- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 09 August 2017 16:50
- Hits: 2258
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อ/ถือเมื่อ SET เหนือ 1570'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ปิดบวก 3.77 จุดปิดที่ 1577.44 โดยมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มแบงค์ สื่อสาร และ Midsmall cap โดยเฉพาะที่มีผลกำไรดี ต่างชาติและพอร์ตบล.ขายสุทธิ สถาบันในปท.นำซื้อสุทธิ 1.4 พันลบ.ส่วนรายย่อยซื้อสุทธิ 427 ลบ.
ประเด็นสำคัญวันนี้ : ปัจจัยภายนอก – ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ ราคาน้ำมันและทองคำ อ่อนเล็กน้อย โดยยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น การลดส่งออกน้ำมันของซาอุฯ อาจไม่ช่วยให้ราคาน้ำมันบวกขึ้นได้มากเพราะกลายเป็นโอกาสส่งออกเพิ่มของรัสเซีย สหรัฐ และอิหร่านที่ต้องการชิงส่วนแบ่งการตลาดจากซาอุฯอยู่แล้ว
ปัจจัยในประเทศ – กำไร 2Q60 ทยอยออกมามากขึ้น...ควรระวัง Sell on fact ถ้าราคาหุ้นปรับขึ้นมาก่อนแล้ว รวมทั้งแรงขายจากผิดหวังผลประกอบการ เพราะอุปสงค์ในปท.ยังซบเซา (ยกเว้นท่องเที่ยว & ลงทุนภาครัฐที่ยังพอไปได้) อย่างไรก็ดี การเลือกซื้อหุ้น Big cap รายตัวก็ยังน่าจะช่วยพยุงตลาดไว้ไม่ให้ร่วงแรง สำหรับหุ้นกลยุทธ์แนะนำรายสัปดาห์ ช่วงวันที่ 9-15 ส.ค.60 ประกอบด้วย AMATA, KBANK, WHAUP
# AMATA : คาดกำไร 2Q60F โตเท่าตัว YoY, +54%QoQ เป็น 385 ลบ. จากการโอนที่ดินนิคมเพิ่ม และส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้ามากขึ้น แต่ GPM จะอ่อนลงเพราะโอนที่ดินอมตะซิตี้เป็นหลัก คาดยอดขาย 2H60 จะดีขึ้น (1H60 ขายได้ 180 ไร่) จะออกหุ้นกู้เพื่อลดต้นทุนการเงินลงราว 1.5% แนะนำซื้อ ให้ TP 22 บาท เราเชื่อว่า AMATA จะได้ประโยชน์จาก EEC มากเพราะมีที่ดินพร้อมขายมากถึง 1 หมื่นไร่
# KBANK : สินเชื่อ 2H60 มีแนวโน้มโตดีขึ้นจาก 1H60 ที่ +3.2%YTD (เป้าปีนี้อยู่ที่ +6%) ด้าน NPL มีโอกาสขยับขึ้นแต่ไม่มาก สิ้นมิ.ย.60 มี NPL ratio 3.3% (1H60 Write off NPL ไป 1 หมื่นลบ.) Coverage ratio 141% ด้าน Non-NII จะโตดีขึ้นใน 2H60 แนะซื้อ TP 208 บาท
# WHAUP : คาดกำไร 2Q60F จะโต QoQ และเพิ่มก้าวกระโดด YoY เพราะในช่วง 1Q60 มีปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า Gheco One ตามแผน และ 2Q60 กลับมาผลิตปกติ ซึ่งตามสัญญาฯบริษัทจะได้รับเงินชดเชยช่วงหยุดซ่อมในงวด 2Q-4Q ปีนี้ รวมทั้งฐานกำไร 2Q59 ต่ำมาก แนวโน้มขยายตัวดีจากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เข้ามาเพิ่มในปี 60-61-62 ธุรกิจน้ำประปา & บำบัดน้ำเสียขยายต่อเนื่อง ให้ TP 7 บาท
• GCAP : หุ้นเทคนิคดี น่าสนใจซื้อเก็งกำไรตามด้วยค่าบวก แนวต้าน 4.7, 5.0 บาท Stop loss ถ้าหลุด 4.05 บาท คาดกำไรเติบโตแกร่งหลังขยายสินเชื่อได้มาก และ Spread ดี ความเสี่ยง คือ หนี้ด้อยคุณภาพอาจเพิ่มขึ้นหลังมีน้ำท่วมอีสานหลายจังหวัด
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ ซื้อใหม่เน้นค่าบวก/หรือเมื่อเหนือ 1570 แนวต้าน 1580-1590 และ Stop loss เมื่อหลุด 1570 จุด แนวรับ 1570, 1560-1550 จุด สำหรับการ SCAN หุ้นที่คาดว่าราคาจะทำ New High ได้ พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น ECL, SAMTEL, GCAP, AH หุ้นยังอยู่ใน List คือ ITEL, JMART, TOP, STAR, TAPAC หุ้นหลุด List เป็น SQ ส่วนหุ้นแนะนำที่ให้หาจังหวะขายทำกำไรคือ BCP, TPIPP, WICE, SCB, PLE
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
+ สหรัฐ : ตำแหน่งงานว่างพุ่งสูงสุดรอบ 17 ปีในเดือนมิ.ย.
