- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 20 August 2014 16:31
- Hits: 2407
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Break 1550
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังไม่ผ่าน 1,550 จุด ปิดที่ 1,542.85 จุด บวกเล็กน้อย 0.49 จุด พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายเบาบาง 36,720 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติเป็นกลางต่อเนื่อง กลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 866 ล้านบาท คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 อีก 2,825 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 เพียง 464 ล้านบาท
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ MBKET คาดว่า SET INDEX มีโอกาสไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,550 จุด และมีความเป็นไปได้สูงที่จะปิดยืนเหนือแนวดังกล่าว หลังจากพักฐานมาตลอด 4 วันทำการที่ผ่านมา บวกกับแรงเก็งกำไรต่อการสรรหานายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะเป็นหัวหน้า คสช. เข้าดำรงตำแหน่งนี้ ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติเป็นกลาง ไม่เพิ่ม หรือ ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพื่อรอดูพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ที่จะมาบริหารประเทศไปอีก 10-12 เดือนข้างหน้า
ทั้งนี้จับตากลุ่มธนาคาร ที่มีประเด็นเชิงบวกทั้งจากเงินปันผลระหว่างกาล และ การรายงานสินเชื่อเดือนก.ค. ผ่านรายงาน ธพ. ส่วนกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลับมาเด่น จากแรงเก็งกำไรต่อประเด็นการเร่งประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียว 2.9 หมื่นล้านบาท คาดเปิดประมูล 4 สัญญา พร้อมกันในวันที่ 30 ก.ย.
ด้านปัจจัยต่างประเทศ ติดตามรายงานการประชุมเฟดครั้งก่อน ต่อประเด็นภาพรวมเศรษฐกิจ และโอกาสที่เฟดจะพิจารณาปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราดอกเบี้ยนโยบาย MBKET เชื่อว่าเฟดจะยังสงวนท่าทีของการปรับเปลี่ยนดังกล่าวต่อไป โดยอ้างตลาดการจ้างงานที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ทยอยสะสมหุ้นที่ได้ประเด็นบวกจากแผนการลงทุนของ คสช.ทั้งที่บรรจุในงบประมาณปี 2558 และแผนระยะยาว 8 ปี”
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” AAV/ CK
Portfolio Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC / TRUE
HOLD: SPALI/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK
Speculative buy: AAV/ CK
Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังไม่ผ่าน 1,550 จุด
SET INDEX วันนี้ ยังคงแกว่งในกรอบแคบเช่นเดิม พร้อมกับมูลค่าการซื้อขาย เฉลี่ย 4.0 หมื่นล้านบาท/วัน
คาดหุ้นหลักในกลุ่มธนาคารจะเป็นปัจจัยจำกัด Downside risk ของตลาดหุ้นไทในช่วงนี้
ดังนั้นกลยุทธ์ ทยอยสะสมหุ้นหลัก / หุ้นที่มีประเด็นเชิงบวก หาก SET INDEX ย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ปิดบวกเด่นทุกตลาด สอดคล้องกับ DJIA คืนวานก่อน อีกทั้งสถานการณ์ในยูเครน คลายตัวลง เป็นบวกต่อเศรษฐกิจในยุโรป
สำหรับตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดบวกขึ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,550 จุด แต่ยังไม่ผ่าน และเกิดแรงขายทำกำไรเข้ามาเป็นระยะๆ เพียงแต่หุ้นหลักในกลุ่ม ICT / ธนาคาร ช่วยประคองภาพ SET INDEX แกว่งในแดนบวกได้อย่างต่อเนื่อง ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกเล็กน้อย 0.49 จุด มาอยู่ที่ 1,542.85 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 36,720 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกแรงสุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่ม Fashion +1.49%, กลุ่ม IMM +1.38% และกลุ่มอาหาร +1.31% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร +0.11%, กลุ่มพลังงาน -0.15% และ กลุ่มอสังหาฯ +0.64%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.21 น.) เช้านี้ Nikkei-Kospi เปิดบวก ต่อเนื่องจากวานนี้ นอกเหนือจาก DJIA ที่ปิดบวกเช่นกันแล้ว ญี่ปุ่นรายงานตัวเลขส่งออกดีกว่าคาด เป็นสัญญาณบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจญี่ปุ่น
MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 6 พร้อมกับความคาดหวังเชิงบวกที่ SET INDEX จะไต่ระดับขึ้นทดสอบและปิดยืนเหนือ 1,550 จุด ใน 1-2 วันนี้ จากประเด็งเก็งกำไรที่เอื้อต่อภาวะการลงทุนเฉพาะตลาดหุ้นไทย ได้แก่
