- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 09 August 2017 16:22
- Hits: 1457
บล.บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดยืนบวกเล็กน้อย ก่อนที่จะแกว่งตัวลงทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1573.21 จุด ลดลง 0.46 จุด พร้อมกับมีแรงซื้อกลับจากหุ้นขนาดใหญ่นำโดยกลุ่มแบงก์ สื่อสาร และอาหาร ขึ้นทำจุดสูงสุของวันที่ 1579.64 จุด เพิ่มขึ้น 5.97 จุด โดยส่วนใหญ่เป็นการแกว่งตัวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวันมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 6.43 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวขึ้นของดัชนีได้แก่ SCB, CPF, KBANK, KCE, BH, SVOA, PLE ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1577.44 จุด เพิ่มขึ้น 3.77 จุด (+0.24%) มูลค่าการซื้อขาย 35,859 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้สามารถพลิกฟื้นกลับขึ้นมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ส่งสัญญาณเตือนในเชิงลบอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีโอกาสลงมาทดสอบ Low เดิม โดยวานนี้ดัชนีฟื้นตัวกลับขึ้น ที่ยังไม่สามารถทำ High ใหม่ได้ แต่ก็ไม่สร้าง Low ใหม่เช่นกัน เป็นลักษณะแกว่งตัวแคบ ๆ ที่ยืนบวก ทำให้แนวโน้มในวันนี้ยังมีโอกาสขยับขึ้นได้ต่อ แต่ในกรอบที่ยังจำกัด แนวต้าน 1580-1582 จุด แนวรับ 1570-1574 จุด
แกว่งตัวผันผวน - แกว่งตัวออกข้างที่มีโอกาสขยับ High
Support 1570 // 1560 จุด Resistance 1580 // 1590 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
'จับตามเกาหลีเหนือ-แรงซื้อกองทุนฯ'
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดยังผันผวนต่อ ตลาดอาจได้แรงซื้อหุ้นจากกลุ่มกองทุนในประเทศ แต่สถานการณ์เกาหลีเหนือ อาจเพิ่มให้นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นต่อ ในแง่ดัชนีฯจึงบวกหรือลบไม่มากนัก ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนเอง ซื้อขายในกรอบสั้นๆอยู่แล้ว จากปัจจัยตลาดที่ยังไม่เอื้อ ..... กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯสัปดาห์นี้ เรามองไว้ 1566-1586 จุด ... Fund Flow ในตลาดเอเซีย ยังเป็น net sell .. การพลิกกลับมาซื้อหุ้นของกองทุนในประเทศ หากซื้อต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยบวกตัวหนึ่งของตลาดหุ้นด้วย
กลยุทธ์การลงทุน : ตลาดยังไม่มีเสถยรภาพ เพราะขาดทั้งปัจจัยหนุนใหม่ๆ และมีเรื่องของเกาหลีเหนือเข้ามา การลงทุนต้องเน้นเป็นรายตัว จากข่าวหรือเรื่องงบฯเป็นหลัก รวมทั้งหุ้นที่อาจได้แรงซื้อจากนักลงทุน (สถาบันฯ) ...... กรอบการลงทุน เน้นเก็งกำไรช่วงสั้น และเวียนเล่นในหุ้นแต่ละกลุ่มแต่ละวันที่มีแรงซื้อเข้า
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ BEAUTY* , SEAFCO* , ERW , HTECH , WICE
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
INGRS (first trading day) ผู้ประกอบการธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ในระดับอาเซียน + อินเดีย
(0) KCE : รายงานกำไรสุทธิสำหรับ 2Q17 ใกล้เคียงกับที่เราและตลาดคาด
(0) MTLS : กำไรสุทธิ 2Q17 ขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามสาขาที่เพิ่มขึ้น.
