WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily

 

ภาพตลาดวันวาน
  ดัชนีเปิดตลาดยืนบวกเล็กน้อย แกว่งตัวแคบ ๆ สลับขึ้นลงอยู่ทั้งในแดนบวกและลบ โดยเป็นแรงต้านกันระหว่างแรงซื้อจากหุ้นในกลุ่มขนส่ง อสังหาฯ ขณะที่มีแรงขายจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน แบงก์และสื่อสาร โดยตลาดหันมาเน้นการเก็งกำไรจากกลุ่ม Warrant มากขึ้น มีจุดต่ำสุดของวันที่ 1574.71 จุด ลดลง 1.14 จุด ก่อนที่จะทำจุดสูงสุดในช่วงบ่ายที่ 1578.96 จุด เพิ่มขึ้น 3.11 จุด กรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันอยู่ 4.25 จุด ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1575.28 จุด ลดลง 0.57 จุด (-0.04%) มูลค่าการซื้อขาย 41,763 ล้านบาท

 

ภาพตลาดวันนี้
  ดัชนีวานนี้มีความพยายามไปต่อด้วยการแกว่งตัวแคบ ๆ ทั้งวันเพียงแค่ 4 จุด ในลักษณะยก Low ขึ้นสูงกว่าวันก่อนหน้า และมีความพยายามยืน 1574 จุด ก่อนที่จะทำปิดที่ 1575 จุด ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า ทำให้มีมุมมองเดิมที่ดัชนียังคงแกว่งตัวแคบ ๆ ที่ยังไม่ผ่าน 1580 จุด แนวรับ 1570-1573 จุด แนวต้าน 1578-1580 จุด

   แกว่งตัวผันผวน - แกว่งตัวในกรอบแคบ คาดติด 1580 จุด
   Support 1570 // 1560 จุด Resistance 1580 // 1590 จุด

พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell

 

"เล่นแบบถนอมตัว รอให้ผ่านวันหยุดไปก่อน"
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯ มีแนวโน้มอ่อนตัวลง ... จากผลประกอบการของธนาคารใหญ่ที่ต่ำกว่าตลาดคาด (หลักๆ มาจากผลของการตั้งสำรอง EARTH) ขณะที่มีความคลุมเครือในเรื่องการพิจารณาเรื่อง QE ของทั้งสหรัฐฯและยุโรป ส่งผลให้การซื้อขายในวันสุดท้ายน่าจะชะลอตัวลง ... ตัวเลขส่งออกของไทยที่ออกมาดี เป็นบวกต่อตลาด แต่ในแง่ของราคาหุ้นกลุ่มนี้ หลายตัวเป็นลบจากการแข็งค่าของเงินบาทและราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวลง จึงเป็นบวกต่อหุ้นเพียงบางตัว .... ตัวแปรที่ต้องติดตามในระหว่างวันจะเป็นตัวเลขเงินสำรองทางการของ ธปท.
กลยุทธ์การลงทุน : ปัจจัยบวกต่อตลาดที่ยังมีไม่มากพอ ..... ภาพรวมๆ เราปรับมาเป็น "ถือ" ...... การเข้าซื้อขายยังเป็นการสลับตัวเล่น (Switching) เน้นเก็งกำไรช่วงสั้นๆ หรือหุ้นที่มี Flow เข้า รวมทั้งหุ้นที่เก็งงบ 2Q
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ BANPU ,ERW , SPRC*, CPALL


หุ้นแนะนำเชิงเทคนิค : TASCO, VNT, TAKUNI
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์


บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(0) BBL ผลการดำเนินงานยังได้รับแรงกดดันจาก NPLs ที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
(+) RJH คาดกำไรปกติ 2Q17 เติบโตดี มีสัดส่วนผู้ป่วยประกันสังคมเกินครึ่งหนุนครึ่งปีหลัง
(0) SCB กำไรสุทธิ 2Q17 ไม่หวือหวาใกล้เคียงกับ 1Q17


ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (20 ก.ค.) ปิดที่ระดับ 1,575.28 จุด ลดลง 0.57 จุด หรือ -0.04% มูลค่าการซื้อขาย 41,763.05 ล้านบาท ตลาดได้รับแรงกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์หลัง KBANK และ KTB ประกาศงบไตรมาส 2 ออกมาต่ำกว่าคาด และนักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุนรอผลการประชุม ECB
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 21,611.78 จุด ลดลง 28.97 จุด หรือ -0.13% จากแรงเทขายหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังบริษัทเซียร์ส โฮลดิ้งส์ หุ้นค้าปลีกขนาดใหญ่ของสหรัฐ จับมือเป็นพันธมิตรกับอเมซอน ด้าน ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง -0.4% ปิดที่ระดับ 384.07 จุด จากที่ประชุม ECB มีการส่งสัญญาณการลดวงเงิน QE
ECB คงดอกเบี้ยนโยบายตามคาด แต่มีการส่งสัญญาณการลด QE ในอนาคต ที่ประชุม ECB เมื่อคืนที่ผ่านมามีการคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0% ไว้ตามที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้ โดย ECB ได้ส่งสัญญาณการปรับวงเงิน QE ในเดือนก.ย. ส่งผลให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์ .... ด้านนโยบาย Healthcare ของทรัมป์ยังคงเป็นปัจจัยกดตลาดอยู่ แม้จะเริ่มเห็นการออกมาแสดงความไม่พอใจของทรัมป์
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง คาดทรงตัวที่ระดับ 45 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 33 เซนต์ หรือ -0.7% ปิดที่ 46.79 ดอลลาร์/บาร์เรล แม้สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะต่ำลงแต่ด้านการผลิตของ OPEC ยังคงสูงอยู่.... เรายังคงมองราคาน้ำมันดิบจะทรงตัวที่ระดับราวๆ 45 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีแนวต้านที่ 50 เหรียญต่อบาร์เรล ไปจนถึงการประชุมระหว่างรัสเซียและ OPEC ในวันที่ 24 ก.ค. นี้
ภาพเศรษฐกิจในประเทศยังคงเป็นบวก ผลประกอบการไตรมาส 2 ของแบงก์เป็นตัวกดตลาด วานนี้ กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน มิ.ย.60 โดยส่งออกขยายตัว 11.7% มากกว่าตลาดคาดว่าจะขยายตัว 7.9% โดยตลาดส่งออกที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมและเกษตร ...... การประกาศผลการดำเนินงานของกลุ่มแบงก์ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังคงเป็นตัวกดตลาดไว้อยู่ เช้านี้ SCB รายงานผลประกอบการที่ 1.19 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.26 หมื่นล้านบาท


Fund Flow Analysis & Sector Rotation
Fund flow………. ตลาดหุ้นเอเซียตัวเลข net buy แค่อินเดีย แต่ส่วนใหญ่เป็น net sell ไม่มากนักในวันที่ผ่านมา วันนี้ อาจเปลี่ยนได้ตามการประเมิน QE หลัง ECB แถลงไปวานนี้ ขณะที่เงินบางส่วนไหลเข้าตลาดพันธบัตร
ภาพใหญ่ๆข้างนอก ตลาดคาด ECB จะประกาศนโยบาย QE ใหม่ เดือน ก.ย. คือแค่ลดวงเงินซื้อลงหลังครบอายุโครงการปัจจุบันเดือน ธ.ค.นี้ รวมทั้งยังคาด Fed จะประกาศนโยบาย QE ในช่วงเวลาเดียวกัน คือเดือน ก.ย. หรืออย่างเร็วก็ในงานสัมมนานโยบายเศรษฐกิจที่ Jackson Hold 24-26 ส.ค. นี้ ตัวแปรหนึ่งที่อาจทำให้ธนาคารกลางทั้งสองต้องคิดมาก คือสถานภาพของประธานาธิบดี Trump ที่สั่นคลอน ทั้งจากการออกกฎมายด้านสุภาพไม่ได้และการถูกตรวจสอบการทำธุรกรรมของประธานาธิบดีท่านนี้ ..... ตลาดกลับมาสู่ความอึมครึมอีกครั้ง
วันนี้ ตลาดน่าจะแผ่วลงจากที่เป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ที่อาจไม่มีใครอยากถือหุ้นข้ามวันหยุด เพราะสุดสัปดาห์นี้ OPEC จะประชุมกับรัสเซีย เรื่องการใช้กำลังการผลิตน้ำมัน และ FOMC ประชุมสัปดาห์หน้า (26) .... การลงทุนจึงเน้นถนอมตัวไว้ก่อน หรือ เลือกเล่นสั้นๆ ในหุ้นที่มี Flow เข้า ที่เราแนะนำแบบนี้ เพราะหุ้นที่เล่นว มีการ switching หรือเปลี่ยนกลุ่มเปลี่ยนตัวเกือบทุกวัน