•การประชุม สนช. วันพรุ่งนี้ เพื่อสรรหา นายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ตลาดคาดว่า หัวหน้า คสช. จะเข้ารับตำแหน่งดังกล่าว
oหากเป็นไปตามที่ตลาดคาด MBKET เชื่อว่าตลาดจะตอบรับเป็น “กลาง”
oแต่หากเป็นการเชิญ “ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐกิจ / นักวิชาการ” ที่เป็นที่ยอมรับของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ MBKET เชื่อว่าตลาดจะตอบรับในเชิง “บวก”
•หุ้นหลักกลุ่มธนาคาร เริ่มทยอยประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 1H57 ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค. อาจกลายเป็นประเด็นที่ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารแข็งแกว่งกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทย
•กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ได้ประเด็นบวกจาก รฟม.เตรียมเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียวในสิ้นเดือนก.ย.นี้ วงเงน 2.9 หมื่นล้านบาท
ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มกลับมาให้ความสนใจกับตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง ด้วยพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศที่ชัดเจนเป็นลำดับ และอาจเป็นตัวแปรสำคัญที่จะผลักดันให้ SET INDEX ขยับขึ้นทะลุแนว 1,550-1,560 ในรอบนี้ ขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1,580-1,600 จุดได้
•พัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศจากนี้ไป
oนายกรัฐมนตรี และครม. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น ก.การคลัง, ก.พาณิชย์, ก.อุตฯ, ก.คมนาคม, ก.ไอซีที เป็นต้น
oร่างงบประมาณปี 2558 ได้ผ่านวาระที่ 1 วานนี้ ขั้นตอนถัดไปตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อพิจารณา และนำเสนอต่อสนช. เพื่อพิจารณาวาระที่ 2-3 ตามลำดับ วันที่ 17-18 ก.ย. คาดว่าจะสามารถนำงบประมาณปี 2558 ใช้ได้ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้
oการยกเลิกกฎอัยการศึก ซึ่งกองทุนบางประเภทถูกจำกัดการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นๆ
oแผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ต้องสรุปรายละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แหล่งที่มาของเงินทุนที่ใช้สนับสนุนแผนการลงทุนดังกล่าว เพื่อนำเสนอต่อ คสช. เพื่อพิจารณาในรายละเอียด ภายในสิ้นเดือนส.ค. หลัง คสช.อนุมัติในหลักการไปตั้งแต่ปลายเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
•การจัดงาน Thailand Focus วันที่ 27-29 ส.ค. เพื่อชี้แจงภาพเศรษฐกิจ การเมือง และบริษัทจดทะเบียน เข้าพบปะผู้จัดการกองทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นงานใหญ่ของตลท. ที่จัดขึ้นทุกๆ ปี และในปีนี้ คาดว่าจะได้รับการตอบรับเชิงบวกจากกองทุนต่างชาติ หลังจากที่ประเทศไทย ได้มีนายกรัฐมนตรี และ ครม. แล้วในสัปดาห์นี้ จะสามารถชี้แจงภาพเศรษฐกิจ และแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนี้ไปได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ดังนั้น MBKET คงแนะนำให้นักลงทุน “ทยอยสะสม” หุ้นที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะเป็นจุดสำคัญ รวมถึงหุ้นหลักที่จะได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายงบประมาณปี 2558 ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร (KTB/BBL), กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK), กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (TPIPL), กลุ่มงานวางระบบไอที (SAMTEL / AIT) รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึก (AAV/ AOT)
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.พัฒนาการทางการเมืองที่เดินหน้า เข้าสู่ระยะที่ 2 ของ คสช: คาดเดือนก.ย.จะเข้าสู่ระยะที่ 2 เต็มตัว ซึ่งพัฒนาการทางการเมืองจากนี้ไปถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ
•สนช.ผ่านร่างงบประมาณปี 2558 วาระที่ 1 วานนี้แล้ว สนช.ตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อศึกษาร่างฯ ดังกล่าว เพื่อนำมาพิจารณาในวาระที่ 2-3 ตามลำดับต่อไป วันที่ 17-18 ก.ย. คาดว่าการใช้งบประมาณประจำปี 2558 จะทันเวลาที่ 1 ต.ค.
•วันที่ 21 ส.ค. สนช.ได้บรรจุวาระการสรรหา นายกรัฐมนตรี .
