- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 01 August 2017 17:05
- Hits: 787
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดขยับบวกได้เล็กน้อย ถือเป็นจุดสูงสุดของวันที่ 1582.86 จุด เพิ่มขึ้น 1.80 จุด ก่อนที่จะเผชิญแรงขายหลักจากหุ้นในกลุ่มแบงก์ สื่อสารและขนส่ง ไหลลงเข้าสู่แดนลบอย่างต่อเนื่อง ลงทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1569.79 จุด ลดลง 11.27 จุด ก่อนที่จะค่อย ๆ ฟื้นตัวแต่ยังอยู่ในแดนลบจนปิดตลาด ทั้งวันมีกรอบการเคลื่อนที่ 13.07 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวลงของดัชนีได้แก่ ADVANC, SCB, KBANK, BBL, CPF, DTAC ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1576.08 จุด ลดลง 4.98 จุด (-0.32%) มูลค่าการซื้อขาย 57,300 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้พักตัวลงค่อนข้างแรง ตั้งแต่ช่วงเปิดตลาดไหลลงอย่างต่อเนื่อง ลงไปทำ Low 1569 จุด ถือเป็นแนวรับระดับรายสัปดาห์ ก่อนที่ดีดกลับขึ้นมาทำปิด 1576 จุด จากภาพที่สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาทำปิดที่ 1576 จุด ทำให้ภาพที่เป็นลบกลับมาดูดีขึ้น เนื่องจากแนวดังกล่าวเป็นบริเวณของกลุ่มเส้นค่าเฉลี่ยและจุดตัดของแนวโน้มย่อยขาขึ้น-ลง หาหลุดจากแนวดังกล่าวถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดีแน่ แต่การกลับขึ้นมาบวกกับสัญญาณ Overbought ในระยะสั้น มีโอกาสฟื้นตัวในกรอบที่จำกัด มองแนวต้าน 1582-1588 จุด แนวรับ 1565-1569 จุด
แกว่งตัวผันผวน - มีโอกาสฟื้นตัวในกรอบที่จำกัด
Support 1570 // 1560 จุด Resistance 1580 // 1590 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
เน้นตั้งรับ รับผลน้ำท่วม
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : ดัชนีฯ ยังมีแนวโน้มอ่อนตัว ปัจจัยบวกมีน้อย-เทคนิคส่อไปในทางลบ .... สถานการณ์น้ำท่วมในหลายๆจังหวัด เป็นปัจจัยถ่วงตลาดหุ้น เนื่องจาก เป็นลบในระดับ Macro ..... หุ้นเป็นบวกส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดเล็ก หรือหุ้นที่มีการเข้ามาเก็งกำไรในผลประกอบการ 2Q-17 …. ขณะที่หุ้นในกลุ่ม commodity คาดจะเป็นกลุ่มที่เข้ามาพยุงตลาด หลังราคาน้ำมันดิบ WTI ขึ้นมาแตะ $50 เหรียญ ได้สำเร็จ
กลยุทธ์การลงทุน : เราแนะนำให้รอจังหวะซื้อหรือตั้งรับ วันนี้ หากดัชนีฯลงแรง (แนวรับ 1566) หรือมีแรงซื้อกลับเรามองเป็นจังหวะเข้าซื้อหุ้น โดยเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวก หรือหุ้นเสี่ยงต่ำ
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ IVL, MAJOR*, ORI*, HTECH, MINT*
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(-) FIN ผลกระทบจากมาตรการลดวงเงินบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล
(+) CFRESH คาดกำไรสุทธิ 2Q17 ผลประกอบการกลับเป็นบวก และ 2H17 เป็น high season
