- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 01 August 2017 17:17
- Hits: 1387
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
วิเคราะห์ตลาดและแนวโน้ม
เตรียมสะสมหุ้นได้ประโยชน์บาทอ่อน
เมื่อวานหุ้นที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic) เช่น KBANK SCB BBL DTAC INTUCH ADVANC STEC CK กดดันดัชนีฯ (ตามคาด) โดยชุดหุ้น Commodity/Global play และ Utilities ยังคง Outperform เช่น PTTGC IVL GLOW ส่วน นลท.ต่างชาติที่ขาย 7.2 พันล้านบาท มาจาก BJC บิ๊กล็อต 6 พันล้านบาท ราคา 46 บ.
วันนี้คาดดัขนีฯ แกว่งในกรอบ แนวรับ 1,565 จุด ต้าน 1,582 จุด ข่าวหนุนจะมาจาก
(1) เมื่อวานแบงก์ชาติรายงาน ภาวะเศรษฐกิจไทย เดือน มิ.ย. เกินดุลการค้า US$bn 2.9 ตามคาด ขณะที่ส่งออก +7.6% y-y โตสูงจากกลุ่ม HDD และทัศนูปกรณ์ และ ธปท.คงเป้าส่งออกทั้งปีที่ 5% (+ หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ที่มีลุ้นกลับตัวจากธุรกิจ จอ และ HDD ได้แก่ DELTA CCET) ซึ่งสะท้อนเป้าส่งออกครึ่งปีหลัง +2.7% จากครึ่งปีแรก +7.4% คาดดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุลลดลง สอดคล้องกับแนวโน้มที่ค่าเงินบาทหลัง กย.เป็นต้นไป เราคงคาดจะกลับมาอ่อนค่า
(2) ประชุม ครม.วันนี้ รอดูข่าว อนุมัติ รถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยาย และมาตรการบรรเทาทุกข์พื้นที่ประสบอุทกภัยภาคอีสาน
แนวโน้มสัปดาห์นี้คาด Sideways 1,573-1,590 จุด คงคาด ชุดหุ้น Utilities (ปลอดภัย รายได้แน่นอน สัปดาห์นี้คาด BEM BTS outperform) และ Commodity (ไม่กระทบจากเศรษฐกิจในประเทศ) ยังคงเล่นวนรายตัว และ แข็งกว่าตลาด แต่จะเริ่มบวกน้อยลง โดยเม็ดเงินคาดจะเริ่มหมุนกลับ เข้าเล่นเก็งกำไรหุ้นตัวเล็กที่ราคาหุ้นปรับฐาน ก่อนหน้านี้ แต่พื้นฐานไม่เปลี่ยน, หุ้นส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่ราคาหุ้นลงเพราะวิตกค่าเงินบาทแข็ง แต่เงินบาทในระยะสัปดาห์คาดเริ่มกลับมาอ่อนค่า และจะมีทิศทางอ่อนค่าชัดเจนช่วงเดือนก.ย.เป็นต้นไป หลัง เฟด เริ่มลดงบดุลลง และตอบรับสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยเดือน ธค.
ส่วนหุ้น Underperform คาดได้แก่ กลุ่มค้าปลีก จากแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q17 ที่คาดยังแย่ลง จาก SSSG ที่ติดลบ, กำลังซื้อผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมภาคอีสาน หุ้นรับเหมาระยะสั้น คาดมีแรงขาย Sell on fact หลังรู้ผลประมูล เช่นโครงการล่าสุด รถไฟทางคู่ ประจวบ-หัวหิน ที่ ITD ชนะด้วยการแข่งขันด้านราคาที่ต่ำกว่าราคากลางถึง 20%, กลุ่มแบงก์ จากกระแสการปรับลดกำไรลง
หุ้นแนะนำวันนี้
ORI แนวรับ 15 บ. ต้าน 15.8 บ. Stop loss 14.7 บ. คาด consensus มีโอกาสปรับกำไรปี 2017-18 ขึ้น 30-20% ตามลำดับ จาก 1) โครงการใหม่ที่บริษัทเปิดตัวมากกว่าคาดเมื่อวานนี้ 2) รายได้ค่าบริหารจัดการ (Management fee) ที่เรียกเก็บจากบริษัท JV ทันทีที่เปิดตัวโครงการใหม่ 7.4 พันล้านบาท ใน 3Q17 นี้ 3) โอกาสบันทึกกำไรพิเศษ (After tax) ราว 200 ล้านบาท ใน 3Q17 จากการขายหุ้นบริษัทย่อย 4 บริษัท ให้ Nomura Real Estate (ซึ่งราคาขายหุ้น บ.ย่อยอิงตามราคาประเมินที่ดินที่เพิ่มขึ้น)