•การพิจารณายกเลิก กฎอัยการศึก เพื่อการเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
2.ความเสี่ยงของไทยต่ำสุดในรอบกว่า 14 เดือน: สะท้อนได้จาก CDS Spread ของพันธบัตรไทยอายุ 5 ปี ณ ปัจจุบัน แตะระดับ 91bps เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิ.ย. 2556 ที่ผ่านมา สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศ ต่อสถานการณ์ทางการเมือง และ ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยจากนี้ไป
3.การปรับดัชนี MSCI รายไตรมาสรอบนี้: สำหรับ MSCI Thailand พบว่า
•เพิ่ม: ไม่มี
•ออก: GJS, GSTEL
ทั้งนี้มีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดวันที่ 29 ส.ค.
4.กลุ่มหลัก 2 กลุ่มมีแนวโน้มเด่นในช่วงสั้นนี้
•กลุ่มรับเหมาก่อสร้างโดดเด่นอีกครั้ง: รฟม. เตรียมเปิดประมูล รถไฟฟ้าสายสีเขียว จำนวน 4 สัญญา วงเงิน 2.9 หมื่นล้านบาท ในวันที่ 30 ก.ย. คาดว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มธนาคาร อาจเปิดประเด็นเก็งกำไร
•กลุ่มธนาคาร จากประเด็นเก็งกำไร เงินปันผลระหว่างกาล และ การรายงานสินเชื่อ เดือนก.ค. MBKET เชื่อว่า ยอดสินเชื่อจะส่งสัญญาณเชิงบวกที่ชัดมากขึ้น หลังความเชื่อมั่นผู้บริโภค และ นักลงทุน ฟื้นตัวอย่าโดดเด่น เมื่อ คสช. เข้าคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา
5.ติดตามรายงานการประชุมเฟดครั้งก่อนในคืนนี้: แน่นอนว่า การประชุมเฟด จะยังคงยืนยันที่จะลดวงเงิน QE ลงต่อเนื่อง และสิ้นสุดลงในการประชุมเดือนต.ค.นี้ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่มุมมองต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และภาวะการจ้างงาน ซึ่งจะมีผลต่อการกำหนดทิศทางนโยบายการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขยับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ตลาดคาดว่า กลางปีหน้า เฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.58 13.51 15.55 13.49
PSE 19.96 17.27 19.79 17.13
JSE 16.78 14.31 16.74 14.30
KOSPI 10.60 9.23 10.53 9.17
TAIEX 14.88 13.85 14.70 13.65
Straits Time 14.65 13.47 14.65 13.48
SHCOMP 8.87 7.87 8.85 7.85
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.CK : ราคาปิด 26.25 บาท ราคาเหมาะสม 31.00 บาท
a)ราคาหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างมี Sentiment บวก หลังวานนี้บอร์ด รฟม.อนุมัติเดินหน้าการประกวดราคาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวโซนเหนือ โดยคาดว่าจะยื่นซองประมูลได้ในวันที่ 19 ก.ย. และหลังเสร็จสิ้นขั้นตอนประกวดราคา คาดว่าจะเริ่มสร้างได้ช่วงต้นปี 2558
b)งานรถไฟฟ้าสายสีเขียวโซนเหนือมีมูลค่างานสูงถึง 2.6 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็น 4 สัญญา ได้แก่
I.งานโยธาช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ มูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท
II.งานโยธาช่วงสะพานใหม่ – คูคต มูลค่า 6.1 พันล้านบาท
III.งานโยธาศูนย์ซ่อมบำรุงรักษา และอาคารจอดรถ มูลค่า 3.7 พันล้านบาท
IV.งานออกแบบและติดตั้งระบบรางรถไฟฟ้า มูลค่า 2.6 พันล้านบาท
c)และการเข้าสู่ Roadmap ระยะที่ 2 ของ คสช. จะเป็นอีกปัจจัยบวกต่อภาพการลงทุนกลุ่มรับเหมาก่อสร้างในช่วงที่เหลือของปี และต่อเนื่องถึงปี 2558 โดยสนช.จะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้ เพื่อพิจารณาเลือกนายกรัฐมนตรี และคาดว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลในเดือน ก.ย. เป็นไปตามกรอบเวลาที่คสช.ตั้งไว้
d)คาดกำไรสุทธิ 3Q57 จะเติบโตเด่น yoy และ qoq เนื่องจากจะมีการบันทึกำไรพิเศษ(หลังภาษี)จากการขายหุ้น BMCL ราว 800 ล้านบาท
e)จุดเด่นของ CK คือการถือหุ้นในบริษัทลูกได้แก่ BECL, TTW, BMCL และ CKP ซึ่งเป็น Asset ที่มีคุณภาพ และราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายระดับ PBV 2557 ที่ 2.4 เท่า ต่ำกว่า STEC ที่ 4.4 เท่า ดังนั้น เรายังให้ CK เป็น Top pick ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
2.AAV : ราคาปิด 4.66 บาท ราคาเหมาะสม 5.20 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มสายการบินจะได้อานิสงค์เชิงบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง หลังสถานการณ์ในยูเครนเริ่มคลายตัว และ QTD ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง -10.3% เหลือ US$94.48/barrel
b)ทิศทางผลประกอบการ 3Q57 คาดว่าจะพลิกกลับเป็นกำไรสุทธิ จากแรงหนุนทั้งการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวในประเทศตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ และนักท่องเที่ยวต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากจีน หลัง คสช.ออกมาตรการยกเว้นค่าวีซ่าระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 1 ส.ค. – 31 ต.ค.
