- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 04 August 2017 12:11
- Hits: 5430
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อ/ถือเมื่อ SET ยังเหนือ 1575'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET Index อ่อนลง 2.29 จุดปิดที่ 1578.25 การซื้อขายยังเป็นรายตัว หุ้นที่มีแรงซื้อกลับเป็นสื่อสารขนาดใหญ่ (ADVANC, INTUCH) แบงค์ใหญ่ (BBL) เป็นต้น ต่างชาตินำขายสุทธิ ส่วนสถาบันในปท.นำซื้อสุทธิ
ประเด็นสำคัญวันนี้ : ปัจจัยภายนอก – ตัวเลขศก.สหรัฐออกมาดี ทั้ง PMI ภาคบริการที่เพิ่มขึ้นเป็น 54.7 ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานมิ.ย. +3% การจ้างงานภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง ติดตามตัวเลข Non-farm payrolls ที่จะออกมาคืนนี้ (เวลาไทย) เฟดแอตแลนตาประเมินว่าศก.สหรัฐงวด 3Q60 อาจโตได้ถึง 4% ส่วนฝั่งยูโรโซน ยอดค้าปลีกมิ.ย. +3.1%YoY ความเชื่อมั่น 3Q ยังดีแม้ PMI ภาคผลิตจะชะลอไปบ้าง ด้านอังกฤษ BOE คงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% และคง QE ได้เท่าเดิมในการประชุมวานนี้ (3 ส.ค.)
ปัจจัยในประเทศ – ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดเดือนส.ค.นี้ ได้แก่ 1. รายงานกำไรงวด 2Q และปันผลระหว่างกาลบจ., 2. สถานการณ์การเมืองในประเทศ ซึ่งศาลจะตัดสินคดีจำนำข้าว 25 ส.ค.นี้ ซึ่งความกังวลการเมืองอาจทำให้ตลาดผันผวน แต่เรามองว่ารัฐบาลน่าจะบริหารจัดการให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยได้, 3. ความคืบหน้าของโครงการลงทุนภาครัฐ สำหรับหุ้นกลยุทธ์พื้นฐานวันนี้เลือกเป็น WHAUP
• CSL : จ่ายปันผลสูง บริษัทประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.22 บาท/หุ้น XD 15 ส.ค.(คิดเป็น Dividend yield 3.6%) เท่ากับงวด 1H59 แม้ว่ากำไรงวด 1H60 จะ -5.6%YoY สำหรับทั้งปี 60 คาดปันผลเท่ากับปีก่อนที่ 0.44 บาท/หุ้น ซึ่งให้ Yield มากถึง 7.2%
+ WHAUP : คาดกำไร 2Q60F จะเพิ่ม QoQ และขยายตัวสูง YoY เพราะในช่วง 1Q60 มีการปิดซ่อมบำรุงตามแผนโรงไฟฟ้า Gheco One ซึ่งตามสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าบริษัทจะได้รับเงินค่าชดเชยรายได้ในช่วงหยุดซ่อมใน 2Q-4Q60 และฐานกำไร 2Q59 ต่ำมาก แนวโน้มแข็งแกร่ง กำลังการผลิตไฟฟ้าที่เข้ามาเพิ่มทำให้กำไรในปี 60-61-62 จะขยายตัวได้ต่อเนื่อง ราคาเป้าหมายเทคนิคระยะกลางอยู่ที่ 7 บาท
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบเล็กๆ ซื้อใหม่เน้นค่าบวก/หรือเมื่อเหนือ 1575 แนวรับ 1570-1560 แนวต้าน 1580-1590 และ Stop loss เมื่อหลุด 1575 จุด สำหรับการ SCAN หุ้นที่คาดว่าราคาจะทำ New High ได้ พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น SQ, JMART, WHAUP, GCAP, TNH หุ้นยังอยู่ใน List คือ ITEL, TMB หุ้นหลุด List เป็น TCAP, ASAP, HMPRO ส่วนหุ้นแนะนำที่ให้หาจังหวะขายทำกำไรคือ JWD, TNR, TPOLY, RCL, THANI
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
+ สหรัฐ : ดัชนี PMI ภาคบริการสหรัฐในเดือนก.ค.ขยายตัวสูงสุดรอบ 6 เดือน
# ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.7 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. จากระดับ 54.2 ในเดือนมิ.ย.
# ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน +3.0% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2016 หลังปรับตัวลง 2 เดือน ติดต่อกัน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะ +2.9% ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาวุธและเครื่องบิน ทรงตัวในเดือนมิ.ย.
# เฟดแอตแลนตาปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐพุ่ง 4.0% ในไตรมาส 3/60 (จากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 3.6%และที่เติบโต 2.6% ในไตรมาส 2/60) โดยการลงทุนในสินค้าคงคลังมีส่วนช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจราว 1.12%
- สหรัฐ : คะแนนนิยมทรัมป์ร่วงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
# ผลการสำรวจของมหาวิทยาลัยควินนิเปียกพบว่าปธน.ทรัมป์ได้รับคะแนนนิยมต่ำเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ที่เขาเข้ารับตำแหน่ง โดยมีชาวอเมริกันเพียง 33% ที่มีความพึงพอใจต่อการทำงานของปธน.ทรัมป์ เมื่อเทียบกับระดับ 40% ในการสำรวจในเดือนมิ.ย.60 และมีผู้ถูกสำรวจ 61% ไม่พึงพอใจต่อการทำงานของปธน.ทรัมป์
+ สหรัฐ : ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค.สหรัฐแข็งแกร่ง
# ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.ที่จะออกมาพรุ่งนี้ (4 ก.ค.) ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ค.จะลดลงมาอยู่ที่ 4.3% จาก 4.4% ในเดือนมิ.ย.
# ทั้งนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่าการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 178,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. โดยได้แรงหนุนจากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นของภาคบริการ
•/+ ยูโรโซน : ยอดค้าปลีกมิ.ย.ดีเกินคาด, ดัชนี PMI ภาคผลิตก.ค.ลดลง แต่ความเชื่อมั่นศก.3Q ยังดี
# สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่ายอดค้าปลีก +0.5%MoM ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะ +0.1%MoM เมื่อเทียบรายปียอดค้าปลีก +3.1%YoY ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 2.6%YoY ประเทศที่มียอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น MoM คือ เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์
# ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการของยูโรโซนลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนที่ 55.7 ในเดือนก.ค. จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 56.3 และจากตัวเลขเบื้องต้นที่ 55.8 ซึ่งดัชนีภาคบริการเดือนก.ค.ทรงตัวเท่ากับเดือนก่อน แต่ดัชนีภาคการผลิตลดลง อย่างไรก็ดีดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัว
# ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซน +8.8 จุด สู่ระดับ 35.2 ในไตรมาส 3/60 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 2000
• อังกฤษ : BOE ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยและวงเงิน QE ในการประชุม 3 ส.ค.60
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 6-2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ (3 ส.ค.60) และมีมติเอกฉันท์ 8-0 ให้คงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 4.35 แสนล้านปอนด์และคงวงเงินซื้อหุ้นกู้ในภาคเอกชนที่ระดับ 1 หมื่นล้านปอนด์
• ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนีปิดเพิ่ม/ลดไม่มาก
ดัชนี DJIA ปิด +9.86 จุด หรือ +0.04% ดัชนี S&P500 ปิด -5.41 จุด หรือ -0.22% และดัชนี Nasdaq ปิด -22.30 จุด หรือ -0.35% โดยผลประกอบการบจ.สดใสและข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งสหรัฐช่วยหนุน ทั้งยอดสั่งซื้อภาคโรงงานและตัวเลขภาคแรงงาน
- ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาน้ำมันปิดอ่อนลง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. -56 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 49.03 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนต.ค. -35 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 52.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ผลสำรวจระบุว่ากลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค. และสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงไม่มาก
• ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ราคาปิดลดลงเล็กน้อย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 4 ดอลลาร์ หรือ 0.31% ปิดที่ระดับ 1,274.40 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นมีข่าว
• CSL (ราคาปิด 6.10 บาท) : ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.22 บาท/หุ้น
# บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q60 เท่ากับ 70 ล้านบาท -11%YoY ส่วนงวด 6M60 มีกำไรสุทธิ 154 ล้านบาท -9%YoY โดยมี EPS งวดครึ่งปีเท่ากับ 0.26 บาท/หุ้น บริษัทประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.22 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล 85% ของกำไรสุทธิ คิดเป็น Interim dividend yield 3.6%
# แนวโน้มผลประกอบการคาดว่าจะทรงๆ และทั้งปี 60 กำไรจะอ่อนลงจากปีก่อนเล็กน้อย เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังค่อนข้างซบเซา การแข่งขันด้านราคาในธุรกิจไอซีทียังคงสูงต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งได้รับชดเชยจากอัตราการใช้บริการดาตาเซ็นเตอร์ที่สูงขึ้น แต่ก็ยังชดเชยไม่ได้ทั้งหมด อย่างไรก็ดีเชื่อว่าบริษัทจะสามารถจ่ายปันผลสำหรับ 2H60 ได้เท่ากับ 1H60 ที่ 0.22 บาท/หุ้นได้ (ซึ่งจะใช้เงินราว 131 ล้านบาท) เพราะสิ้นมิ.ย.60 มีเงินสดในมือ 290 ล้านบาทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานราว 140-150 ล้านบาทในงวด 6M และมีกำไรสะสมสิ้นมิ.ย.60 เท่ากับ 252 ล้านบาท
# นับได้ว่า CSL เป็นหุ้นปันผล ณ ราคาหุ้น 6.10 บาท คาดการณ์ Dividend Yield ปี 60 ไว้ที่ 7.2% (จ่ายปีละ 2 ครั้ง)
• WHAUP (ราคาปิด 6.45 บาท) : คาดกำไรเติบโตดีในปี 60-61-62
# WHAUP ดำเนินธุรกิจด้านสาธารณูปโภคและไฟฟ้า ลูกค้าหลักอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช การเติบโตในช่วง 1-3 ปีข้างหน้ามาจากธุรกิจโรงไฟฟ้า ปัจจัยกระตุ้นในระยะสั้น คือ การปรับขึ้นค่า Ft รอบเดือนพ.ค.60 และคาดว่าจะปรับขึ้นต่อในรอบก.ย.60 ซึ่งเป็นไปตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
# โครงการโรงไฟฟ้า ในปี 60 จะรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าร่วมทุน B Grimm Power เต็มปี (เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ พ.ย.59) ในปี 60 จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้า 4 แห่งในเดือนพ.ค., ก.ค., ก.ย. และพ.ย.60 รวม 130 MW และในปี 61-62 จะทยอยเปิดอีก 3 โครงการ ยังผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้าจะเพิ่มจาก 350 MW ในสิ้นปี 59 เป็น 542 MW ในปี 62 ส่วนธุรกิจสาธารณูปโภคอื่นๆ ที่ต้องใช้ในนิคมอุตสาหกรรมก็มีการขยายด้วย เช่น ธุรกิจน้ำ และการบำบัดน้ำเสีย เป็นต้น ซึ่งโรงงานปิโตรเคมีและโรงไฟฟ้าเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้น้ำมาก
# ได้ประโยชน์จากโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เนื่องจากพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของกลุ่มบริษัทส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่จังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา โดยคาดว่าจะเห็นรายได้จากสาธารณูปโภคและไฟฟ้าในอีก 2 ปีข้างหน้า
# แนวโน้มกำไร 2Q60 คาดว่าจะเพิ่ม QoQ และขยายตัวสูง YoY เพราะในช่วง 1Q60 มีการปิดซ่อมบำรุงตามแผนโรงไฟฟ้า Gheco One ซึ่งตามสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าบริษัทจะได้รับเงินค่าชดเชยรายได้ในช่วงหยุดซ่อมใน 2Q-4Q60 ทั้งนี้ใน 1Q60 บริษัทมีกำไรสุทธิ 273 ล้านบาท +340%YoY ส่วนการเติบโต YoY มาจากฐานที่ต่ำผิดปกติในปีก่อน
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]