ตัวเลขส่งออก เดือน มิ.ย. ดีด้วยกลุ่มเดิมๆ คืออาหารแช่แข็ง(+12%) อีเล็คทรอนิคส์ (+19%) ขณะที่รถยนต์-รถเพื่อการพาณิชย์ส่งออกลดลงถ้วนหน้า ......ยอดเกินดุลเดือน มิ.ย. $1.9 พันล้านเหรียญ ทำให้การส่งออกกลายเป็นตัวช่วย GDP ตัวสำคัญของปีนี้ แต่หนุนเงินบาทให้แข็งค่าต่อ ในแง่ราคาหุ้นกลุ่มส่งออกจึงถูก offset ด้วยเงินบาท ที่แข็งค่าขึ้น ยกเว้นบางตัวที่มีปริมาณขายที่สูงขึ้นชดเชยผลลบของค่าเงิน ตัวที่เรามองเป็นบวก จะเป็น GFPT , HTECH , HANA และ JWD ที่โตตามการส่งออกอาหารแช่แข็งของไทย
กำไรหุ้นธนาคารที่ออกมาต่ำกว่าตลาดคาดถึง 10% หรือ 4 พันลบ. หลักๆมาจากการตั้งสำรองหนี้ของ EARTH อาจฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารให้ปรับตัวลงมากกว่าที่เราคาด และ SET Index ลงไปด้วย ประเมินอาจมีการสลับตัวเล่นใน commodity


หุ้นพลังงาน-ปิโตรฯ เรายังชอบหุ้นสายอะโรเมติกส์ หรือโรงกลั่นฯอย่าง SPRC และ ESSO รวมไปถึง BANPU ที่ราคาถ่านหินจะแตะ $87 เหรียญ สูงขึ้นตามราคาเหล็ก ขณะที่หุ้นกลุ่มโรงแรม-สายการบิน ถูกดันขึ้นมาเล่นต่อ เราชอบ BA ที่ราคาลงมาลึก และโรงแรมในประเทศ ERW ที่บวกจากลูกค้าจีนที่คาดว่าจะมากขึ้น
หุ้นเล่นตามข่าวรายตัว หรือหุ้นจ่ายปันผลในอัตราสูง เราคาดว่า นักลงทุนจะเข้ามาลงทุนในหุ้นที่ประกาศจ่ายเงินปันผลกลางปี เราให้ความสนใจกับ SPRC และ LH ที่ Bloomberg survey ระบุ Dividend Yield 6.7% ทั้งคู่ อัตราการจ่ายเงินปันผลคาดปีนี้ @1.02 และ @0.66 บาท ตามลำดับ

 

Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
BANPU(ราคาดปิด 16.50) ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นมาถึง $87.6 เหรียญ ตามราคาเหล็กในตลาดโลก .... เรามองในช่วงก่อนหน้านี้ราคาลงมามาก ด้านคดีความที่เกี่ยวข้องกับโรงไฟฟ้าระบุในหมายเหตุประกอบงบการเงินว่า คดีความจะตัดสินภายใน 3-5 ปี (ปี 2017-2019) ซึ่งจริงๆ ยังไม่มีใครออกมายินยันในเรื่องดังกล่าว และศาลยังไม่มีการตัดสินด้วย............ คาด BANPU จะมีแนวโน้มกำไรใน 2Q17 เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด เหตุผลหลักมาจากฐานราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย $52 ต่อตันใน 2Q16 เพิ่มขึ้นเป็น $79 ต่อตัน ประเมินกำไร 2,718 ล้านบาท (+864.5% YoY, 89.4% QoQ), …….. คาดกำไรสุทธิปี 2017 ของ BANPU ที่ 9,692 ล้านบาท (+477.9% YoY) ….. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 23.00 บาท)