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าตำแหน่งงานนอกภาคเกษตรที่เปิดรับสมัคร (งานว่าง) ในสหรัฐพุ่งขึ้น 8% สู่ระดับ 6.2 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2000 …ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้นมาต่อเนื่อง ล่าสุดเพิ่มขึ้น 209,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.3% จาก 4.4% ในเดือนมิ.ย. ด้านสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมดเพิ่มขึ้เป็น 62.9% ในเดือนก.ค. จาก 62.8% ในเดือนก่อนหน้า
- ญี่ปุ่น : ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนก.ค.หดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน
ดัชนีความเชื่อมั่น diffusion index ลดลง 0.3 จุด จากเดือนมิ.ย. แตะ 49.7 ในเดือนก.ค. ซึ่งดัชนีต่ำกว่า 50 หมายความว่า ผู้ที่มีมุมมองเป็นลบมีจำนวนมากกว่าผู้ที่มีมุมมองบวก
• ตลาดน้ำมัน : ซาอุฯ เตรียมลดการส่งออกน้ำมันแก่ลูกค้าทั่วโลก 520,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ย.60
แหล่งข่าวระบุว่า ซาอุดิ อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย จะลดการส่งออกน้ำมันแก่ลูกค้าทั่วโลกในเดือนหน้าอย่างน้อย 520,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ย.60 แต่นักวิเคราะห์มองว่าการลดส่งออกของซาอุฯ อาจเป็นโอกาสที่ประเทศอื่นๆ เช่น รัสเซีย สหรัฐ และอิหร่าน จะฉวยโอกาสนี้ในการผลิตน้ำมันและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดแทนซาอุฯ
- ตลาดน้ำมัน : ราคาอ่อนตัวลงเล็กน้อย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 22 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 49.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 23 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 52.14 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยมีรายงานว่าการผลิตน้ำมันจากบ่อชาราราของลิเบีย ซึ่งมีกำลังการผลิต 270,000 บาร์เรล/วัน ได้กลับสู่ภาวะปกติ หลังจากที่เผชิญภาวะหยุดชะงักก่อนหน้านี้
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดัชนีอ่อนลง
ดัชนี DJIA ปิด -33.08 จุด หรือ -0.15% ดัชนี Nasdaq ปิด -13.31 จุด หรือ -0.21% และดัชนี S&P500 ปิด -5.99 จุด หรือ -0.24% หลังปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ เมื่อวานนี้ว่า "สหรัฐจะตอบโต้เกาหลีเหนือด้วยวิธีการรุนแรงอย่างที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน หากเกาหลีเหนือยังเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐ"
- ตลาดทองคำนิวยอร์ก : ราคาทองปิดลดลง 0.8%
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.10 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ระดับ 1,262.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐออกมาดี
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นมีข่าว
+ กลุ่มท่องเที่ยว : ททท.ชงลดหย่อนตามโซนเข้าครม.เร็วๆนี้
