- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 02 August 2017 18:13
- Hits: 874
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการประกาศหลักแข็งแกร่ง
คาดหุ้นไทยเดินหน้าต่อวันนี้ ตามตลาดหุ้นโลกจากตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการอันแข็งแกร่งจากประเทศต่างๆ โดยเฉพาะสหรัฐ และในยุโรปหนุนโดยการที่ ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ยังต่ำอยู่ และปัญหาทางการเมืองในสหรัฐทำให้ตลาดลดการคาดการณ์ว่า Fed จะเริ่มลดการผ่อนคลายทางการเงินลงใน ไม่กี่เดือนข้างหน้าลง อย่าไรก็ตามนักลงทุนยังคงไม่ค่อยชอบการที่ประธานาธิบดี Trump อาจไม่สามารถลดภาษีและออกมาตรการกระตุ้นการลงทุนได้ภายในปีนี้ ภายในประเทศเงินเฟ้อก็ยังต่ำเช่นกันแต่สมาคมผู้ส่งออกสินค้าทางเรือปรับเป้าส่งออกขยายตัวขึ้นเป็น 5% จากเดิม 2.5-3.5% สำหรับปีนี้ และภาคเอกชนยังมองเศรษฐกิจขยายตัวดี 3.5-4.0%
หุ้นเด่นวันนี้ : TK (ราคาปิด 11.50 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 14.00 บาท)
เราคาด บมจ.ฐิติกร จะได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศ จากข้อมูลล่าสุดของสถาบันยานยนต์ ยอดขายรถจักรยานยนต์ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 60 เติบโต 9.2% YoY อยู่ที่ 773,748 คัน เราคาดโมเมนตัมจะเป็นเช่นนี้ต่อในช่วงที่เหลือของปี หนุนโดยการบริโภคภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นและเศรษฐกิจโดยรวมที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่อุตสาหกรรมคาดยอดขายรถจักรยานยนต์โดยรวมของทั้งปี 60 อยู่ที่ 1.8 ล้านคัน ปรับตัวขึ้นจาก 1.73 ล้านคันในปี 59 นอกเหนือจากนั้นแล้ว TK วางแผนที่จะเปิด 4 สาขาใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะทาให้จำนวนสาขาในประเทศของบริษัททั้งหมดอยู่ที่ 92 สาขา ในส่วนของตลาดต่างประเทศ บริษัทคาดจะเปิดเพิ่มอีก 3 สาขาในประเทศกัมพูชา จากปัจจุบันที่มี 3 สาขาในกัมพูชา และ 1 สาขาในลาว เราคาดการณ์สินเชื่อของ TK ในปี 60 จะเติบโต 10% เร่งตัวจาก 6.2% ในปี 59 เราคาดการณ์กำไรสุทธิจะเติบโต 17.6% ในปี 60 และ 15.6% ในปี 61 และอีกปัจจัยที่สำคัญ หุ้น TK ให้อัตราเงินปันผลตอบแทนที่น่าสนใจที่ 4.3% Price Pattern ของ TK ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ TK ที่ได้สามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือเป้าหมายแรกที่ 11.10 บาทไปแล้ว จึงมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 13.10 บาท ทั้งนี้ TK มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 11 บาท (Resistance: 11.60, 11.70, 11.80; Support: 11.40, 11.30, 11.20)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
เงินเฟ้อเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น YoY ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (CPl) เดือนก.ค. 60 อยู่ที่ 100.53 เพิ่มขึ้น 0.17% YoY แต่ลดลง 0.13% MoM การเพิ่มขึ้น YoY เกิดจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมทั้งราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศ (Core CPl) อยู่ที่ 101.30 เพิ่มขึ้น 0.48% YoY ดัชนี CPl และเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 0.60% และ 0.55% ตามลำดับ (บางกอกโพสต์)
สรท.ปรับเป้าเติบโตส่งออกปีนี้ เป็น 5% จากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 2.5-3.5% เนื่องจากคาดว่าการส่งออกของไทยจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสที่ 4 ซึ่งคาดว่าจะมีคำสั่งซื้อที่สูงขึ้นอย่างมากจากอุปสงค์ที่หนุนโดยช่วงคริสต์มาสและการเฉลิมฉลองในช่วงสิ้นปี (บางกอกโพสต์)
ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจทรงตัวในเดือน ก.ค. อยู่ที่ 50.3 เนื่องจากผลประกอบการ คำสั่งซื้อ ต้นทุน และการจ้างงานไม่เปลี่ยนแปลงมากนักจากเดือนก่อน อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นใน 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 55.1 จากเดือนก่อนหน้าที่ 54.6 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งขึ้น (ธปท.)
