WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRAบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน


ทิศทางตลาด
  Sideway Up? ภายใต้ประเด็นต่างประเทศที่มีสัญญาณเป็นบวกมากขึ้นโดยเฉพาะความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองของสหรัฐฯ คาดลดลง หลังวุฒิสภาของสหรัฐฯ มีมติผ่านร่างกฎหมายประกันสุขภาพ (แม้จะห่างกันเพียง 1 คะแนน) ขณะที่คาดยังต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินนโยบายของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ในการออกเป็นกฎหมาย รวมถึงการปฏิรูปภาษี


โดยยังอยู่ระหว่างรอผลประชุมเฟด (เช้า พฤ.ตามเวลาไทย) คาด
  ในครั้งนี้จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม และคาดไม่มีผลต่อภาพรวมตลาด อย่างไรก็ตามภายใต้แผนลดขนาดงบดุล (ปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 ล้านล้านUSD) คาดเฟดประกาศในเดือนก.ย. นี้ คาดเป็นปัจจัยกดดันและมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ไป
ทางด้านราคาน้ำมัน ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดส่งผลดีต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP หลังการประชุมของ รมต.กระทรวงน้ำมัน ของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน 5 ประเทศ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ยังคงมีความพยายามในการปรับลดปริมาณผลิต เพื่อกระตุ้นราคาน้ำมันให้มีเสถียรภาพ และพร้อมจะขยายระยะเวลาออกไปจากเดิมครบกำหนดมี.ค.’61 หากตลาดยังไม่สมดุล


ทางด้านประเด็นในประเทศ (+) แรงเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q60 / เงินปันผล ถึงกลางเดือนส.ค.
  (+) หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น ITD, CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น ที่คาดได้รับปัจจัยหนุนระยะกลาง – ยาว จากความคืบหน้าที่มีตามลำดับในการทยอยเปิดประมูลโครงการต่างๆ โดยเฉพาะรถไฟทางคู่ เส้นทางหัวหิน – ประจวบฯ ที่จะมีการเปิดซองราคาในวันที่ 27/7/60 นี้
  (+/-) Fund Flow ยังมีความผันผวนจากแรงซื้อ/ขายสุทธิ สลับกัน แนะติดตามค่าเงินบาท ซึ่งยังคงแข็งต่อเนื่องในรอบเกือบ 2 ปี โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 33.42 - 33.44 บาท หลังคาดการณ์เฟดอาจชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากก่อนหน้าคาดเฟดจะพิจารณาขึ้นอีก 1 ครั้งในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ รวมถึงความไม่แน่นอนสถานการณ์การเมืองของสหรัฐฯ และภายใต้เงินบาทที่แข็งค่า คาดส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก

และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น CBG เป็นต้น
  (2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK เป็นต้น ขณะที่แนะจับตา NPL ผ่านจุดสูงสุด?


SET SET50 SET100
1,581.42 +4.69 1,005.53 +4.62 2,256.65 +8.58


ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +100.26, NASDAQ +1.36, S&P +7.22, FTSE +57.09, CAC +33.38 และ DAX +55.36
โดย S&P500 และ Nasdaq ปิดทำ New High ต่อเนื่อง ภายใต้ปัจจัยบวกจาก (1) ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่และดีกว่าคาด เช่น แคทเธอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ และแมคโดนัลด์ เป็นต้น รวมถึงเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ เช่นกัน และ (2) ตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ทั้งดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค – มิ.ย. อยู่ที่ 121.5 ดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 116.5 และ ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศ – พ.ค. เพิ่มขึ้น 5.6%
ขณะที่อยู่ระหว่างการประชุมเฟด (ผลการประชุมเช้าวัน พฤ. ตามเวลาไทย) โดยคาดครั้งนี้คงอัตราดอกเบี้ย หลังปรับขึ้น 0.25% สู่ระดับ 1.00-1.25% เมื่อการประชุมเมื่อ 13 – 14/6/60 ที่ผ่านมา


  ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยบวก (1) ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี – ก.ค.ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ระดับ 116.0 หลังเศรษฐกิจของเยอรมนีเติบโตแข็งแกร่งมาตั้งแต่ต้นปี อัตราว่างงานลดลงอย่างต่อเนื่อง จากแรงหนุนของอุปสงค์ภายในประเทศ ในขณะเดียวกันการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น ช่วยสนับสนุนภาคการผลิตให้เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และ (2) กรีซสามารถระดมทุนได้สูงถึง 3 พันล้านยูโร จากการจำหน่ายพันธบัตรเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี โดยความต้องการมากกว่ามูลค่าที่เสนอขายถึง 2 เท่า


P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.38 1.91 3.06
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 46,193.66
สถาบัน +3,176.70
บัญชีหลักทรัพย์ -1,168.29
ต่างประเทศ -1,607.01
ในประเทศ -401.39

  (3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
  (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
  (5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชนที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น
  (6) กลุ่มพลังงาน เช่น TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
  (7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น MONO, WORK
  (8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AOT

ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.07 อยู่ที่ 2.33%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) ทรงตัว อยู่ที่ 9.43

 

หุ้นแนะนำ : CK
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร. 02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!