- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 02 August 2017 18:26
- Hits: 1023
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selection >> BCPG, COM7, WHAUP
Stock S R Comment
BCPG 15.60 16.00 โอนหุ้นโรงไฟฟ้าอินโดฯ เสร็จสิ้น คาดบันทึกกำไร 3Q60
COM7 11.90 12.50 เตรียมขายสินค้าใหม่ของ Apple
WHAUP 6.20 6.35 แนวโน้มกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
The best time for rate cut?
CPI : กระทรวงพาณิชย์รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทยประจำเดือนก.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.17% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ถือเป็นการสะท้อนภาวะเงินเฟ้อต่ำ (Disinflation) ของไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลใจ เนื่องจากจะทำให้ประชาชนชะลอการใช้จ่ายของตนเองในปัจจุบัน รวมไปถึงภาคธุรกิจที่อาจเลื่อนแผนการลงทุนออกไป บ่งชี้ว่าภาคอุปสงค์ในประเทศของไทยน่าจะอ่อนแอต่อไปในระยะสั้น
Bunker : ในสภาวะเงินเฟ้อต่ำเช่นนี้ ยังคงมองว่ากลุ่มหุ้นที่มีรายได้สม่ำเสมอ และไม่พึ่งพิงภาวะเศรษฐกิจมากนัก อาทิเช่น กลุ่ม Utility ยังคงเป็นหลุมหลบภัยที่น่าสนใจต่อไป ยังคงเลือก Sector นี้เป็น Top pick ของการลงทุนในช่วงนี้เช่นเดิม นอกจากนั้น มองกลุ่มสินค้าและบริการจำเป็นอาทิเช่นกลุ่ม Consumer Staples และ Healthcare ยังเป็นกลุ่มที่น่าจะปรับตัวแข็งแกร่งกว่าตลาด ในสภาวะที่การจับจ่ายใช้สอยยังคงตึงตัวอยู่เช่นนี้
Fund flow : เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้อีกกว่า 24,000 ล้านบาท ถือเป็นยอดสูงสุดในรอบ 14 เดือน โดยส่วนใหญ่ยังคงเลือกพักเงินในตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นหลัก ยังคงมองเช่นเดิมว่าปัจจัยดังกล่าวจะเป็นตัว Support เงินบาทและตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น ทั้งนี้เริ่มเป็นที่น่าสนใจว่านักลงทุนบางส่วนเริ่มให้น้ำหนักว่า การประชุมกนง.ในวันที่ 16 สิงหาคมนี้อาจมีโอกาสที่จะมีมติปรับลดดอกเบี้ยได้ สะท้อนจากอัตรา Swap rate 1 ปีที่ล่าสุดปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 1.4% ต่ำที่สุดในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อต่ำ อุปสงค์ในประเทศที่ชะลอ และเงินบาทที่แข็งค่าอย่างหนักในช่วงนี้ มองกลุ่มหุ้นที่อาจได้อานิสงส์สำคัญหากกนง.ตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยจริง ได้แก่กลุ่ม Hire purchase (KKP, TCAP, TISCO) และกลุ่มหุ้นปันผลสูงเช่น Infrastructure fund, Property fund, REIT เป็นต้น
HMPRO : หนึ่งในหุ้นกลุ่ม Consumer Discretionary ที่เป็นกลุ่มที่เราแนะนำให้ "Underweight" ท่ามกลางภาวะอุปสงค์ในประเทศที่ยังคงอ่อนแอ ล่าสุดนักวิเคราะห์ของเราประเมินว่าในช่วงถัดไปตลาดมีแนวโน้มปรับลดประมาณการของบริษัท เนื่องจากการเติบโตจากการเปิดสาขาใหม่ไม่สามารถชดเชยการหดตัวของ SSSG ซึ่งคาดว่าทั้งปีจะติดลบได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดที่กำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัว ล่าสุดเรากำลังอยู่ในช่วง "ทบทวนประมาณการ" สำหรับหุ้นดังกล่าว
AP : ยังคงให้เป็น Top pick ในกลุ่มอสังหาฯ (ควบคู่กับ ANAN) และแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 9 บาท คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q60 ที่ 594 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ล่าสุดยอด Presales รวม 7M60 อยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท เติบโตถึง 76% YoY และนับเป็น 89% ของเป้าหมายทั้งปี โดยเราคาดว่า 4Q60 จะเป็นไตรมาสที่มีการโอนโครงการใหม่สูงสุด
กลยุทธ์การลงทุน : คาด SET Index ปรับตัว Sideways ต่อไปในกรอบ 1540 - 1600 จุด แนะนำถือหุ้นในกลุ่มแนะนำต่อไป ได้แก่
1) กลุ่มสาธารณูปโภค เลือก BCPG และ WHAUP เป็น Top pick ของกลุ่ม จากแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ ส่วนหุ้นที่มี Dividend Yield ในระดับสูงและคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลคือ GLOW, EGCO, RATCH
2) กลุ่มสินค้าและบริการที่จำเป็น ได้แก่ กลุ่ม Consumer staples (CPALL, BJC) และกลุ่ม Healthcare (BCH, CHG) ที่มีแนวโน้มทนทานต่อภาวะเงินเฟ้อต่ำ
3) กลุ่มโรงกลั่น เนื่องจากค่าการกลั่นยังคงอยู่ในระดับสูง และมองว่าตลาดรับรู้ประเด็น Inventory loss ของกลุ่มในไตรมาส 2/60 ไปพอสมควรแล้ว เลือก BCP, SPRC, TOP เนื่องจากคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลในช่วงถัดไป
4) กลุ่มที่มีโอกาสได้อานิสงส์หากกนง.ตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16 สิงหาคมนี้ได้แก่ กลุ่ม Hire purchase, Infrastructure fund, Property fund, REIT
แนวรับ 1,568 แนวต้าน 1,583
Today's Event :
BEAUTY ลูกหุ้นเข้า 1,768,985 หุ้น
LHBANK ลูกหุ้นเข้า 7,544,961,342 หุ้น
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]