ITEL แนวรับ 5.5 บ. ต้าน 5.9 บ. Stop loss 5 บ. มีลุ้นงานประมูลโครงการอินเตอร์เน็ตชายขอบมูลค่า 8พันล้านบาท วันนี้ โดยมีผู้ประมูลได้แก่ บ.ย่อยของ TRUE AIS TOT และ ITEL
รายงานวันนี้
Small-Cap Playbook: 2Q17: Small-Cap earnings focus
แนะเลือกเล่นหุ้นเล็กที่คาดกำไรเติบโตสูง คาดมีผลต่อราคาหุ้นมากกว่า หุ้นบูลชิพใหญ่ แนะนำ COM7 ECL JMT โดยเราแบ่งกลุ่มที่น่าติดตามเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มค้าปลีก IT (COM7 JMART) คาดกำไรเติบโตสูง โดยที่ SSS เติบโตแข็งแกร่งจากยอดขาย Smartphone; แนะซื้อ COM7 และล๊อคกำไร JMART เพราะเต็มมูลค่า 2) เช่าซื้อ ECL กำไรเติบโตสูง ตามสินเชื่อใหม่ที่เติบโตขึ้น 3) กลุ่มรับเหมางานรากฐาน (SEAFCO PYLON) ไตรมาสที่อ่อนแอกำลังจะผ่านไป โดยนับแต่เราแนะขายล๊อคกำไรไปก่อนหน้า ราคาหุ้นทรงตัวแกว่งในกรอบ เราแนะรอความชัดเจนการประมูลโครงการภาครัฐ ก่อนที่จะกลับเข้าซื้อหุ้น
BEC (Earnings Preview): New management, not miracle workers
เราคาดกำไร 2Q17 ที่ 240 ล้านบาท ลดลง 48% YoY และ 4% QoQ กำไรที่ปรับตัวลดลง YoY หนุนโดยภาพเม็ดเงินโฆษณาที่ชะลอตัวลงจากภาคการบริโภคในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวใน 2Q17 แม้ว่าปกติไตรมาสที่ 2 จะเป็นช่วง High Season สำหรับเม็ดเงินโฆษณาแต่สำหรับปีนี้เรามองว่ารายได้ของ BEC จะปรับตัวลดลง 24% YoY และ 8% QoQ ตามเม็ดเงินโฆษณาในสื่ออะนาล๊อกที่ชะลอตัว 21% YoY และ 6% QoQ เรามองว่าภาพการชะลอตัวของรายได้ BEC จะยังคงต่อเนื่องไปใน 3Q17 ซึ่งคาดรายได้จะลดลง 27-30% YoY จากทั้วปัจจัยด้านเศรษฐกิจ และฝนที่ตกหนัก ราคาหุ้นที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมา เราเชื่อว่าเป็นการสะท้อนถึงความคาดหวังของการปรับองค์กรและผู้บริหารใหม่ที่คาดจะเข้ามาพลิกฟื้นกำไรของบริษัท การเข้าไปสู่ธุรกิจออนไลน์แพลตฟอร์ม เรายังเชื่อว่าต้องใช้เวลา เรายังคงคำแนะนำ ขาย
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(+) วันนี้ประมูล โครงการอินเตอร์เน็ตประชารัฐ (ชายขอบ) มีผู้ประมูลได้แก่ TRUE TOT AIS ITEL (ที่มา กสทช.)
(*/-) BAY เตรียมมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบภัยน้ำท่วมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยการยกเว้นค่าธรรม เนียมและค่าปรับชำระล่าช้า และสามารถพักชำระหนี้สูงสุด 6 เดือน เพื่อแบ่งเบาภาระผู้ประสบภัย (ที่มา ASPEN)
(*) SUPER ผถห.ลงมติเอกฉันท์ อนุมัติออก SUPER-W4 (ที่มา ตลท.)
(+) ORI ประกาศเข้าร่วมทุนยักษ์อสังหาฯญี่ปุ่น "โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์" ประเดิมขายหุ้น 4 บริษัทย่อยให้โนมูระ บริษัทละ 49% ลุยพัฒนาคอนโดหลากทำเล หวังแลกเปลี่ยนโนว์ฮาวหนุนโตแกร่งและยั่งยืน (ที่มา ตลท.)
