- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 27 July 2017 18:28
- Hits: 6083
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selection >> BCPG, JMT, STEC
Stock S R Comment
BCPG 15.00 15.80 ปิดดีลโรงไฟฟ้าอินโดฯ เตรียมบุ๊คกำไร 3Q60
JMT 27.00 29.75 บุ๊ครายได้จากหนี้ Standard Chartered หนุนกำไร 2Q60 โตแรง
STEC 26.50 27.75 ลุ้นผล e-auction ทางคู่ วันนี้
Fed acknowledged low-flation
FOMC : Fed มีมติคงดอกเบี้ยที่ระดับ 1.00-1.25% ตามคาด โดยใจความสำคัญที่อยู่ใน Statement ที่ออกมามีดังนี้
1) Fed เริ่มยอมรับว่าสหรัฐฯกำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อต่ำที่แท้จริง
2) Fed ยังคงยืนยันที่จะเริ่มต้นกระบวนการลดขนาดงบดุล (Balance sheet) ในช่วงถัดไป โดยใช้คำว่า "เร็วๆนี้" หากพัฒนาการทางเศรษฐกิจยังคงเป็นไปตามที่ Fed คาดการณ์ไว้
มุมมองของเรา : เราไม่แปลกใจต่อประเด็นที่หนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ Bond yield และเงิน USD เมื่อคืนนี้มีการปรับตัวลงมาอย่างชัดเจน แต่สิ่งที่เราค่อนข้างแปลกใจก็คือการที่ Fed ยังคงยืนกรานที่จะเริ่มต้นกระบวนการลดขนาดงบดุล ท่ามกลางสภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำเช่นนี้ ซึ่งเราเข้าใจว่า Fed ต้องการที่จะควบคุมความรู้สึกของตลาดไม่ให้มีพฤติกรรมแสวงหาอัตราผลตอบแทนที่รุนแรงเกินไป
ยังคงประเมินเช่นเดิมว่า Fed จะมีมติขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในการประชุมเดือนกันยายนหรือธันวาคม โดยมองว่ากระบวนการลดขนาดงบดุลมีโอกาสเลื่อนออกไปจากปีนี้ได้ หากร่างกฎหมายเศรษฐกิจที่สำคัญไม่สามารถถูกผลักดันโดยสภา Congress ได้โดยเร็ว ซึ่งอาจเป็น Upside risk ต่อปัจจัย Fund flow ในตลาดหุ้นเกิดใหม่ช่วงไตรมาสที่ 4 นี้
SCC : ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 ชะลอลงตามคาด โดยธุรกิจปิโตรเคมี ยังคงเป็นแรงหนุนหลัก หลังส่วนต่างราคา HDPE-Naphtha และ PP-Naphtha ยังทรงตัวอยู่ในเกณฑ์ดี และมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมอาทิ Dow Chemical และ Chandra สูงกว่า 6 พันล้านบาท อย่างไรก็ดีธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างยังคงอ่อนแอต่อเนื่อง และธุรกิจแพคเกจจิ้งชะลอตัวเนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยฤดูกาลในกลุ่ม Food & Beverage และ Consumer ประเมินแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของปี อาจเผชิญแรงกดดันจากกำลังการผลิต Ethylene ที่จะทยอยออกมากดดันธุรกิจปิโตรฯ และต้นทุนถ่านหินที่สูงขึ้นซึ่งอาจกดดันธุรกิจปูนซีเมนต์ได้ แต่ด้วยความสามารถในการรักษาฐานรายได้ที่มั่นคง ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง จึงคงคำแนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" ที่ราคาเป้าหมาย 530 บาท
กลยุทธ์การลงทุน : คาดการณ์ SET Index ปรับตัว Sideways ต่อไปในกรอบ 1540 - 1600 จุด เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยที่มีแนวโน้มผลักดันดัชนีไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน แนะนำกลยุทธ์ขึ้นขาย-ลงซื้อตามกรอบแนวต้านแนวรับดังกล่าว และถือหุ้นกลุ่มแนะนำต่อไป ได้แก่
1) กลุ่มสาธารณูปโภค เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความผันผวนต่ำและสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในระดับสูง เลือก BCPG และ WHAUP เป็น Top pick ของกลุ่ม จากแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ ส่วนหุ้นที่มี Dividend Yield ในระดับสูงและคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลคือ GLOW, EGCO, RATCH
2) กลุ่มสินค้าและบริการที่จำเป็น ได้แก่ กลุ่ม Consumer staples (CPALL, BJC) และกลุ่ม Healthcare (BCH, CHG) ที่มีแนวโน้มทนทานต่อภาวะเงินเฟ้อต่ำ
3) กลุ่มโรงกลั่น เนื่องจากค่าการกลั่นยังคงอยู่ในระดับสูง และมองว่าตลาดรับรู้ประเด็น Inventory loss ของกลุ่มในไตรมาส 2/60 ไปพอสมควรแล้ว เลือก BCP, SPRC, TOP เนื่องจากคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลในช่วงถัดไป
แนวรับ 1,579 แนวต้าน 1,588
บทวิเคราะห์วันนี้
LH (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 12.15 บาท) 2Q60 Preview : กำไรโดดเด่นจากการขายโรงแรม
SCC (ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมาย 530 บาท) ผลการดำเนินงาน 2Q60 ชะลอตัวลง QoQ และYoY ตามคาด
Stock Comment : TPIPP (ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 7.30 บาท) โครงการโรงไฟฟ้าจากขยะ 70 MW ผ่าน EIA เรียบร้อย พร้อม COD ไตรมาส 4 นี้
Today's Event :
TWZ XR 7:2 @ 0.25 บาท
NVD ลูกหุ้นเข้า 147,300,000 หุ้น
FTE เข้าซื้อขายเป็นวันแรก (600mn sh @ Bt. 2.95) หมวดพาณิชย์
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]