ERW(ราคาดปิด 5.40) ภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน) พบว่า รายได้ท่องเที่ยวจากต่างชาติเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 8.52 แสนล้านบาท หรือเติบโต 5.61% ... แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q17 จะดีขึ้น YoY ได้ต่อเนื่อง จากการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว และจำนวนโรงแรมที่เปิดให้บริการที่มากขึ้น ... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 5.70 บาท)

SPRC*(ราคาดปิด 15.10) SPRC มีหน่วยกลั่นน้ำมันกำลังการกลั่น 165 kbd …. ผลการดำเนินงานออกมาดีจากค่าการกลั่นน้ำมันที่สูง โดยเฉพาะที่มาจาก spread ของน้ำมันเบนซิน เนื่องจาก SPRC ผลิตและขายน้ำมันชนิดนี้ ถึง 25% (TOP ผลิตส่วนที่เป็น Light 26% แต่ขายน้ำมันเบนซิน 16% ที่เหลือเข้าโรงงาน aromatics) ……… ค่าการกลั่นน้ำมัน ณ 1Q-17 SPRC รายงานที่ $7.98 เห รียญ จากการคำนวณโดยใช้ราคาตลาดจาก Bloomberg ค่าการกลั่นฯ 2Q จะต่ำกว่า 1Q เล็กน้อย แต่ 3Q หรือไตรมาสที่กำลังดำเนินอยู่ สูงขึ้นจาก 1Q และ 2Q ……… อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงาน 2Q อาจมีผลจากการหยุดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นบางหน่วยและผลขาดทุนจากการลดลงของราคาน้ำมันดิบใน Stock เข้ามาในงบฯ ……. SPRC เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนด้านเงินปันผลที่สูงตัวหนึ่งของตลาด ผลสำรวจ Bloomberg ระบุ ปีนี้ จะจ่ายเงินปันผลในอัตรา @1.0 บาท คิดเป็น Dividend Yield 6.8% พิจารณาจาการจ่ายเงินปันผลปีก่อน จะมีการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในเดือน ส.ค. ... ….. (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 14.42 บาท)
Source: KTBST Research

 

ประเด็นสำคัญ : ข่าวและหุ้น
เศรษฐกิจสหรัฐ - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 15,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 233,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. ซึ่งในเดือนดังกล่าวมีจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานเพียง 227,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.1973
เศรษฐกิจยุโรป - ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จัดการประชุมนโยบายการเงิน โดยที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเงินยูโรพลิกดีดตัวขึ้น หลังจากร่วงลงในช่วงแรก โดยได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งส่งสัญญาณการหารือปรับวงเงิน QE ในเดือนก.ย.
เศรษฐกิจอังกฤษ - สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) ระบุว่า ยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักรมีการขยายตัว 0.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือนมิ.ย.
เศรษฐกิจไทย - กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน มิ.ย.60 การส่งออก มีมูลค่า 20,282 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 11.7% จากตลาดคาดโต 7.9-8.2% ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 18,365 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 13.7% ส่งผลให้ดุลการค้า มิ.ย. เกินดุล 1,917 ล้านเหรียญสหรัฐฯ


โรงพยาบาล - นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถในการประชุมครั้งที่ 2/2560 เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2560 ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบตามที่คณะอนุกรรมการเพื่อศึกษามาตรฐานกลางและจำนวนเงินค่ารักษาพยาบาลเพื่อผู้ประสบภัยจากรถ เสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขบัญชีอัตราค่ารักษาพยาบาล เป็นผลให้มีการออกประกาศคณะกรรมการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เรื่อง มาตรฐานกลางของรายการและจำนวนเงินค่ารักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลที่บริษัทประกันภัย หรือกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยต้องจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 และประกาศฯดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2560