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (31 ก.ค.) ปิดที่ระดับ 1,576.08 จุด ลดลง 4.98 จุด (-0.31%) มูลค่าการซื้อขาย 57,299.81 ล้านบาท ตลาดได้รับแรงกดดันจากความกังวลด้านเหตุการณ์น้ำท่วมในประเทศ ส่งผลให้เกิดแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารขึ้น
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 21,891.12 จุด เพิ่มขึ้น 60.81 จุด หรือ +0.28% ปรับตัวทำ New High อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยเฉพาะตัวหลังมีแรงซื้อในบริษัทผลิตเครื่องบินรายใหญ่อย่าง โบอิ้ง ในขณะที่ความกังวลด้านความชัดเจนของนโยบายทรัมป์ยังคงมีอยู่ ด้าน Stoxx Europe 600 ลดลง 0.1% ปิดที่ 377.85 จุด
ราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์เป็นบวก สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 50.17 ดอลลาร์/บาร์เรล .... หลังมีข่าวที่ว่าสหรัฐฯจะทำการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอล่า อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเวเนซุเอล่าผลิตน้ำมันน้อย ( < 2 ล้านบาร์เรล/วัน) ซึ่งส่งผลต่อ supply รวมไม่สูงนัก .... จากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้า commodities โดยรวมปรับตัวสูงขึ้นด้วยเรามีมุมมองเป็นบวกต่อราคาน้ำมันดิบมาก
ดอลลาร์ยังคงอ่อนค่า ทองคำปรับตัวสูงขึ้น สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลว่านโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์จะสามารถเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ .... ด้านราคาทองคำปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 7 สัปดาห์
สถานการณ์น้ำท่วมเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทย, จับตาดูการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน ครม. วันนี้ ประเด็นเรื่องเหตุการณ์น้ำท่วมยังคงเป็นปัจจัยที่กดตลาดอยู่ ซึ่งประเด็นดังกล่าวเริ่มเบาบางลง ...... อย่างไรก็ตามคาดในวันนี้จะมีปัจจัยบวกจากที่ ครม. เห็นชอบอนุมัติมาตรการดูแลผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจะใช้งบประมาณราว 4 หมื่นล้านบาท เรามองว่าประเด็นดังกล่าวเป็นการกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการอัดฉีดเงินเข้าระบบอีกครั้ง ...... และยังมีการแถลงปิดคดีจำนำข้าวของอดีตนายกรัฐมนตริ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ...... การเก็งกำไรสำหรับงบการเงินไตรมาส 2 ยังคงมีอยู่ คาดหุ้นขนาดใหญ่ที่จะประกาศงบการเงินไตรมาส 2 ในสัปดาห์นี้ได้แก่ IRPC, LPN, GPSC
Fund Flow …… ลดพอร์ตในตลาดหุ้นไปสู่ตลาดพันธบัตร ทั้งนี้ คาดจาก นักลงทุนมองหสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ จากภาวะการเมืองของสหรัฐฯเอง และการเปลี่ยนทิศทางของ QE ของสหรัฐฯและยุโรป ทำให้แรงขายของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้น จะเป็นปัจจัยถ่วงตลาดหุ้นไทยตัวหนึ่ง
ต่างประเทศ ... ตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาดี ราคาสินค้า commodity หลายๆตัวเดินหน้าต่อ ตามภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวและดอลล่าร์อ่อนค่า สถานการณ์เกาหลีเหนือยังคุกกรุ่น คาดสหรัฐฯน่าจะเพิ่มแรงกดดันต่อเกาหลีเหนือให้มากขึ้น ... นอกจากนี้ ร่างกฎหมายด้านสุขภาพและการขยายเพดานหนี้ ที่จะมีผลไปถึงการออกกฎหมายด้านเศรษฐกิจตัวอื่นๆด้วย เป็นลบจากสหรัฐฯโดยตรง ทิศทางค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าอยู่ต่อไป
ดัชนีฯ เล่นในกรอบ 1566-1590 จุด ดังที่เราให้ใน Weekly Outlook ว่าปัจจัยบวกมีน้อย-เทคนิคส่อไปในทางลบมากกว่า .... สถานการณ์น้ำท่วมในหลายๆจังหวัด เป็นปัจจัยถ่วงตลาดหุ้น เนื่องจาก เป็นลบในระดับ Macro มากกว่า หุ้นเป็นบวกส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดเล็ก เราคาดว่าเหตุหนึ่งทำให้หุ้นธนาคารปรับตัวลดลงวานนี้ (31) ส่วนหนึ่ง น่าจะมาจากเรื่องนี้
กลยุทธ์ในภาพรวม คงเดิมไว้ คือรอจังหวะซื้อหรือตั้งรับ วันนี้ หากดัชนีฯลงแรง (แนวรับ 1566) หรือมีแรงซื้อกลับเรามองเป็นจังหวะซื้อหุ้น โดยเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวก หรือหุ้นเสี่ยงต่ำไว้ก่อน เช่น ADVANC และ PTT
#คำแนะนำหรือมุมมองของหุ้นแต่ละกลุ่ม สำหรับวันนี้#
ภาวะน้ำท่วม จ.สกลนคร จะเริ่มเบาบางลง สนง.ประกันสินาศภัยไทย ประเมินว่า บริษัทประกันภัยอาจต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนน้ำท่วมในจังหวัดนี้สูงถึง 1 พันล้านบาท....ในพื้นที่อื่นๆ และภาคเหนือ ยังมีผลกระทบอบู่ ผลที่ตามมาก คือกระทบต่อธุรกิจการเกษตร แม้ราคาจะสูงขึ้นก็ตาม กลุ่มอื่นๆ จะเป็นกลุ่มเจ้าหนี้ ทั้งสถาบันการเงินและธุรกิจเงินกู้-เงินผ่อน ต่างๆ เช่น ธนาคารพาณิชย์ MTLS, SAWAD, TSR, SINGER แต่จะไปดีกับธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็น GLOBAL หรือ TASCO เป็นต้น .... ในภาพรวม เราจึงมองเป็นลบต่อตลาดมากกว่าที่จะเป็นบวก
หุ้นกลุ่มธนาคาร วานนี้ หุ้นธนาคารที่มีธุรกิจเช่าซื้อเริ่มมีแรงซื้อกลับ นักลงทุนอาจเบนมาเล่นหุ้นตัวหลักของกลุ่ม คือ TISCO และ TCAP ยกเว้น KKP ที่มีประเด็นในเรื่องนโยบายเงินปันผลที่อาจจ่ายน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมา .... KTB ที่มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จในการเจรจากับ AQ ที่ค่อนข้างสูง และราคาหุ้นตอบรับต่อ case ของ EARTH ไปแล้ว
หุ้นกลุ่มอีเล็กทรอนิคส์ ราคาลงมาลึกมาก เพราะเรื่องเงินบาทแข็งต่อ ที่มีผลต่อกำไรในอนาคต (forward P/E ยังสูง) จึงเป็นกลุ่มที่รอซื้อเมื่อค่าเงินบาทเริ่มนิ่งก่อน หุ้นหลักๆ ของกลุ่มจะเป็น KCE และ HANA
หุ้นกลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมี แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ สั้นๆ น่าจะยืนเหนือ $50 เหรียญ ได้ หลังรัสเซียให้ความเห็นว่า supply น่าจะสมดุลใน 2H-17 ซึ่งดีกว่าความเห็นครั้งก่อน รวมทั้งการอ่อนค่าของเงินดอลล่าร์ด้วย และยังจะดีไปถึงหุ้นในกลุ่มถ่านหิน ที่ราคาถ่านหินขึ้นมาแตะ $90 เหรียญ/ตัน อีกครั้งหนึ่ง เป็นบวกต่อหุ้นผู้ผลิตเช่น PTTEP , BANPU ส่วนหุ้นปิโตรเคมีขั้นต้น อย่างเช่น PTTGC และ IVL
