- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 31 July 2017 18:09
- Hits: 2287
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
คาดยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ? โดยคาดยังมีความผันผวนตามตลาดส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง ภายใต้ที่ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ ขณะที่ยังอยู่ในช่วงของการประกาศผลการดำเนินงาน
อย่างไรก็ตามคาดยังมีปัจจัยเดิมจากต่างประเทศที่คาดยังมีผลต่อกดดันภาพรวมตลาด (1) การส่งสัญญาณของเฟดปรับลดงบดุลจากระดับปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านUSD ที่คาดจะประกาศในเดือนก.ย. นี้ (ประชุมเฟด 19 – 20/9/60) และ (2) ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ หลังวุฒิสภามีมติคัดค้านการยกเลิกกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์ ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่า ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถผลักดันมาตรการต่างๆ ตามที่เคยหาเสียง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงนโยบายการปฏิรูปภาษี
ส่วนราคาน้ำมัน ยังปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดส่งผลดีต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP หลังการประชุมของ รมต.กระทรวงน้ำมัน ของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน 5 ประเทศ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ยังคงมีความพยายามในการปรับลดปริมาณผลิต เพื่อกระตุ้นราคาน้ำมันให้มีเสถียรภาพ และพร้อมจะขยายระยะเวลาออกไปจากเดิมครบกำหนดมี.ค.’61 หากตลาดยังไม่สมดุล ขณะที่ล่าสุด Stock น้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน
ทางด้านประเด็นในประเทศ (+) แรงเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q60 / เงินปันผล ถึงกลางเดือนส.ค.
(+) หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น ITD, CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น ที่คาดยังได้รับปัจจัยหนุนระยะกลาง – ยาว หลัง ITD เป็นผู้ประมูลราคาต่ำสุด โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางหัวหิน – ประจวบฯ เมื่อ 27/7/60 ที่ผ่านมา มูลค่าประมาณ 5,807 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลางถึง 20% ขณะที่จะมีการเปิดซองราคารถไฟทางคู่ เส้นทางนครปฐม – หัวหิน อีก 2 สัญญา มูลค่า 8,390 ล้านบาท และ 7,677 ล้านบาท ตามลำดับ ในวันที่ 10/8/60
(+/-) Fund Flow ยังมีความผันผวนจากแรงซื้อ/ขายสุทธิ สลับกัน แนะติดตามค่าเงินบาท ซึ่งยังคงแข็งต่อเนื่องในรอบเกือบ 2 ปี โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 33.34 - 33.36 บาท และภายใต้เงินบาทที่แข็งค่าดังกล่าว คาดส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก
SET SET50 SET100
1,581.06 -2.11 1,007.08 -0.20 2,258.43 -1.40
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +33.76, NASDAQ -7.51, S&P -3.32, FTSE -74.64, CAC -55.56 และ DAX -49.34
โดย DJIA ปิดทำ New High หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของ GDP – 2Q/60 ขยายตัว 2.6% สูงกว่า 1.2% เมื่อ 1Q/60 และสอดคล้องกับที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวกว่า 2.5% ภายใต้ปัจจัยหนุนจากการใช้จ่ายผู้บริโภค และการลงทุนของภาคธุรกิจ
ขณะที่ S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ จากการขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังอเมซอนดอทคอม อิงค์ บริษัทค้าปลีกออนไลน์ยักษ์ใหญ่ เปิดเผยผลประกอบการ – 2Q/60 ลดลง 77% พร้อมคาดว่าอาจขาดทุนจากการดำเนินงานใน 3Q/60 จากการลงทุนจำนวนมากด้านคอนเทนต์วิดีโอ รวมถึงลงทุนในตลาดที่กำลังเติบโต เช่น อินเดีย เป็นต้น
ขณะที่อยู่ระหว่างรอสภาคองเกรส พิจารณาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ก่อนที่จะปิดสมัยประชุมเดือนหน้า เพื่อให้สหรัฐฯ สามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ โดยปัจจุบันรัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอถึงเดือนก.ย. นี้ เท่านั้น
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ย. +US$0.67 อยู่ที่US$49.71 ต่อบาร์เรล โดยยังได้รับปัจจัยหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบและการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ที่ลดลงต่อเนื่อง ช่วยคลายความกังวลอุปทานในตลาด
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. +US$8.4 อยู่ที่ US$ 1,268.4 ต่อออนซ์ หลังเงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ส่งผลให้ราคาทองคำมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่นๆ
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.39 1.91 3.06
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 36,529.36
สถาบัน +1,472.20
บัญชีหลักทรัพย์ -88.17
ต่างประเทศ -928.57
ในประเทศ -455.46
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น CBG เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK เป็นต้น ขณะที่แนะจับตา NPL ผ่านจุดสูงสุด?
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชนที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(6) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น MONO, WORK
(7) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.02 อยู่ที่ 2.29%(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.18 อยู่ที่ 10.29
หุ้นแนะนำ : TOP
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร. 02-684-8788