับตัวขึ้นมากถึง 55.2% YoY ในปี 2018 ... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 17.20 บาท)
SPALI(ราคาปิด 23.70) กำไรสุทธิ 2Q17 ทำได้ดีที่ 1,328 ล้านบาท โดยต่ำกว่าที่เราคาดไว้เล็กน้อย กำไรสุทธิ 1H17 คิดเป็น 39% จากคาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 2017 ที่ 5,229 ล้านบาท เติบโต 7% YoY โดยเราคาดว่ากำไรสุทธิในงวด 2H17 จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากยอด Backlog รอโอนในงวด 2H17 ที่ค่อนข้างสูงถึง 10,351 ล้านบาท .... (ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 27.50 บาท)
ADVANC(ราคาปิด 184.00) เป็นหนึ่งในหุ้นปลอดภัยในช่วงเวลานี้ ADVANC ประกาศผลการดำเนินงานช่วง 2Q17 ที่ 7,215 ล้านบาท (-24.8% YoY, -6.2% QoQ) สูงกว่าที่เราคาดเล็กน้อย ..... คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 อยู่ที่ 30,062 ล้านบาท (-2.0% YoY) สำหรับภาพรวมทั้งปี จากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น …. เรามอง ADVANC มีแนวโน้มเติบโตได้ดีในระยะยาว เริ่มตั้งแต่ช่วงปี 2018 เป็นต้นไป จากการคาดการณ์การแข่งขันในอุตสาหกรรมที่เบาบางลง …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 190.00บาท)
Source: KTBST Research
ประเด็นสำคัญ : ข่าวและหุ้น
สหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความ ระบุว่า คลังอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐมีความแข็งแกร่ง และมีอำนาจมากกว่าในอดีต กล่าวว่า "คำสั่งแรกของผมในฐานะประธานาธิบดีก็คือให้มีการฟื้นฟู และปรับปรุงอาวุธนิวเคลียร์ของเราให้มีความทันสมัย และขณะนี้คลังอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐก็มีความแข็งแกร่ง และมีอำนาจมากกว่าในช่วงที่ผ่านมา"
เศรษฐกิจสหรัฐฯ - นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อต่ำจะไม่เป็นอุปสรรคต่อเฟดในการปรับลดงบดุลจำนวน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนหน้า แต่จะทำให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงเดือนธ.ค. หรือนานกว่านั้น
เศรษฐกิจสหรัฐฯ - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 0.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 เดือน และมากกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 0.6% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ค.
เศรษฐกิจจีน - สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวขึ้น 1.4% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยดัชนี CPI เดือนก.ค.ชะลอตัวลงจากเดือนมิ.ย.ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5% ในขณะที่ดัชนี PPI เดือนก.ค.ขยายตัวในอัตราเดียวกับเดือนมิ.ย.และพ.ค.ซึ่งปรับตัวขึ้น 5.5% เช่นกัน
เศรษฐกิจไทย - บอร์ดบริหารอีอีซีเผยแผนรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินหลักลงทุน 2.8 แสนล้านบาท ดึงเอกชนลงทุนทั้งหมด แล้วเสร็จในปี 2566 (กรุงเทพธุรกิจ, 10/08/2017)
สถานการณ์น้ำท่วม - นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) โดยที่ประชุมได้มีการหารือถึงสถานการณ์ฝนในปัจจุบันว่า ประเทศไทยมีปริมาณฝนสะสมสูงกว่าค่าปกติ 43% จากการคาดการณ์ปริมาณฝนรายเดือนจะพบว่าเดือนส.ค.-ก.ย.นี้ จะมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ในหลายพื้นที่
น้ำมัน - สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว แต่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น สวนทางคาดการณ์ลดลง
IRPC - IRPC เชื่อมั่นว่ากำไรสุทธิในปี 61 จะดีที่สุดตั้งแต่ดำเนินการมา หลังจะรับรู้ผลบวกเต็มที่จากโครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ (UHV) ของโรงกลั่น และการขยายกำลังการผลิตโพลีโพรพิลีน (PP) ที่จะแล้วเสร็จในสิ้นปีนี้ รวมถึงโครงการ EVEREST เพื่อเพิ่มขีดความสามารถองค์กรในทุกด้านนั้นจะปิดโครงการในสิ้นปีนี้นั้น คาดสร้าง EBIT ระดับ 1 หมื่นล้านบาทเต็มที่ในปีหน้า
SCN- SCN เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 (เมษายน-มิถุนายน 2560) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 55.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 47.58 ล้านบาท และมีรายได้รวม 580.33 ล้านบาท ซึ่งมาจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ (Recurring Income) มีอัตราขยายตัวที่ดี โดยเฉพาะธุรกิจ iCNG ธุรกิจก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม
J - J แจ้งว่า เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมาบริษัทได้รับโอนกิจการร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 2 แห่งซึ่งดำเนินกิจการภายใต้ชื่อ "Casa Lapin"และเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายบริการ จำนวน 3 เครื่องหมาย ในวงเงินรวมจำนวนประมาณ 42,000,000 บาท
PDI - PDI เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ว่า บริษัทฯ รายได้จากการขายสินค้าและบริการ 2,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ 2,510 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิในครึ่งแรกของปีนี้สูงเป็นประวัติการณ์ 523 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 392 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 131 ล้านบาท หรือโต 300%
Analyst : Mongkol Puangpetra
Nontapat Rushtasomboon