c)นอกจากนั้น เชื่อว่าหากคสช.ออกมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ เช่น สามารถนำค่าใช้จ่ายที่พักโรงแรมเพื่อลดหย่อนภาษีได้ จะเป็นบวกต่อธุรกิจการบิน เนื่องจากจะส่งผลให้ความต้องการเดินทางในประเทศปรับตัวขึ้น
d)Loading Factor เดือน ก.ค.เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับ 81% และคาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องในเดือน ส.ค. – ก.ย. และ 4Q57 ได้อานิสงค์จากการเข้าสู่ High Season ของธุรกิจท่องเที่ยว
e)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +231% yoy เป็น 1,671 ล้านบาท เติบโตสูงที่สุดในหุ้นกลุ่มสายการบิน และซื้อขายที่ PBV 2558 เพียง 0.84 เท่า จึงให้เป็น Top pick ของกลุ่มสายการบิน
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานการประชุมเฟดครั้งก่อน
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิ US$447 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิเล็กน้อย US$2.6 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 209.1 23.2 11,312.1 9,188.0
KOSPI 158.8 -0.1 7,888.2 4,875.1
JSE -38.4 7.5 4,814.2 -1,806.4
PSE 95.4 -0.7 1,120.7 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -4.7 -1.7 214.7 263.2
SET INDEX 27.2 -30.8 -785.4 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติเป็นกลาง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +866 -983
SET50 Index Futures (สัญญา) +2,825 +1,302
SSF (สัญญา) +409 +854
Metal Futures (สัญญา) -144 -1,384
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +464 +2,016
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการ เพียง 866 ล้านบาท เทียบกับตลอด 3 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 2,037 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิ 26,162 ล้านบาท
แต่นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 2,825 สัญญา รวม 3 วันทำการ Long สุทธิ 5,309 สัญญา คาดว่าเป็นการเพิ่มสถานะ Long ใน SET50 Index Futures เมื่อ S50U14 ปิดกว้างกว่า SET50 Index ถึง 4.90 จุด เทียบกับวันก่อนหน้า Discount เพียง 3.14 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 5 อีก 144 สัญญา รวม 5 วันทำการ Short สุทธิ 2,287 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 2,443 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long สุทธิเกือบทั้งหมด เมื่อราคาทองคำในตลาดโลก หลุดแนว US$1,300 / ounce
ด้านตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 เพียง 464 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 2,480 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะยาว ปรับตัวลงเล็กน้อย ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิมขึ้น 0.14bps ปิดที่ 3.539%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็น 270 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 351 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
ITD 32.43 25.02% 5.10
ADVANC 26.40 3.83% 206.22
KBANK 26.17 2.71% 222.74
PTT 23.40 4.69% 334.29
LH 20.28 5.38% 10.74
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 เน้นกลุ่มอสังหาฯ และพลังงาน
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีก 602 ล้านบาท ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 684 ล้านบาท รวม 5 วันทำการซื้อสุทธิ 4,973 ล้านบาท เป็นที่น่าสังเกตว่า การซื้อสุทธิกระจุกตัวในกลุ่มที่อยู่อาศัยและพลังงาน อย่างโดดเด่น สรุปภาพการลงทุนได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิสูงสุด 288 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 278 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 238 ล้านบาท กลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 139 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 59 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มขนส่งถูกขายสุทธิสูงสุด 139 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มปิโตรเคมี ขายสุทธิ 78 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
LH 305.27 42.24 AOT -201.02 35.57
INTUCH 119.03 16.90 KBANK -156.23 53.05
KTB 115.01 25.64 PTTGC -98.63 24.81
PTT 115.00 14.60 BBL -56.05 19.24
CPALL 108.67 14.16 JAS -50.77 3.88
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong