- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 20 August 2014 17:10
- Hits: 1886
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อ/ Let Profit Run เมื่อ SET เหนือ 1530 จุด”
“เลือกซื้อ/ Let Profit Run เมื่อ SET เหนือ 1530 จุด”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : PF (จากซื้อเป็น Fully Valued)
ภาพตลาดวันก่อน : การซื้อขายชะลอลง ส่วนดัชนีทรงตัว เมื่อวานนี้การซื้อขายลดลงไปอีก ส่วน SET Index ปิดทรงตัวที่ 1542.85 จุด นักลงทุนชะลอการซื้อขายหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ แต่ยังคงมีการเข้าลงทุนในหลักทรัพย์ขนาดกลาง-เล็ก ปัจจัยที่รอดู คือ รายงานผลการประชุม FOMC และผลการประชุมด้านแรงงานระดับโลก ซึ่งประธานเฟดจะมีถ้อยแถลงเกี่ยวกับแรงงานในสหรัฐด้วย นอกจากนั้นยังติดตามดูทิศทางการบริหารราชการแผ่นดินของทางการไทยที่นำโดยคสช. อย่างไรก็ดี จนถึงปัจจุบันก็เป็นไปตามโรดแมปที่ตั้งไว้ และภาพรวมเศรษฐกิจก็ค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นเป็นลำดับ นักลงทุนต่างชาติสถาบันในประเทศ และพอร์ตบล.ซื้อสุทธิ ส่วนรายย่อยขายสุทธิ
ปัจจัยและกลยุทธ์ : การเร่งเดินหน้าโครงการลงทุนภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ & อนุมัติส่งเสริมการลงทุนของ BOI เมื่อวานนี้ (19 ส.ค.57) เป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในกลุ่มรับเหมา & วัสดุก่อสร้าง, แบงค์ใหญ่, นิคมฯ รวมถึงกลุ่มขนส่ง และที่เกี่ยวกับสถานี & สายส่งไฟฟ้าด้วย ซึ่งหุ้นเด่นในกลุ่มดังกล่าวประกอบด้วย CK, STEC, SCC, TASCO (Not Rated), KTB, BBL, KBANK, ROJNA, AOT, BTS และ AI (Not Rated) อย่างไรก็ตาม ทางบอร์ด BOIมีการปรับยุทธ์ศาสตร์การส่งเสริมระยะ 8 ปีข้างหน้าใหม่ โดยจะยกเลิกการส่งเสริมบางกิจการ ซึ่งรวมถึงชาเขียวด้วย จึงเป็นข่าวลบกับ OISHI และ ICHIส่วนปัจจัยต่างประเทศเป็นบวก โดยตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยสหรัฐแข็งแกร่งเกินคาด ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค.ต่ำลง ทำให้คาดว่าเฟดจะคงใช้อัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไป ปัจจัยจับตา คือ รายงานการประชุม FOMC ที่จะออกมาในคืนนี้ (เวลาไทย) และผลประชุมด้านเศรษฐกิจและการเงินของประเทศผู้นำ(มีประธานเฟด & ผู้ว่าการ ECB เข้าร่วมประชุมด้วย) ในวันที่ 21-23 ส.ค.นี้ หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อวันนี้เป็น STEC
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบหรือการอ่อนตัวที่ต่ำกว่า 1530 จุด ควรหยุดเก็งกำไร / ลดพอร์ตตามในกรณีที่มีหุ้นมาก เหลือเงินสดอยู่น้อย เพราะดัชนีมีโอกาสอ่อนไปยัง 1500 จุดหรือต่ำกว่า ส่วนการรีบาวด์มีแนวต้านระยะสั้น 1550, 1560 จุด สำหรับหุ้นที่คาดว่าราคามีโอกาสทำ New High เมื่อพิจารณาจากสัญญาณทางเทคนิค คือ CCP, QH, KTB, BBL, BCP, TGCI, UV, CSS ส่วนหุ้นที่ทำ New High แล้วให้หาจังหวะTake Profit คือ SOLAR, AJD, APURE
Fundamental Pick
STEC แนะนำซื้อ ราคาปิด 23.80 บาท เป้าหมาย 29.50 บาท
* ศักยภาพสูงที่จะได้รับงานขนาดใหญ่จากภาครัฐ เพราะเป็นผู้รับเหมาขนาดใหญ่สุดติดลำดับ1 ใน 3 ของไทย ณ สิ้นมิ.ย.57 มีมูลค่างานในมือรอรับรู้รายได้ 4.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ไปในอีก 2 ปีข้างหน้า บริษัทคาดว่าจะได้งานก่อสร้างโรงไฟฟ้ามูลค่า 1 หมื่นล้านบาทภายใน 2H57
* แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 29.50 บาท ปัจจัยหนุน คือ การลงทุนภาครัฐและเอกชนที่จะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปี 58 และยังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่องในระยะยาวช่วยหนุนรายได้และกำไรของบริษัทให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยเป็นเงินสดสุทธิ
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : ตัวเลขเริ่มก่อสร้างบ้านก.ค.เพิ่มขึ้นแกร่งกว่าคาด
* ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 15.7% มาอยู่ที่ 1.09 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 945,000 ยูนิตในเดือนมิ.ย. บ่งชี้ว่ากลุ่มผู้สร้างบ้านมีมุมมองบวกมากขึ้น หลังจากตลาดที่อยู่อาศัยซบเซาเมื่อช่วงต้นปี
+ สหรัฐ : อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค.ชะลอตัวลง...คาดเฟดตรึงดอกเบี้ยต่ำต่อไป
* กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค.หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งนักลงทุนมองว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงนั้นอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีก
• จับตาผลประชุมใหญ่ด้านเศรษฐกิจและการเงินประจำปี 21-23 ส.ค.นี้
* เฟดสาขาแคนซัส ซิตี้ จะจัดการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็คสัน โฮล มลรัฐไวโอมิง ในระหว่างวันที่ 21-23 ส.ค.นี้ ซึ่งบรรดาผู้ว่าการธนาคารกลาง นักเศรษฐศาสตร์ รัฐมนตรีคลัง และเจ้าหน้าที่ด้านอื่นๆจากทั่วโลก จะเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงินในการประชุมดังกล่าว ซึ่งรวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด และนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปรับขึ้นต่ออย่างแข็งแกร่ง
* ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นต่อและสดใส โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,919.59 จุดเพิ่มขึ้น 80.85 จุด หรือ +0.48% ส่วนดัชนี Nasdaq ปรับขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 14 ปี โดยปิดที่4,527.51 จุด เพิ่มขึ้น 19.20 จุด, +0.43% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,981.60 จุด เพิ่มขึ้น 9.86จุด หรือ +0.50% ปัจจัยหนุน คือ รายงานตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยที่แข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัวลงในเดือนก.ค.57 ซึ่งทำให้คาดการณ์ว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปได้
- สัญญาทองคำ COMEX : อ่อนตัวลงต่อ * สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2.6ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1296.7 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยและหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่ารวมถึงตลาดหุ้น หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีและเกื้อหนุนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่อไป
ปัจจัยในประเทศ
+ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ไม่แก้TOR เปิดประมูล 19 ส.ค.นี้
* พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานบอร์ดรฟม.กล่าวว่าที่ประชุมพิจารณาการประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) วงเงิน 29,225 ล้านบาทว่าไม่ควรปรับแก้เงื่อนไขและหลักเกณฑ์การกำหนดคุณสมบัติ และการให้คะแนนการประกวดราคา (TOR) เพราะ TOR เดิมตั้งเกณฑ์ไว้สูงแล้ว เพื่อความมั่นใจว่าบริษัทที่เข้ามาจะไม่ทิ้งงานหลังจากนี้รฟม.จะเปิดให้ผู้สนใจยื่นเอกสารประมูลได้ราววันที่ 19 ก.ย.และเมื่อรู้ผลประมูลก็จะเริ่มเดินหน้าก่อสร้างได้
* สำหรับโครงการเดินรถส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางแคและบางซื่อ-ท่าพระ)ระยะทาง 27 กม. คณะกรรมการฯมีมติเบื้องต้นให้เปิดประกวดราคาเพื่อความโปร่งใสและแข่งขันเสรี โดยกำหนด TOR ใหม่ ให้เดินรถเชื่อมต่อเป็นวงกลมกับสายสีน้ำเงินที่เปิดบริการอยู่แล้วที่ดำเนินการโดย BMCL
* ความเห็น Retail Research : เราประเมินว่ายังมีโอกาสสูงที่ BMCL จะได้งานโครงการเดินรถส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน เพราะเป็นผู้ดำเนินการเส้นเดิมอยู่แล้ว ขณะเดียวกันการปรับแก้สัญญาเพื่อลดงานศูนย์ซ่อมบำรุงของ STEC ในโครงการสายสีน้ำเงินสัญญา 4 มูลค่าประมาณ1.7 พันล้านบาทก็ส่งผลกระทบต่อบริษัทไม่มาก เพราะคิดเป็นเพียงประมาณ 3% ของมูลค่างานในมือเท่านั้น เรายังคงแนะนำซื้อ STEC ให้ราคาพื้นฐาน 29.50 บาท
+ หน่วยงานรัฐ & รัฐวิสาหกิจเร่งเดินหน้าโครงการลงทุน และบอร์ด BOI อนุมัติส่งเสริมฯอีก 4.05 หมื่นล้านบาท ... เป็นบวกกับกลุ่มรับเหมา & วัสดุก่อสร้าง, แบงค์ใหญ่, นิคมฯ, ขนส่ง และที่เกี่ยวข้องกับสายส่งไฟฟ้า & สถานีไฟฟ้า
* เมื่อ 19 ส.ค.57 ทางคสช.ได้ประชุมเร่งรัดแผนการลงทุนของหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยอนุมัติโครงการลงทุนระบบไฟฟ้า 6 โครงการ วงเงิน 1.72 แสนล้านบาทได้แก่ โรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ, ลงทุนระบบสายส่งไฟฟ้าภาคตะวันตก & ภาคใต้, ขยายสถานีไฟฟ้าแรงสูง เป็นต้น และบอร์ดรัฐวิสาหกิจอนุมัติโครงการลงทุน 5 โครงการ วงเงินรวม 3.84หมื่นล้านบาท (รถโดยสารรุ่นใหม่ของรฟท. 115 ขบวน, รถไฟแอร์พอร์ตลิงค์ 7 ขบวน, โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว)
* 19 ส.ค.57 บอร์ด BOI มีมติเห็นชอบโครงการขอรับส่งเสริม 15 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 4.05หมื่นล้านบาท ทั้งนี้บอร์ดฯ ชุดนี้ได้อนุมัติโครงการไปแล้วรวม 3.18 แสนล้านบาทจากยอดที่ขอคงค้าง 7.4 แสนล้านบาท นับว่ามีความคืบหน้าเร็ว
* วันที่ 21 ส.ค.นี้ บอร์ด AOT จะพิจารณาโครงการพัฒนาสนามบิน 3 แห่ง วงเงิน 7.64 หมื่นล้านบาท (ขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 วงเงิน 6.25 หมื่นล้านบาท เพื่อขยาย Capacity จาก 60 เป็น75-80 ล้านคน/ปี ที่เหลือเป็นการปรับปรุงสนามบินดอนเมือง & ภูเก็ต)
* ความเห็น Retail Research : เรายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง, สถาบันการเงิน, นิคมอุตสาหกรรม เพราะเชื่อว่าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐและเอกชนจะเติบโตขึ้นมากในปี 58 และเดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะผลักดันให้ผลประกอบการของกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวขยายตัวดีในระยะกลาง-ยาว หุ้นเด่น คือ CK (ราคาพื้นฐาน 29.50 บาท), STEC (ราคาพื้นฐาน 29.50 บาท), SCC (ราคาพื้นฐาน 480 บาท),TASCO (Not Rated), KTB (ราคาพื้นฐาน 30 บาท), BBL (ราคาพื้นฐาน 255 บาท) และKBANK (ราคาพื้นฐาน 262 บาท), ROJNA (ราคาพื้นฐาน 9.21 บาท) นอกจากนั้นเรายังชอบกลุ่มขนส่งเพราะเชื่อว่าจะมีการขยายตัวได้ดีตามภาวะเศรษฐกิจและการเปิด AEC หุ้นเด่น คือAOT (ราคาพื้นฐาน 237 บาท), BTS (ราคาพื้นฐาน 10.17 บาท) สำหรับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับระบบสายส่งไฟฟ้าและสถานีไฟฟ้าแรงสูงที่น่าสนใจ คือ AI (Not Rated)
+/- บอร์ด BOI ปรับยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนใหม่ โดยยกเลิกส่งเสริมราว 40กิจการ ซึ่งรวมถึงชาเขียวด้วย...เป็นข่าวลบกับ OISHI และ ICHI
* บอร์ด BOI ปรับร่างยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนในระยะ 7 ปี (2558-2564) จากเดิมที่ส่งเสริมครอบคลุมเกือบทุกกิจการ เป็นการส่งเสริมที่มีเป้าหมายชัดเจนและจัดลำดับความสำคัญ โดยเน้นโครงการลงทุนที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงและมีมูลค่าเพิ่ม โดยยกเลิกการส่งเสริมการลงทุนประมาณ 40 กิจการ เช่น ชาเขียว, ขนมขบเคี้ยว, ขนมปัง เป็นต้น แต่จะเพิ่มในกิจการอาหารทางการแพทย์ เป็นต้น รวมทั้งจะยกเลิกการส่งเสริมแบบอิงเขต (1-3) เป็นแบบคลัสเตอร์ของอุตสาหกรรม เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละพื้นที่
* ความเห็น Retail Research : นับเป็นลบกับอุตสาหกรรมที่ถูกยกเลิกการส่งเสริม หุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ คือ กลุ่มชาเขียว เช่น OISHI, ICHI เป็นต้น โดยธุรกิจที่ขยายใหม่จะต้องจ่ายภาษีสูงขึ้น ทำให้อัตรากำไรจะลดลง
- ยืนราคาคูปองทีวีดิจิตอล 690 บาท...เป็นข่าวลบกับ ADJ, SAMART, IRCP, SVOA, ITเป็นต้น
* กสทช.ยืนราคาคูปองทีวีดิจิตอลไว้ที่ 690 บาท โดยจะเริ่มแจกคูปองทางไปรษณีย์วันที่ 15 ก.ย.นี้ และให้ผู้ผลิตวางกล่องจำหน่ายในวันที่ 15 ต.ค.57 ... นับเป็นข่าวลบกับผู้ประกอบการ Settop box ที่ราคาคูปองยังคงอยู่ที่ 690 บาท จากเดิมที่คาดว่าจะขยับขึ้นเป็น 1,000 บาท ซึ่งได้แก่AJD, SAMART, IRCP, SVOA, IT เป็นต้น
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829
[email protected]