หุ้นในกลุ่มบริหารโครงข่ายรถไฟฟ้า ทั้งสองตัว หลังรัฐบาลมีนโยบายที่จะลงทุนในลักษณะ PPP มากขึ้น จะเป็นบวกต่อ BTS และ BEM โดยเฉพาะตัวหลังที่มีการประเมินกำไร 2Q-17 ว่าจะออกมาดี (738 ลบ. ; +46% YoY และ +5% QoQ)
หุ้นขนาดเล็ก หรือหุ้นนอกสายตา ที่ราคาหุ้น ผลการดำเนินงาน นั้นเป็นที่น่าจูงใจให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรช่วงสั้นๆ สวนกับภาวะตลาดรวมที่ชะลอ อาทิ TK , ORI , ANAN , JMT, GFPT เป็นต้น
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
IVL(ราคาปิด 37.25) คาดนักลงทุนจะเข้ามาเก็งกำไรในหุ้น IVL จาก Spread ปิโตรเคมีในกลุ่ม Aromatic มีแนวโน้มที่ดีขึ้น..... คาดกำไรปกติ (ไม่รวมรายการพิเศษ) ในปีนี้ที่ 11,825 ล้านบาท (+27.1% YoY) เติบโตจากการกำลังการผลิตที่สูงขึ้นและการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนสินค้า HVA ..... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 43.00 บาท)
MAJOR*(ราคาปิด 30.75) คาดกำไรสุทธิสำหรับช่วง 2Q17 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ ซึ่งจะสร้างความ surprise ต่อตลาด เติบโต QoQ จากที่นักเรียนปิดเทอมและเป็นช่วงที่หนังฮอลลีวูดเข้า ส่วนการเติบโต YoY เป็นผลมาจากจำนวนโรงภาพยนต์ที่สูงขึ้น และคาดจะมีการขายหน่วยลงทุนออกไปจำนวนหนึ่ง............บริษัทตั้งเป้าเติบโตที่ 10% ซึ่งเรามองว่าเป็นระดับที่ conservative เกินไป เรามองกำไรปี 2016 เป็นฐานที่ต่ำ จากยอดขายตั๋วหนังและค่าโฆษณาที่ลดลงในเดือนต.ค.-ธ.ค. อีกทั้งในปีนี้บริษัทมีมาตรการลดค่าใช้จ่ายจากการลดจำนวนพนักงานต่อโรงภาพยนต์ Bloomberg Consensus คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ไว้ที่ 1,213.7 ล้านบาท (+23.4% YoY) .. ราคาที่เหมาะสมโดย Bloomberg consensus ที่ 35.24 บาท
ORI*(ราคาปิด 15.10) คาดนักลงทุนจะเริ่มเข้ามาเก็งกำไรสำหรับงบการเงินไตรมาส 2 ซึ่ง Bloomberg Consensus คาดที่ 210 ล้านบาท (+188% YoY, +21% QoQ) …. ORI กำลังปรับพอร์ตเพื่อบริหารความเสี่ยง มีการเพิ่มสินค้าระดับพรีเมียมผ่านโครงการ PARK 24 โครงการมูลค่า 17,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในทำเลซีบีดี ทำให้มีแบรนด์ PRAK เข้ามาเสริมตลาดระดับบน …. (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg Consensus ที่ 16.13 บาท)
HTECH(ราคาดปิด 8.75) บริษัทดำเนินธุรกิจ Cutting Tools สำหรับสินค้าประเภท Hard Disk Drives (HDD) ปัจจุบันมูลค่าส่งออก HDD ของไทยเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่ปลายปี 2015 โดยปริมาณการส่งออก 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) เติบโต +15.2% จากงวดเดียวกันในปีก่อน ส่งผลให้คาดปีนี้ HTECH เติบโตประมาณ 35% YoY นอกจากนี้ การขยายโรงงานแห่งใหม่ จะทำให้ฐานรายได้ของบริษัทสูงขึ้นด้วย .... (ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 10.30 บาท).