(0) QH : กำไรสุทธิ 2Q17 ใกล้เคียงตลาดคาด ลดลง QoQ แต่เพิ่มขึ้น YoY
(0) SPALI : กำไรสุทธิ 2Q17 ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
(-) TCAP : ถูก EARTH ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 6 หมื่นล้านบาท
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (08 ส.ค.) ปิดที่ระดับ 1,577.44 จุด เพิ่มขึ้น 3.77 จุด หรือ +0.24% มูลค่าการซื้อขาย 35,858.58 ล้านบาท จากแรงซื้อของกลุ่มสถาบันฯ โดยมี Net Buy ถึง +1,443 ล้านบาท ดัชนีปรับตัวขึ้นนำโดยกลุ่มธนาคารหลังราคาปรับตัวลงไปช่วงก่อนหน้านี้
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 22,085.34 จุด ลดลง 33.08 จุด หรือ -0.15% ตลาดปรับตัวลงเป็นวันแรก หลังปรับตัวขึ้นทำ New High 10 วันติดต่อกันในช่วงก่อนหน้านี้ เป็นผลมาจากความตรึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ ......ด้าน Stoxx Europe 600 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 382.65 จุด จากแรงซื้อกลุ่มส่งออก หลังยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์
ความตรีงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ เป็นประเด็นลบใหม่ต่อตลาด วานนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ออกมาเตือนว่าจะตอบโต้เกาหลีเหนือด้วยวิธีการที่รุนแรง โดยเกาหลีเหนือท้าทายสหรัฐกลับด้วยการประกาศความพร้อมที่จะ "ให้บทเรียนแก่สหรัฐ" ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ เรามองประเด็นดีงกล่าวเป็นประเด็นลบใหม่ที่ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลและชะลอการลงทุนออกไป .... ค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก คาดยังเป็นผลต่อเนื่องมาจากรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น และอัตราการว่างงานที่ลดลงสู่ระดับ 4.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี.... อย่างไรก็ตามเรามองว่าค่าเงินดอลลาร์ ยังถูกกดดันจากการเมืองของสหรัฐฯ .... กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับส่งออก (ของไทย) จึงยังมีความเสี่ยงจากการแข็งค่าของเงินบาท (ต่อดอลล่าร์)
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงเล็กน้อย สัญญาน้ำมันดิบ ลดลง 22 เซนต์ หรือ -0.5% ปิดที่ 49.17 ดอลลาร์/บาร์เรล....นักลงทุนกังวลต่อการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นของกลุ่ม OPEC แม้การประชุมจะออกมาว่าจะพยายามให้สมาชิกในกลุ่ม OPEC ดำเนินตามข้อตกลงลดกำลังการผลิตก็ตาม
ปัจจัยในประเทศ เป็นช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายขผลประกอบการ 2Q-17 ในวันนี้คาดหุ้น MINT และ AAV จะประกาศงบการเงินสำหรับไตรมาส 2 สำหรับ MINT Bloomberg คาดที่ 1,036 ล้านบาท (-94.6% YoY, +41.7% QoQ) และ สำหรับ AAV KTBST คาดที่ 220 ล้านบาท (-47.9% YoY, -61.4% QoQ)
Fund Flow Analysis & Sector Rotation
Fund Flow ในตลาดเอเซีย แรงขายหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศบางลงเมื่อเทียบกับหลายๆวันที่ผ่านมา แต่แรงซื้อแทบจะยังไม่เห็น ตลาดพันธบัตร มีแรงซื้อเข้า ยกเว้นตลาดเกาหลีใต้ ที่เป็น net sell .. จับสัญญาณ fund flow ยังไม่มีสัญญาณว่าจะกลับเข้ามาซื้อหุ้น เนื่องจากปัจจัยยังไม่เปลี่ยน ทั้งการเมืองสหรัฐฯ การปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ ในอนาคต และอื่นๆอีก ดังนั้น จึงยังไม่ต้องคาดหวังกับเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศในเวลานี้
สถานการณ์เกาหลีเหนือ กลายเป็นประเด็นที่ร้อนที่สุดของวันนี้ การตอบโต้จากสหรัฐฯ ที่ใช้คำว่า "Fire and Fury" ต่อเกาหลีเหนือ หลังเกาหลีเหนือทดลองขีปนาวุธที่บรรจุหัวรรบนิวเคลียร์ได้สำเร็จ สามารถยิงได้ถึงเกาะกวมซึ่งเป็นดินแดนที่ยังไม่ได้ปกครองตนเองของสหรัฐฯ (ระยะห่างจากเปียงยาง 18 ชั่วโมงบิน) ........ เหตุที่สำคัญ เพราะการใช้คำที่ค่อนข้างแรงของสหรัฐฯ ตลาดตอบรับต่อสถานการณ์นี้เป็นครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้ นักลงทุนไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก ค่าเงินเยนขยับขึ้น และอาจมีผลต่อตลาดหุ้นเอเซีย หรือ Fund Flow ในวันนี้ ทำให้ตลาดต้องคอยติดตามเป็นระยะๆว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง
SET Index คาดยังผันผวนต่อ ตลาดอาจได้แรงซื้อหุ้นจากกลุ่มกองทุนในประเทศ แต่สถานการณ์เกาหลีเหนือ อาจเพิ่มให้นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นต่อ ในแง่ดัชนีฯจึงบวกหรือลบไม่มากนัก ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนเอง ซื้อขายในกรอบสั้นๆอยู่แล้ว จากปัจจัยตลาดที่ยังไม่เอื้อ ..... กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯสัปดาห์นี้ เรามองไว้ 1566-1586 จุด
ปัจจัยในประเทศ ผลประชุมครม.ไม่ไดมีมาตรการอะไรใหม่ๆออกมา นักลงทุน น่าจะเข้าเล่นเก็งกำไรหุ้นที่ถูกคาดว่า กำไร 2Q จะออกมาดี
กลยุทธ์ลงทุน ตลาดยังไม่มีเสถยรภาพ เพราะขาดทั้งปัจจัยหนุนใหม่ๆ และมีเรื่องของเกาหลีเหนือเข้ามา การลงทุนต้องเน้นเป็นรายตัว จากข่าวหรือเรื่องงบฯเป็นหลัก รวมทั้งหุ้นที่อาจได้แรงซื้อจากนักลงทุน (สถาบันฯ) ...... กรอบการลงทุน เน้นเก็งกำไรช่วงสั้น และเวียนเล่นในหุ้นแต่ละกลุ่มแต่ละวันที่มีแรงซื้อเข้า
# คำแนะนำหรือมุมมองของหุ้นแต่ละกลุ่ม #
การพลิกกลับมาซื้อหุ้นของกองทุนในประเทศ โดยมีตัวเลข net buy 1.4 พันลบ.สวนทางกับนักลงทุนต่างประเทศ หากวันนี้ หรือวันต่อๆไปยังมีการซื้อต่ออีก ไม่ใช่ซื้อเพียงวันเดียว จะเป็นปัจจัยบวกตัวหนึ่งของตลาดหุ้นด้วย หุ้นกลุ่มที่เป็นเป้าหมายของการซื้อ น่าจะเป็นหุ้นใหญ่ (ดี) ที่ลงมามาก จาก list วันก่อน 3 ลำดับแรกของหุ้นธนาคารที่ถูกขายมาก (NVDR Trading) คือ KBANK , KKP และ SCB
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาน้ำมันดิบ ยังทรงๆตัว ผลประชุม OPEC-รัสเซีย ไม่สามารถดันราคาขึ้นไปได้ …. ขณะที่ค่าการกลั่นน้ำมันปรับตัวลดลงสองวันติดต่อกัน รวมถึงราคาถ่านหินที่เริ่มปรับตัวลงด้วยเช่นกัน ($94) ....... วันนี้ หุ้นกลุ่มนี้ อาจถูกเลือกเล่นบางตัว โดยเราให้ความสนใจกับ PTTGC และ IVL
หุ้นที่ให้บริการขนส่งทางเรือ (ที่มีเรือเป็นของตัวเอง) คากการสูงขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะเหล็กและถ่านหิน ปริมาณการค้าระหว่างประเทศที่สูงขึ้น และ ดัชนี Baltic Dry Index ล่าสุด อยู่ที่ 1038 จุด ยังหนุนราคาหุ้นกลุ่มเรือเทกอง ที่ตลาดหุ้นไทย มี PSL เป็นตัวหลักของกลุ่ม … นอกจากนี้ หุ้นที่เป็นกลุ่ม support การส่งออก คาดจะเป็นบวกจากการส่งออกที่ขยายตัวและตัวเลขส่งออกของจีนที่ออกมาดี หุ้นเหล่านี้ ได้แก้ WICE JWD
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
BEAUTY (ราคาปิด 12.40) คาดนักลงทุนจะเข้ามาเก็งกำไรสำหรับงบการเงินไตรมาส 2 ของ BEAUTY โดยคาดว่าจะทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดย Bloomberg คาดไว้ที่ 228 ล้านบาท (+64% YoY, +14% QoQ) นอกจากนี้การเข้าตลาดจีนในปี 2561 ยังส่งผลบวกต่อผลประกอบการระยะยาวของบริษัทอีกด้วย …. (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 12.75 บาท)
SEAFCO(ราคาปิด 14.80) บริษัทมีความน่าสนใจด้านมูลค่า backlog ที่สูงถึง 1,800 ล้านบาท รองรับรายได้ประมาณ 1 ปี ซึ่งเป็นระดับที่สูงมากของบริษัทที่รับงานเสาเข็มเจาะ และมีโครงการที่รออีกมาก เช่นโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และ รถไฟฟ้าสายสีชมพู, เหลือง ที่ได้รับผู้รับเหมาแล้ว (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg Consensus 15.38 บาท)
ERW(ราคาปิด 5.45) ภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน) พบว่า รายได้ท่องเที่ยวจากต่างชาติเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 8.52 แสนล้านบาท หรือเติบโต 5.61% ... แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q17 จะดีขึ้น YoY ได้ต่อเนื่อง จากการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว และจำนวนโรงแรมที่เปิดให้บริการที่มากขึ้น ... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 5.70 บาท)
HTECH(ราคาปิด 9.20) บริษัทดำเนินธุรกิจ Cutting Tools สำหรับสินค้าประเภท Hard Disk Drives (HDD) ปัจจุบันมูลค่าส่งออก HDD ของไทยเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่ปลายปี 2015 โดยปริมาณการส่งออก 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) เติบโต +15.2% จากงวดเดียวกันในปีก่อน ส่งผลให้คาดปีนี้ HTECH เติบโตประมาณ 35% YoY นอกจากนี้ การขยายโรงงานแห่งใหม่ จะทำให้ฐานรายได้ของบริษัทสูงขึ้นด้วย .... (ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 10.30 บาท)
WICE(ราคาปิด 4.58) ค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้นมามาก ล่าสุดอยู่ที่ 1,038 จุด ..... WICE มีสัดส่วนรายได้ไปยังจีน ถึง 25% ที่น่าจะได้ประโยชน์จาก GDP ของจีนที่ยังขยายตัวดี (2Q=6.9%) …… WICE เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้ประโยชน์จาก EEC โดยตรง เนื่องจากฐานลูกค้าและ warehouse อยู่ในนิคมแหลมฉบัง WICE ได้รับผลประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตของหลายๆบริษัทในประเทศจีนมาตั้งโรงงานที่ไทย .... ในอนาคตยังมีแผนที่จะไป M&A กับบริษัทอื่นๆ ใน Asia เพื่อขยายฐานลูกค้า และเส้นทางขนส่ง …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 5.30 บาท)
Source: KTBST Research
ประเด็นสำคัญ : ข่าวและหุ้น
เศรษฐกิจโลก- องค์การการค้าโลก (WTO) เปิดเผยว่า ดัชนีชี้วัดแนวโน้มการค้าโลก (WTOI) ล่าสุดบ่งชี้ว่า การค้าโลกมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในไตรมาส 3 ปีนี้ ดัชนี WTOI ในปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ระดับ 102.6 และสูงกว่าระดับ 102.2 ของเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมานั้น แสดงให้เห็นว่าการค้าโลกได้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
สหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ออกมาเตือนว่าจะตอบโต้เกาหลีเหนือด้วยวิธีการที่รุนแรง หากเกาหลีเหนือยังคงเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐ เกาหลีเหนือยังท้าทายสหรัฐด้วยการประกาศความพร้อมที่จะ "ให้บทเรียนแก่สหรัฐ" ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ หากสหรัฐใช้มาตรการทางทหารกับเกาหลีเหนือ
เศรษฐกิจไทย - มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ค. 2560 อยู่ที่ 73.9 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และต่ำสุดในรอบ 7 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในภาคอีสาน และราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตร (โพสต์ทูเดย์, 09/08/2017)
เศรษฐกิจไทย - FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า (ต.ค.) อยู่ที่ 104.01 เพิ่มขึ้น 3.99% จากเดือนก่อน เหตุนักลงทุนเชื่อเศรษฐกิจไทยฟื้น โดยหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ น่าสนใจลงทุนสุด
น้ำมัน - กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้เสร็จสิ้นการประชุมของคณะกรรมการฝ่ายเทคนิคของกลุ่มโอเปกและนอกโอเปก ซึ่งจัดการประชุมเมื่อวานนี้และวันนี้ที่อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เพื่อหารือแนวทางในการเพิ่มความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลงลดการผลิตของโอเปก
CENTEL - ไทยเบฟเวอเรจ ของกลุ่มเจริญ สิริวัฒนภักดี แจ้งตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ว่าบริษัทย่อยได้ทำข้อตกลงซื้อสินทรัพย์กับบริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เพื่อควบรวมกิจการร้านอาหารจานด่วนเคเอฟซี กว่า 240 สาขาในไทย มูลค่ารวมภาษี 1.13 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันนอกจากยัมเรสเทอรองตส์แล้ว CENTEL ยังได้รับสิทธิ์ในการบริหารแบรนด์ KFC โดย KFC มีสัดส่วนรายได้เป็น 29% ของรายได้รวม มีจำนวนสาขา 219 สาขา
EARTH- บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) เปิดเผยว่า บริษัทตัดสินใจฟ้องร้องดำเนินคดีข้อหาละเมิดต่อธนาคารธนชาต เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากธนาคารธนชาตได้นำข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินของบริษัทไปเปิดเผยต่อธนาคารกรุงไทย (KTB) จนเป็นเหตุให้ KTB ยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขออายัดเงินของ EARTH
SIRI - บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม ในทำเลเอกมัย 12 นำร่องเปิดตัวโครงการแรกเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ ชื่อ "taka Haus" (ทากะ เฮาส์) มูลค่าโครงการ 2 พันล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวในวันที่ 6 ก.ย.นี้
Analyst : Mongkol Puangpetra
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
+662 648 1127
[email protected]