- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 26 July 2017 18:20
- Hits: 6198
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
'ซื้อค่าบวก/หรือ SET ยังเหนือ 1575'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET Index ปิด +4.69 จุดที่ 1581.42 หนุนโดยหุ้นใหญ่อย่าง PTT, PTTEP, AOT, ADVANC, INTUCH, PTTGC เป็นต้น นักลงทุนต่างชาติ พอร์ตบล.และรายย่อยขายสุทธิ ด้านสถาบันในปท.นำซื้อสุทธิ 3.2 พันลบ.
ประเด็นสำคัญวันนี้ : ปัจจัยภายนอก – การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน (+3.3%) หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน, ตัวเลข CCI มิ.ย.ที่ดีเกินคาดของสหรัฐ (เพิ่มเป็น 121.5 จากที่คาด 116.5) ทำให้ค่าเงิน US$ แข็งขึ้นเล็กน้อย ส่วนการประชุมเฟดรอบ 25-26 ก.ค.นี้ คาดคงดบ.ไว้ที่ 1.25% ก่อน
ปัจจัยในประเทศ – ปัจจัยหลัก คือ ผลประกอบการ 2Q ของ Real sectors ซึ่งจะทยอยออกมาถึงกลางเดือนส.ค., การซื้อดักหุ้นที่จะจ่ายปันผลระหว่างกาลสูง (ซึ่ง 10 หุ้นปันผลระหว่างกาลโดดเด่นใน DBSV Coverage เป็น KKP, BCP, SCC, PTT, TOP, ADVANC, INTUCH, LH, QH, SIRI) กลยุทธ์ : เลือกซื้อรายบริษัท ส่วนหุ้นกลยุทธ์แนะนำวันนี้เป็น BEAUTY
+ KKP : เราปรับให้เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่มธ.พ. เนื่องจากธุรกิจแบงค์มีพัฒนาการดี ธุรกิจตลาดทุนแข็งแกร่ง จ่ายปันผลสูงมากและสูงสุดในกลุ่ม คาดปี 60 จ่ายปันผล 6.00 บาท/หุ้น คิดเป็น Yield 8.8% แนะนำซื้อ ปรับ TP ขึ้นไปอิงกับปี 61 ที่ 78 บาท
+ BEAUTY : เป็นหลักทรัพย์ในกลุ่ม Commerce ที่มี SSSG เป็นบวกได้ใน 2Q60 (คาดไว้ +15% ดีขึ้นจาก 1Q60 ที่ +14.4%) เพราะทำการตลาดได้ดี ลูกค้าจีนรู้จักแบรนด์เป็นอย่างดี มี Economy of scales เมื่อยอดขายเพิ่มขึ้น คาดกำไรปี 60-61 โตแกร่ง 32%/28% แนะซื้อ ให้ TP 14 บาท
- DELTA : กำไร 2Q60 843 ลบ. (-37%YoY, -45%QoQ) เพราะมีค่าภาษีย้อนหลัง 992 ลบ. การด้อยค่าของสต็อก 118 ลบ. แต่ก็มีกำไรจากขายบ.ย่อยและกำไร FX เข้ามาชดเชย 479 ลบ. ด้าน Core profit อยู่ที่ 1.5 พันลบ. (+18%YoY,-6%QoQ) ถือว่าดี บริษัทมีฐานะเป็นเงินสดสุทธิ 1.66 หมื่นลบ. (13.3 บาท/หุ้น) แนะถือ ให้ TP 87 บาท คาด Dividend yield ปีนี้ 3.6% และปี 61 ที่ 3.8%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ ซื้อใหม่เน้นค่าบวก/หรือเมื่อเหนือ 1575 แนวรับ 1570-1560 แนวต้าน 1585,1590-1595 Stop loss เมื่อหลุด 1575 จุด สำหรับการ SCAN หุ้นที่คาดว่าราคาจะทำ New High ได้ พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น TTCL, BEAUTY, JWD, NETBAY ส่วนหุ้นคงที่อยู่ใน List คือ JMART, RJH หุ้นหลุด List เป็น IHL, RCL และหุ้นแนะนำที่ให้หาจังหวะ Take profit คือ WHAUP, BCPG, WICE
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
+ เยอรมนี : ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค.60
Ifo ระบุดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีเพิ่มขึ้นเป็น 116.0 ในเดือนก.ค. สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มจากร 115.2 ในเดือนมิ.ย. ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 114.9 ปัจจัยหนุนคือ อัตราว่างงานลดลงอย่างต่อเนื่องเพราะอุปสงค์ภายในประเทศแข็งแกร่งขึ้น และการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้นก็ช่วยสนับสนุนภาคการผลิตให้เติบโตดีด้วย
+ สหรัฐ : ดัชนี CCI เดือนมิ.ย.เพิ่มเป็น 121.5 ดีกว่าคาดที่ 116.5 & ราคาบ้านเพิ่ม 5.6%YoY
# ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 121.5 ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 116.5
# ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐ +5.6% ในเดือนพ.ค.60
• สหรัฐ : ประชุมเฟด 25-26 ก.ค.นี้...คาดคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.25%
ติดตามการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธที่ 26 ก.ค.ตามเวลาสหรัฐ ตลาดคาดการณ์ว่าคณะกรรมการ FOMC จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ไว้ที่ 1.25% โดยประเมินว่าถ้าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกรอบน่าจะเป็นปลายปี หรือไม่ก็ต้นปี 61 เลย
+ ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดัชนีพุ่งขึ้นรับราคาน้ำมันเพิ่มและกำไรบจ.ใหญ่แข็งแกร่ง
ดัชนี DJIA +100.26 จุด หรือ +0.47% ดัชนี S&P500 +7.22 จุด หรือ +0.29% ดัชนี Nasdaq +1.37 จุด หรือ +0.02% หนุนโดยกำไรที่แกร่งของแคทเธอร์ พิลลาร์, แมคโดนัลด์ คอร์ป, เจเนอรัล มอเตอร์ ฯลฯ การปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่สูงขึ้นในเดือนมิ.ย.