MINT*(ราคาปิด 42.25) คาดเศรษฐกิจยุโรปที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และการแข็งค่าของเงินยูโร น่าจะเป็นบวกต่อ MNT เนื่องจากมีธุรกิจโรงแรมในยุโรป รวมไปถึงนักท่องเที่ยวยุโรปอาจเพิ่มปริมาณการท่องเที่ยวมายังไทยด้วย ..... ..... (ราคาที่เหมาะสมโดย Bloomberg consensus ที่ 44.50 บาท)
ประเด็นสำคัญ : ข่าวและหุ้น
เศรษฐกิจสหรัฐฯ - สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังปรับตัวลง 3 เดือนติดต่อกัน
เศรษฐกิจสหรัฐฯ - ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตดีดตัวขึ้น 11 จุด สู่ระดับ 22.8 ในเดือนก.ค. จากระดับ 11.8 ในเดือนมิ.ย.
เศรษฐกิจไทย - สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมิ.ย.60 อยู่ที่ 111.76 หดตัว 0.16% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ส่งผลให้ MPI ไตรมาส 2 หดตัว 0.06%
เศรษฐกิจไทย - ธปท. กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/60 มีทิศทางการขยายตัวต่อเนื่อง และมีอัตราการขยายตัวใกล้เคียงกับไตรมาส 1/60 ที่ 3.3% โดยการส่งออกขยายตัวได้ถึง8% ทำให้ครึ่งปีแรกการส่งออกขยายตัวได้ถึง 7.4% โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังส่งออกจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 2.7% ทำให้ส่งออกทั้งปีขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 5% รวมทั้งภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง
กลุ่มประกันชีวิต - นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า 6 เดือนแรกธุรกิจประกันชีวิตมีเบี้ยรับรวม 2.97 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แยกเป็นเบี้ยปีแรก 5 หมื่นล้านบาท ลดลง 12.1% เบี้ยจ่ายครั้งเดียว 3.25 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.4% เบี้ยต่ออายุ 2.14 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5%
PTT - กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี ได้พิจารณาแนวทางการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ และให้ กฟผ. ดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมเป็นผู้จัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) รายใหม่ จากเดิมที่มี บมจ.ปตท. (PTT) เป็นผู้จัดหาเพียงรายเดียว โดยกำหนดปริมาณการจัดหา LNG ไม่เกิน 1.5 ล้านตัน/ปี และเริ่มจัดหาภายในปี 61
AAV - แอร์เอเชียเปิด 2 เส้นทางบินใหม่ เชื่อมไทย-อินเดีย บินตรงสู่ประตูราชาสถานและทัชมาฮาล ได้แก่ เส้นทาง กรุงเทพฯ-ชัยปุระ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
KSL - บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) คาดว่ากำไรสุทธิในปี 59/60 (พ.ย.59-ต.ค.60) จะดีสุดในรอบ 4-5 ปี หลังจะรับรู้กำไรพิเศษจากการควบรวมธุรกิจเอทานอลของบริษัท
KKP - กล่าวยอมรับว่า แนวโน้มสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปีนี้อาจจะสูงกว่าที่ธนาคารที่ตั้งเป้าหมายจะควบคุมไว้ไม่ให้เกิน 5.2% หลังจากครึ่งปีแรก NPL ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 5.8%
ERW - บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) แจ้งว่าสืบเนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดสกลนครเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2560 ซึ่งได้ก่อความเสียหายแก่ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งรวมถึงโรงแรมของบริษัทที่ให้บริการในจังหวัดสกลนคร จำนวน 1 แห่ง ได้แก่ โรงแรม ฮ็อปอินน์ สกลนคร ก็ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์ดังกล่าว
Analyst : Mongkol Puangpetra
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
+662 648 1127
[email protected]