ททท.เดินหน้าโครงการ “เที่ยวทั่วไทย ไปถึงถิ่น” ลดหย่อนภาษี 3 โซนในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค.60 โดย โซน 1) เมืองท่องเที่ยวหลัก 14 จังหวัด ให้ลดหย่อนภาษีได้ 1.5 หมื่นบาท/คน, โซน 2) 12 เมืองต้องห้ามพลาด 12 จังหวัดลดหย่อนภาษีได้ 3 หมื่นบาท/คน และ โซน 3) จังหวัดท่องเที่ยวรอง 51 จังหวัด ลดหย่อนภาษีได้ 5 หมื่นบาท/คน จะเห็นได้ว่าวงเงินลดหย่อนรอบนี้สูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยททท.จะนำเรื่องหารือกับก.คลังต่อไปนอกจากนั้นททท.จะจัดโปรร่วมกับสายการบิน, กรมการขนส่งและรถโดยสารเพื่อหนุนการท่องเที่ยวในเมืองรองด้วย ด้าน AOT ก็ให้ส่วนลดค่าจอดเครื่องบินกับสายการบินที่บินเข้าเมืองท่องเที่ยวโซน 2 และโซน 3 ด้วย
ความเห็น DBSV Retail Research : นับเป็นบวกกับกลุ่มท่องเที่ยว & โรงแรม ซึ่งหุ้นที่เราทำการวิเคราะห์และประเมินว่าจะได้ประโยชน์มาก คือ AOT (ผู้ประกอบการสนามบินรายเดียวของไทย แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 55 บาท), ERW (ธุรกิจโรงแรมที่มีสัดส่วนรายได้จากในประเทศมาก และอัตราค่าที่พักไม่สูงนัก แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 5.80 บาท)
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยรายงานผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.ว่าลดลงต่อเป็นเดือนที่ 3 สู่ระดับ 73.9 จาก 74.9 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งดัชนีเดือนก.ค.นั้นต่ำสุดในรอบ 7 เดือน
• TCAP : ธนาคารยืนยันมีมาตรฐานรักษาความลับลูกค้า และเตรียมฟ้องกลับ EARTH ที่กล่าวหา
ตามที่ EARTH ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์และต่อมาแถลงข่าวว่าได้ยื่นต่อศาลฟ้องธนาคารธนชาต (TBANK ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TCAP) พร้อมเรียกค่าเสียหาย 6 หมื่นล้านบาท เหตุนำข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินไปเปิดเผย ทำให้ EARTH ถูกอายัดเงินจาก KTB นั้น ธนาคารเห็นว่าการกล่าวหาของ EARTH ทำให้ธนาคารเกิดความเสียหาย จึงมีการชี้แจงเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้
1. ธนาคารธนชาตยังไม่ได้หมายเรียกและสำเนาคำฟ้องจากศาลแต่ประการใด
2. คำแถลงข่าวของ EARTH ที่กล่าวหาธนาคารฯ ผ่านการแถลงข่าวนั้น เป็นข้อกล่าวหาที่ปราศจากข้อเท็จจริง จึงขอปฏิเสธข้อกล่าวหาโดยสิ้นเชิง เพราะธนาคารฯ ไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างที่ถูกกล่าวหา ธนาคารฯ ยืนยันมีนโยบาย ขั้นตอน วิธีการที่ชัดเจน และเข้มงวด ด้วยมาตรฐานระดับสูง ในการดูแลรักษาความลับของลูกค้า
3. ธนาคารฯ ไม่ได้เป็นคู่กรณีหรือปล่อยกู้ให้กับ EARTH ธนาคารฯ เป็นเพียงผู้รับฝากเงินของ EARTH เท่านั้น ซึ่งมีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนที่ EARTH กล่าวอ้างเรียกร้อง
4. ธนาคารฯ อายัดบัญชีเงินฝากของ EARTH เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของศาล
5. การที่ EARTH แถลงข่าว/ทำ Press Release และถ่ายทอดสดทาง Facebook Live พาดพิงธนาคารธนชาตในทางเสียหายนั้น ธนาคารฯ สงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินการทางกฎหมายต่อ EARTH ทั้งทางแพ่งและอาญาต่อไป
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]