กกร.คงมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจปีนี้ และคงคาดการณ์ GDP ปี 60 ไว้ที่ 3.5-4% เนื่องจากมองว่าผลกระทบจากน้ำท่วมต่อเศรษฐกิจโดยรวมค่อนข้างจำกัด (บางกอกโพสต์)
ต่างประเทศ :
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันอังคาร จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ไม่สดใสนักและความวุ่นวายทางการเมืองสหรัฐ ก่อให้เกิดคำถามว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวลงอยู่ที่ 2.26% จากที่ระดับ 2.29% เมื่อวันจันทร์ (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือนเทียบกับสกุลเงินหลักเมื่อวันอังคาร อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐปิดแข็งค่าขึ้น ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปิดบวก 0.2% อยู่ที่ระดับ 93.060 หลังจากแตะระดับ 92.777 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค. 59 (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันอังคาร โดยดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกัน 5 วัน ปิดใกล้ระดับ 22,000 จุด ได้แรงหนุนจากหุ้นแอปเปิลและหุ้นกลุ่มการเงิน (Reuters)
การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลไม่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน การใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐซึ่งคิดเป็น 2 ใน 3 ของ GDP สหรัฐ ขยับขึ้น 0.1% MoM ในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค. (ตัวเลขปรับปรุงแล้ว) อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายผู้บริโภคในไตรมาส 2/60 เพิ่มขึ้น 2.8% YoY (Reuters)
สัญญาณเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย.หลังจากที่เพิ่มขึ้นในระดับเดียวกันในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.5% เช่นกันในเดือนพ.ค. ทั้งนี้ ดัชนี PCE พื้นฐาน เป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดนิยมใช้กับระดับเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดที่ 2% (Reuters)
ภาคการผลิตสหรัฐชะลอตัวจากระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีในเดือนก.ค. สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (lSM) เผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของ lSM ปรับตัวสู่ระดับ 56.3 ในเดือนก.ค. ลดลงจากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 57.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือนส.ค. 57 (lSM)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นวานนี้ หนุนโดยผลการดำเนินงานของบริษัท โดยที่ฤดูประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/60 ได้เข้าใกล้ครึ่งทางแล้ว ซึ่งกว่า 60% ของบริษัท MSCl ยุโรปมีผลการดำเนินงานที่เป็นไปตามคาดหรือดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด (Reuters)
เอเชีย :
รมต. กระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นกระตุ้นให้นำแผนของบ. Chubu Electric Power เกี่ยวกับโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง หรือแม้แต่ยกเลิกแผนดังกล่าว เนื่องจากมีความกังวลเพิ่มขึ้นว่าญี่ปุ่นอาจพลาดเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ (Reuters)
จีนกำจัดนก 66,000 ตัวหลังการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกซึ่งมีการยืนยันที่ฟาร์มไก่แห่งหนึ่งในเขตตะวันออกเฉียงเหนือของมองโกเลีย ซึ่งทำให้มีจำนวนนกที่ถูกกำจัดไปแล้วนับแต่เดือนต.ค. ปีก่อนมีจำนวนกว่า 240,000 ตัว จีนยังได้รายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 13 รายจากไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 ในเดือนมิ.ย. โดยมีจำนวนผู้เสียชีวิตรวมอย่างน้อย 281 รายนับแต่เดือนต.ค. ปีก่อน (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันร่วงประมาณ 2% วานนี้ เนื่องจากผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ยังคงดำเนินการผลิตอย่างต่อเนื่อง ราคาน้ำมันเบรนท์ลดลง 94 เซนต์ (-1.8%) อยู่ที่ 51.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.01 ดอลลาร์ (-2.0%) อยู่ที่ 49.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ผลสำรวจเผยการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกเพิ่มขึ้น 90,000 บาร์เรลต่อวันในเดือน ก.ค.สู่ระดับสูงสุดของปีนี้ นำโดยลิเบีย ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับการยกเว้นข้อตกลงลดการผลิต (Reuters)
ราคาทองปรับตัวขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์วานนี้ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอ ราคาทองคาตลาดจรเพิ่มขึ้น 0.3% อยู่ที่ 1,273.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 0.5% อยู่ที่ 1,279.40 ดอลลาร์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 0-2680-5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 0-2680-5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 0-2680-5056
MISS. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042