- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 20 July 2017 16:11
- Hits: 16674
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ปรับขึ้นในกรอบจำกัด? คาดมีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ แต่คาดเป็นไปอย่างจำกัด ภายใต้ที่ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ หลักๆ ยังอยู่ในช่วงของประกาศผลการดำเนินงานของ บจ. ขณะที่ยังถูกดดันจากประเด็นความไม่แน่นอน (1) ทางการเมืองของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายของ ปธน.ทรัมป์ ตามที่เคยหาเสียงไว้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงมาตรการปฏิรูปภาษีและ (2) การประชุมธนาคารกลางยุโรป –ECB ในวันนี้ (20/7/60) โดยเฉพาะการส่งสัญญาณการปรับลดวงเงิน QE? เช่นเดียวกับเฟดที่คาดจะประกาศลดงบดุล (ปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 ล้านล้านUSD) ในเดือนก.ย. นี้
อย่างไรก็ตามคาดยังได้รับ Sentiement ที่เป็นบวก โดยเฉพาะประเด็นที่เฟดอาจพิจารณาชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ล่าสุดคาดมีโอกาส 50 : 50 ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. และคาดไม่ถึง 2 ครั้งในปี’61 จากก่อนหน้าคาดเฟดจะพิจารณาขึ้น 4 ครั้งในปี’61
ทางด้านราคาน้ำมัน ยังคงมีความผันผวน ภายใต้ความพยายามของกลุ่มประเทศโอเปกที่จะลดปริมาณผลิตน้ำมันลง เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน แต่สวนทางกับตัวเลขการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ที่ยังเพิ่มต่อเนื่อง ซึ่งภาพรวมยังส่งผลต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน + /- ตามราคาน้ำมัน ขณะที่แนะติดตามการประชุมของ รมต.กระทรวงน้ำมัน ของประเทศผู้ผลิตน้ำมันทั้งโอเปกและนอกโอเปก ในวันที่ 24/7/60 ซึ่งคาดมีการหารือการปรับลดการผลิตของลิเบียและไนจีเรีย ที่ก่อนหน้าได้รับการยกเว้น
ทางด้านประเด็นในประเทศ (+) แรงเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q60 / เงินปันผล ถึงกลางเดือนส.ค. อย่างไรก็ตามแนะระวังแรงขายทำกำไร (Sell on Fact) หุ้นกลุ่มธนาคารหลังประกาศงบ 2Q/60
(+)หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น ITD, CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น ที่คาดได้รับปัจจัยหนุนระยะกลาง – ยาว จากความคืบหน้าที่มีตามลำดับในการทยอยเปิดประมูลโครงการต่างๆ โดยเฉพาะรถไฟทางคู่ เส้นทางหัวหิน – ประจวบฯ ที่จะมีการเปิดซองราคาในวันที่ 27/7/60 นี้
ขณะที่ (+/-) Fund Flow ยังมีความผันผวนจากแรงซื้อ/ขายสุทธิ สลับกัน แนะติดตามค่าเงินบาท ซึ่งยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าในรอบกว่า 2 ปี โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 33.59 - 33.62 บาท หลังคาดการณ์เฟดอาจชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากก่อนหน้าคาดเฟดจะพิจารณาขึ้นอีก 1 ครั้งในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ และภายใต้เงินบาทที่แข็งค่า คาดส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก
SET SET50 SET100
1,575.85 +4.33 1,000.22 +3.97 2,246.87 +8.27
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +66.02, NASDAQ +40.74, S&P +13.22, FTSE +40.69, CAC +42.80 และ DAX +21.66 โดย DJIA, S&P500 และ Nasdaq ปิดทำ New High ภายใต้ปัจจัยบวก (1) หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เช่น แอปเปิล เฟซบุ๊กและซิสโก ซิสเต็มส์ ที่ปรับเพิ่มขึ้น (2) ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์ โดยใน 2Q/60 มีกำไรต่อหุ้นที่ 0.87USD และรายได้ 9,500 พันล้านUSD ดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 0.76USD/หุ้น และ 9,090 พันล้านUSD ตามลำดับ และ (3) ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้าน – มิ.ย. เพิ่มขึ้น 8.3%MoM อยู่ที่ 1.22 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่ก.พ. ที่ผ่านมา และดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1.16 ล้านยูนิต
อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด หลังได้รับปัจจัยกดดันจาก ผลประกอบการของอินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส แมชชีน - IBM ใน 2Q/60 ที่ยอดขายปรับลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 21 อยู่ที่ 1.93 หมื่นล้านUSD
ขณะที่อยู่ระหว่างติดตามความคืบหน้าในความพยายามของปธน.ทรัมป์ในการผลักดันร่างกฎหมายประกันสุขภาพให้ผ่านวุฒิสภา ที่คาดมีการพิจารณาสัปดาห์หน้า
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงบริษัทอีเลคโทรลักซ์ เอบี ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ระดับโลก ขณะที่อยู่ระหว่างรอการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ (20/7/60) รวมทั้งถ้อยแถลงของนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ซึ่งจะมีขึ้นภายหลังการประชุม
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.32 1.91 3.07
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 36,282.82
สถาบัน -250.06
บัญชีหลักทรัพย์ -57.07
ต่างประเทศ -120.6
ในประเทศ 427.74
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น CBG เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK เป็นต้น ขณะที่แนะจับตา NPL ผ่านจุดสูงสุด?
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
(5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชน ที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น
(6) กลุ่มพลังงาน เช่น TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น MONO, WORK
(8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.01 อยู่ที่ 2.27%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.10 อยู่ที่ 9.79
หุ้นแนะนำ : BR
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร. 02-684-8788