WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TRINIบล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

Today Selection >> PTT, QH, STEC

Stock S R Comment
PTT 382.00 388.00 น้ำมันขึ้น ซาอุลดส่งออก
QH 2.44 2.36 หวัง 2H60 เติบโตจากการเปิดโครงการใหม่อีก 7 โครงการ
STEC 26.00 27.50 ชิงเค้กสีม่วงใต้ 1 แสนล้าน

 

FOMC & EPS revision
FOMC : ติดตามผลการประชุม FOMC ในคืนนี้ ซึ่งเรามีมุมมองเหมือนที่ตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายแต่อย่างใด มองในช่วงถัดไป ประเด็น Fed มีโอกาสเป็นปัจจัย Upside risk ต่อประเทศเกิดใหม่มากกว่า Downside risk หากความยุ่งเหยิงในสภา Congress ของสหรัฐฯยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง จนทำให้การผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษีและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมีแนวโน้มล่าช้าออกไป และอาจทำให้ Fed ตัดสินใจเลื่อนการลดขนาดงบดุล (Balance sheet) ออกไปจากช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
EPS Revision : Update การปรับประมาณการในตลาดหุ้นล่าสุด
1) ระดับประเทศ : ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยถือเป็นตลาดที่ถูกปรับลดประมาณการ EPS ของปีนี้ลงมากที่สุดเป็นอันดับ 3 (-0.85%) เป็นรองเพียงแค่อินโดนีเซียและไต้หวันเท่านั้น จึงเป็นที่มาที่ทำให้ SET Index ยังคงปรับตัว Underperform ดัชนี MSCI Asia Pacific และ MSCI Asia ex. Japan อย่างเห็นได้ชัด โดย 2 ประเทศที่ได้รับการปรับเพิ่มประมาณการมากที่สุดในช่วงเวลาเดียวกันได้แก่ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้


2) ระดับ Sector : สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมใน SET Index ที่ได้รับการปรับเพิ่มประมาณมากที่สุดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาได้แก่กลุ่ม AGRI, MEDIA, TRANS, TOURISM มอง Downside risk ของกลุ่ม AGRI และ MEDIA เริ่มจำกัด หลังจากที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาสวนทางกับประมาณการ EPS ที่ถูกปรับขึ้น
3) ระดับรายบริษัท : ในส่วนของรายหุ้นนั้น หากอ้างอิงสมาชิกในดัชนี SET100 พบว่าหุ้นที่มีการถูกปรับเพิ่มประมาณการในรอบ 1 เดือนมากที่สุดได้แก่ S, DTAC, ITD, THAI, PLANB, SPRC, TOP เมื่อเปรียบเทียบกับ Performance ในช่วงเวลาเดียวกัน พบว่าราคาหุ้นของ S, ITD, THAI, PLANB ยังคง Laggard อยู่ ดังนั้นมองเป็นกลุ่มที่มี Downside risk ต่ำเช่นกัน


กลยุทธ์การลงทุน : คาดการณ์ SET Index ปรับตัว Sideways ต่อไปในกรอบ 1540 - 1600 จุด เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยที่มีแนวโน้มผลักดันดัชนีไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน แนะนำกลยุทธ์ขึ้นขาย-ลงซื้อตามกรอบแนวต้านแนวรับดังกล่าว และถือหุ้นกลุ่มแนะนำต่อไป ได้แก่
1) กลุ่มสาธารณูปโภค เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความผันผวนต่ำและสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในระดับสูง เลือก BCPG และ WHAUP เป็น Top pick ของกลุ่ม จากแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ ส่วนหุ้นที่มี Dividend Yield ในระดับสูงและคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลคือ GLOW, EGCO, RATCH
2) กลุ่มสินค้าและบริการที่จำเป็น ได้แก่ กลุ่ม Consumer staples (CPALL, BJC) และกลุ่ม Healthcare (BCH, CHG) ที่มีแนวโน้มทนทานต่อภาวะเงินเฟ้อต่ำ
3) กลุ่มโรงกลั่น เนื่องจากค่าการกลั่นยังคงอยู่ในระดับสูง (ล่าสุดอยู่ในระดับสูงสุดของปีนี้) และมองว่าตลาดรับรู้ประเด็น Inventory loss ของกลุ่มในไตรมาส 2/60 ไปพอสมควรแล้ว เลือก BCP, SPRC, TOP เนื่องจากคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลในช่วงถัดไป

แนวรับ 1,576 แนวต้าน 1,585

 

บทวิเคราะห์วันนี้
Abosulute Return Update
QH (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.40 บาท) มุ่งหน้าลด Cost ด้วยการเปิด Q.District


นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!