การบิน - นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า วันนี้สายการบินไทยสมายล์ และสายการบินไทย ไลอ้อนแอร์ ได้รับมอบใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ (AOC) เป็นสายการบินรายที่ 7 และ 8
SGP - ลั่นผลงานครึ่งปีหลังโต รับไฮซีซั่นราคาก๊าซฯ พุ่ง ฟุ้งไตรมาส 3/60 เริ่มบุ๊คกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่เมียนมา ขนาด 230 MW มั่นใจปีนี้ปริมาณการขาย LPG เพิ่มขึ้นเป็น 3.20 ล้านตัน ดันรายได้ทั้งปีแตะ 60,000 ล้านบาท(ข่าวหุ้น)
COL - ร่วงแรง 12.99% หลังแจ้งขายหุ้น "เซ็นเนอร์จี อินโนเวชั่น" 99.99% ให้ "ห้างเซ็นทรัลดีพาทเมนท์สโตร์" มูลค่า 22.72 ล้านบาท เพื่อยุติการทำธุรกิจออนไลน์แบบ B2Cข่าวหุ้น)


PSH - คงเป้ารายได้ปีนี้โต 50,200 ล้านบาท เหตุครึ่งปีหลังจ่อโอนคอนโดสร้างเสร็จอีก 4 โครงการ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท ส่วนครึ่งปีแรกโชว์ยอดขายพุ่ง 27,000 ล้านบาท ลุ้นสิ้นปีนี้ทะลุเป้า 52,900 ล้านบาท เล็งเปิดใหม่อีก 35 โครงการ มูลค่ากว่า 39,000 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีหลัง(ข่าวหุ้น)
SR - รับข่าวดี ส่งบริษัทลูกเข้าถือหุ้น "ทีเคเอส เวนเชอร์" คว้างานโครงการก่อสร้าง-บริหารอาคารจอดรถโรงพยาบาล สัญญาสัมปทานยาว 30 ปี มั่นใจช่วยหนุนบริษัทโตแกร่งในอนาคต(ข่าวหุ้น)
SMIT - สดใส ชี้ยอดขายเพิ่มขึ้น หลังลูกค้าเดิมสั่งออเดอร์ใหม่เพื่อขยายฐาน บิ๊ก "พฤทธิ์ สรญาณธนาวุธ" มั่นใจงบครึ่งปีหลังโตฉลุย เชื่อบิ๊กโปรเจ็กต์ภาครัฐ-EEC สนับสนุนการลงทุนใหม่ๆ ทำให้บริษัทมีโอกาสได้ออเดอร์เพิ่มขึ้น เร่งปั๊มฐานลูกค้าทะลุ 2,000 ราย มั่นใจรายได้เข้าเป้า 10% ด้าน "งานชุบแข็งชิ้นส่วนเครื่องบิน" เขย่างบโตแรงในอนาคตทันหุ้น)
BANPU - อัดฉีดงบครึ่งปีหลัง 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลุยลงทุนเชลล์แก๊ส-โรงไฟฟ้า-เหมืองถ่านหิน พร้อมเตรียมปรับแผนลงทุน 5 ปี ฟากโบรกส่องแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/2560 ฟื้นตัวเด่นตามราคาถ่านหิน แนะ "ซื้อ" เคาะเป้าหมาย 20 บาท (ทันหุ้น)
AOT - แรงเข้าตาโบรก ส่องผลงานปีนี้ยังติดลมบน แถมยังเดินหน้าขยายการลงทุนต่อเนื่อง ประเมินกำไรปกติระยะยาวเติบโต 16% ต่อปี (CAGSs) มาจากการเติบโตจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหนุนรายได้หลัก แนะ "ซื้อ" เต็มใจอัพเป้าหมายใหม่ 58 บาท (ทันหุ้น)
PRIN - เด่นเข้าตาโบรกเกอร์ หลังทิศทางยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น ปรับประมาณการปีนี้และปีหน้าเพิ่มดีขึ้น จากเดิมในอัตรา 14%/17% ตามลำดับ จึงยังผลให้กำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าเพิ่มขึ้นได้ในอัตราที่สูง 24% แนะ "ซื้อ" เป้า 1.76 บาท(ทันหุ้น)
JWD - ยังคงมุมมองบวกต่อธุรกิจ ศักยภาพระยะยาวดี และราคาหุ้นที่น่าสนใจจึงคงแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 10.20 บาท ประเมินแผนขยายตลาดใน-นอก หนุนอนาคตไปไกล(ทันหุ้น)

Analyst : Mongkol Puangpetra +662 648 1123 [email protected]
Nontapat Rushtasomboon +662 648 1127 [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!