WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRAบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ทิศทางตลาด
  กรอบแคบ? คาดยังมีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ แต่คาดยังอยู่ในกรอบแคบ ภายใต้ที่ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ ขณะที่ผลการประชุมเฟด เป็นไปตามตลาดคาดหมายทั้งการคงอัตราดอกเบี้ยในระดับเดิม และการส่งสัญญาณปรับลดงบดุลจากระดับปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านUSD ที่คาดจะประกาศในเดือนก.ย. นี้ (ประชุมเฟด 19 – 20/9/60)
  ส่วนราคาน้ำมัน ยังปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดส่งผลดีต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP หลังการประชุมของ รมต.กระทรวงน้ำมัน ของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน 5 ประเทศ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ยังคงมีความพยายามในการปรับลดปริมาณผลิต เพื่อกระตุ้น    ราคาน้ำมันให้มีเสถียรภาพ และพร้อมจะขยายระยะเวลาออกไปจากเดิมครบกำหนดมี.ค.’61 หากตลาดยังไม่สมดุล ขณะที่ล่าสุด Stock น้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน


  ทางด้านประเด็นในประเทศ (+) แรงเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q60 / เงินปันผล ถึงกลางเดือนส.ค.
  (+) หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น ITD, CK, STEC และ UNIQ
เป็นต้น ที่คาดได้รับปัจจัยหนุนระยะกลาง – ยาว จากความคืบหน้าที่มีตามลำดับในการทยอยเปิดประมูลโครงการต่างๆ โดยเฉพาะรถไฟทางคู่ เส้นทางหัวหิน – ประจวบฯ ที่จะมีการเปิดซองราคาในวันนี้ (27/7/60)
  (+/-) Fund Flow ยังมีความผันผวนจากแรงซื้อ/ขายสุทธิ สลับกัน แนะติดตามค่าเงินบาท ซึ่งยังคงแข็งต่อเนื่องในรอบเกือบ 2 ปี โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 33.36 - 33.38 บาท และภายใต้เงินบาทที่แข็งค่าดังกล่าว คาดส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก


และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น CBG เป็นต้น
  (2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK เป็นต้น ขณะที่แนะจับตา NPL ผ่านจุดสูงสุด?
  (3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
  (4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชนที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น
  (5) กลุ่มพลังงาน เช่น TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น


SET SET50 SET100
1,583.17 +1.75 1,007.28 +1.75 2,259.83 +3.18

 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +97.58, NASDAQ +10.57, S&P +0.70, FTSE +17.50, CAC +29.09 และ DAX +40.80
โดย DJIA, NASDAQ และ S&P ปิดทำ New High หลังเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ตามคาด ขณะที่เฟดส่งสัญญาณเริ่มปรับลดงบดุลในเดือนก.ย. จากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านUSD
  และยังได้รับปัจจัยบวกจาก (1) ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทขนาดใหญ่ เช่น โคคา โคล่า และโบอิ้ง เป็นต้น (2) ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน และ (3) ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จากยอดขายบ้านใหม่ – มิ.ย. เพิ่มขึ้น 0.8%MoM อยู่ที่ 610,000 ยูนิต โดยเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน
  ขณะที่อยู่ระหว่างรอสภาคองเกรส พิจารณาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ก่อนที่จะปิดสมัยประชุมเดือนหน้า เพื่อให้สหรัฐฯ สามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ โดยปัจจุบันรัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอถึงเดือนก.ย. นี้ เท่านั้น
  ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของยุโรป เช่น เดมเลอร์ เอจี ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเมอร์เซเดสเบนซ์ ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรป ปิดทำการก่อนทราบผลประชุมเฟด

P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.41 1.92 3.06
ที่มา : www.set.or.th


มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 42,244.18
สถาบัน +2,466.18
บัญชีหลักทรัพย์ -750.40
ต่างประเทศ -911.77
ในประเทศ -804.02

 

  (6) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น MONO, WORK
  (7) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AOT

ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.04 อยู่ที่ 2.28%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.17 อยู่ที่ 9.60

 

หุ้นแนะนำ : BR

นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร. 02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!