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาพุ่ง 3.3% ตอบรับซาอุฯจะลดการส่งออกน้ำมัน & ไนจีเรียร่วมลดการผลิต
# ราคาน้ำมันดิบได้ปัจจัยหนุนจากซาอุดิอาระเบียให้คำมั่นว่าจะปรับลดการส่งออกน้ำมัน ขณะที่ไนจีเรียประกาศว่าจะเข้าร่วมในข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ด้านคูเวตระบุว่ากลุ่มโอเปกอาจเลื่อนระยะเวลาบรรลุข้อตกลงลดการผลิตออกไปอีกจากปัจจุบันที่กำหนดไว้เป็นสิ้นมี.ค.61 รวมทั้งตลาดคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐมีแนวโน้มลดลงต่อในสัปดาห์ที่แล้ว
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. +1.55 ดอลลาร์ หรือ +3.3% ปิดที่ 47.89 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT +1.60 ดอลลาร์ หรือ +3.3% ปิดที่ 50.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
-/• ภาวะตลาดทองคำ : ราคาอ่อนลงเล็กน้อย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 2.20 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ระดับ 1,252.10 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดรอดูผลประชุมเฟดคืนนี้
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นมีข่าว
+ กลุ่มรับเหมา&วัสดุก่อสร้าง : เร่ง 4 โครงการรถไฟฟ้า 1.5 แสนลบ. & เร่งประมูลสายสีม่วงใต้ต.ค.นี้
กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอโครงการลงทุนรถไฟฟ้าให้ครม.พิจารณาอีก 4 โครงการ วงเงินรวมกว่า 1.5 แสนล้านบาท ประกอบด้วย 1. โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน วงเงิน 1.21 แสนล้านบาท 2. โครงการสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางแค-พุทธมณฑลสาย 4 วงเงิน 2.11 หมื่นล้านบาท 3. โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ส่วนต่อขยาย ช่วงสมุทรปราการ-บางปู วงเงิน 1.37 หมื่นล้านบาท และ 4. โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือส่วนต่อขยายช่วงคูคตลำลูกกา วงเงิน 1.19 หมื่นล้านบาท นอกจากนั้นจะเร่งผลักดันการประมูลสายสีม่วงใต้มูลค่า 1.01 แสนล้านบาทภายในเดือนต.ค.60 หลังจากครม.อนุมัติโครงการแล้ว
- เงินบาทแข็ง 7%YTD รองจากค่าเงินวอนที่แข็งสุด 8%YTD ค่าเงินรูเปียะห์แข็งน้อยสุด 1.2%YTD
นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงินธปท.เปิดเผยว่าตั้งแต่ต้นปี 2560 เงินบาทแข็งค่าประมาณ 7%YTD เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ผลจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสำคัญ รวมทั้งมีเงินไหลเข้ามาซื้อกิจการในประเทศด้วย โดยค่าเงินบาทแข็งค่าเป็นอันดับสองรองจากค่าเงินวอนของเกาหลีใต้ที่แข็งค่าสูงสุดกว่า 8% ดอลลาร์ไต้หวันแข็งขึ้น 6.3% ดอลลาร์สิงคโปร์ 6.0% รูปีอินเดีย 5.5% เยนญี่ปุ่น 5.0% ริงกิตมาเลเซีย 4.8% ค่าเงินหยวนจีน 2.8% รูเปียะห์อินโดนีเซีย 1.2%
+ 5 บริษัทใหญ่ร่วมทุน พยุงราคายางพารา ซึ่งมี STA & TRUBB ด้วย
STA และ TRUBB แจ้ง SET ว่าได้เข้าร่วมกันเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนยางพาราไทยกับอีก 3 บริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งกองทุนมีทุนจดทะเบียน 1,200 ล้านบาท เพื่อกำหนดมาตรการขับเคลื่อนการสร้างเสถียรภาพราคายางพารา
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]