(0) BCPG มติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2560 เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.60 มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าซื้อหุ้นในบริษัท สตาร์ เอ็นเนอร์ยี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (SEGHPL) จำนวน 280,000 หุ้น คิดเป็นประมาณ 33.33% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ SEGHPL จากบริษัท สตาร์ เอ็นเนอร์ยี่ อิสเวสเมนท์ จำกัด (SEIL) เพื่อลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศอินโดนีเซียนั้น บริษัท และ SEIL ได้บรรลุเงื่อนไขบังคับก่อนตามสัญญาซื้อขายหุ้นครบถ้วนแล้ว ดังนั้น เมื่อวันที่ 26 ก.ค.60 บริษัทจึงได้รับโอนหุ้นของ SEGHPL ดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ที่มา ตลท.)
(+) AOT ทอท.ได้สรุปผลการประมูลประกอบกิจการเชิงพาณิชย์ภายในท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง สรุปว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ (KPS) เป็นผู้ชนะการประมูล โดยเสนอผลตอบแทนให้ ทอท.สูงสุดที่ 17.65 ล้านบาท/เดือน หรือผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 9,180 บาท/ตร.ม. จากราคากลางที่ ทอท. กำหนดที่ 6,000 บาท/ตร.ม./เดือน (ที่มา นสพ. โพสต์ทูเดย์) เราคาดดีลดังกล่าวจะคิดเป็นกำไรส่วนเพิ่มราว 212 ล้านบาท/ปี หรือ ~1% ของประมาณการในระยะยาว และเป็นส่วนเพิ่มต่อราคาเป้าหมายที่ 0.60 บาท/หุ้น (ที่มา BLS Research)
(-) KTB EARTH หนี้บวม 4.7 หมื่นล้านบาท / กรณี UTP (กลยุทธ์ แนะ Wait and see) ซื้อถ่านหินจาก EARTH เพื่อผลิตไฟและความร้อน อาจมีผลกระทบเชิงจิตวิทยาต่อราคาหุ้นจากการเปลี่ยน Supplier กระทันหัน และยังต้องรอดู MD&A (คำอธิบายหลังงบ) ว่าจะมีค่าใช้จ่ายอะไรเป็นพิเศษ จากการซื้อถ่านหินล่วงหน้าจาก EARTH หรือไม่ (ที่มา ข่าวหุ้น BLS research)
(+) BEM ได้ฤกษตอกเสาเข็ม 1 สค. สร้างเชื่อมทางด่วนศรีรัช แจ้งวัฒนะ คาดเปิดปี 62 (ที่มา ไทยโพสต์)
(+/-) สภาครองเกรสสหรัฐฯยังคงไม่สามารถผ่าน กม.หลักๆตามที่ ปธน.หาเสียงได้สำเร็จ เช่น การแก้ กม.ประกันสุขภาพ และ Tax reform ที่คาดว่าจะทำไม่ได้ โดยเหลือ แค่การปรับลดอัตราภาษีเล็กน้อย ซึ่งใน 1-2 เดือน ข้างหน้าครองเกรสจะพิจารณาเรื่อง US Debt ceiling อีกครั้ง และ จะเป็นประเด็นที่จับตามองของตลาดหุ้นและอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับฐานในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า แต่จะส่งผลลบจำกัดต่อหุ้นไทย ตรงข้ามมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ที่ Laggard หุ้นสหรัฐฯมาตั้งแต่ต้นปี
(0/-) ผลกระทบจากน้ำท่วมจังหวัดสกลนคร และภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางส่วน เช่น อุดรฯ โคราช นครพนม บุรีรัมย์ เบื้องต้นคาดผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย 2.3 หมื่นไร่ กระทบ GDP 1 เดือน 0.1% ซึ่งถ้าคิดเป็นรายปี จะไม่มีนัยยะ โดยสาขาของ GLOBAL HMPRO และโรงแรม HOP INN 1 แห่ง ในสกลนครของ ERW อาจกระทบบ้างจากเส้นทางการสัญจรถูกปิด แต่มีประกันครอบคลุมถึงการเสียโอกาสในการขาย ซึ่งทำให้ไม่กระทบต่อรายได้ และ น้ำท่วมรอบนี้คาดอุปสงค์ในการซ่อมแซมถนน ที่อยู่อาศัย จะไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก ซึ่งผลกระทบระยะถัดไปจะไปตกอยู่กับกลุ่มค้าปลีก ที่กำลังซื้อถูกซ้ำเติมให้หดหายลงไปอีก
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค