WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

'Follow Buy ค่าบวก/หรืออ่อนที่ 1560-1550'

• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี


  ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET Index ปิดลบเล็กน้อย (-2.57 จุดที่ 1571.52) แม้มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี กลุ่มท่องเที่ยว แต่แรงขายหุ้นแบงค์ใหญ่ก็มากและกดตลาดให้ปิดลดลง สถาบันในประเทศขายสุทธิ 5.3 พันลบ. ต่างชาติและรายย่อยซื้อสุทธิกลุ่มละ 2.3 พันลบ. พอร์ตบล.ซื้อสุทธิ 650 กว่าลบ.


  ประเด็นสำคัญวันนี้ : ปัจจัยภายนอก – ค่าเงิน US$ อ่อนหนุนราคาน้ำมัน & ทองคำขยับขึ้น และข่าวที่ว่าซาอุฯจะลดส่งออกน้ำมันลง 1 ล้านบาร์เรล/วันก็ช่วยหนุนด้วย ส่วนตลาดหุ้นอยู่ในช่วงเก็งผลกำไร 2Q60 ปัจจัยที่จับตา คือ การโหวตร่างกม.ประกันสุขภาพฉบับใหม่, ผลประชุม 5 ชาติโอเปกว่าจะมีมาตรการกระตุ้นราคาน้ำมันเพิ่มหรือไม่, ผลประชุมเฟด 25-26 ก.ค. ซึ่งเรา&ตลาดคาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ก่อน
  ปัจจัยภายใน – เงินบาทแข็งกดดันหุ้นส่งออก โดยเฉพาะอิเลคทรอนิกส์ แต่ HANA ยืนยันว่ายอดสั่งซื้อยังคงแข็งแกร่งและรายได้รูป US$ เติบโตได้ดี การอ่อนตัวจึงเป็นจังหวะซื้อสะสม (ทาง DBSV ให้ TP 58 บาท) ส่วนปัจจัยติดตามต่อ คือ รายงานกำไร 2Q กลุ่มแบงค์และ NPL
  + MINT : คาดกำไร 2Q60 โตดี 15-18%YoY แต่ลดลง QoQ เพราะปัจจัยฤดูกาล โดยธุรกิจโรงแรมมี RevPar เพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลักทั้งในไทย โปรตุเกส และบราซิล โรงแรมที่อาฟริกาฟื้นดีขึ้น ส่วนธุรกิจอาหารมี SSSG ติดลบใน 2Q แต่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ลดลงช่วยชดเชยระยะยาวไปได้ดี คาดกำไรปี 60-61 บวก 23% และ 16% แนะนำซื้อ ให้ TP 46 บาท
  + TCAP : รายงานกำไร 2Q60 ตามคาด โดย +14%YoY และ 5%QoQ) สินเชื่อ 2Q60 โตที่ +1.9%QoQ,+0.6%YTD ด้าน NPL ratio ลดลงต่อเป็นไตรมาสที่ 11 สู่ 2.26% ในสิ้น 2Q60 ส่วน Coverage ratio 143% อยู่ในเกณฑ์ดี แนะซื้อ ให้ TP 53 บาท (อิง P/BV เพียง 1X)
  • UTP : กำลังการผลิตใหม่เริ่มทยอยเข้ามา แต่ก็ล่าช้ากว่าที่เคยประเมินไว้ ต้นทุนถ่านหินสูงขึ้นหลัง EARTH หยุดจัดส่งให้แล้วต้องไปซื้อรายอื่นแทน ปรับลดคาดการณ์กำไรปี 60-61 ลง 19% และ 16% สะท้อนยอดขายที่โตน้อยกว่าคาด & มาร์จิ้นที่จะถูกกดดันจากกำลังการผลิตใหม่ในเวียดนาม แต่ยังคงคำแนะนำซื้อ ส่วน TP ปรับลงเป็น 8 บาท (เดิม 9.5 บาท)
  กลยุทธ์การลงทุน : เลือกซื้อและปรับพอร์ตเป็นระยะช่วงตลาด Sideways ส่วนหุ้นกลยุทธ์พื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนกลาง-ยาววันนี้เป็น MINT
  การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบ ซื้อใหม่เน้นค่าบวก แนวรับ 1560-1550 แนวต้าน 1575-1580, 1590 Stop loss เมื่อหลุด 1570 จุด สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดี เน้นซื้อตามด้วยค่าบวก ได้แก่ AOT, ASIAN, CPF, MINT, PTT, MC, ECL, SVOA เป็นต้น


ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
- อังกฤษ : เงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ลดลงเป็น 2.6% สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่ม
  สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษ +2.6%YoY ในเดือนมิ.ย.ลดลงจาก 2.9%YoY เมื่อเดือนก่อนหน้า ซึ่งตลาดประเมินว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเป็น 3%YoY
+ จีน : การปฏิรูปโครงสร้างด้านอุปทานเริ่มส่งผลดีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
  นายหยาน เผิงเฉิง โฆษกคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) เปิดเผยว่าการปฏิรูปโครงสร้างด้านอุปทานของจีนอย่างต่อเนื่องกำลังส่งผลดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ +22.7%YoY ในช่วง 5M60 ด้าน PMI ภาคการผลิตเพิ่มเป็น 51.7 ในเดือนมิ.ย.และ PMI ภาคบริการสูงขึ้นเป็น 54.9 บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเติบโตดี ส่วน GDP Growth ในงวด 1Q และ 2Q ปีนี้โตได้ 6.9%YoY ทั้งสองไตรมาสซึ่งดีกว่าคาด


• ยูโรโซน : ยอดเกินดุลการค้าลดลงสู่ 2.14 หมื่นล้านยูโรในเดือนพ.ค.
  สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่ายูโรโซนมีตัวเลขเกินดุลการค้า 2.14 หมื่นล้านยูโรในเดือนพ.ค. ลดลงจาก 2.34 หมื่นล้านยูโรในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้มูลค่าส่งออก +12.9%YoY ในเดือนพ.ค. ส่วนนำเข้าเพิ่ม 16.4%YoY
• ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : กังวลร่างกม.ประกันสุขภาพล่าช้า แต่หุ้นเทคโนโลยียังแกร่งและช่วยพยุงตลาด
  หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงหลังเปิดเผยรายได้จากการซื้อขายตราสารหนี้และรายได้จากธุรกิจเทรดดิ้งที่ปรับตัวลดลงอย่างมาก หุ้นกลุ่มประกันสุขภาพลดลงเพราะกังวลความล่าช้าของการออกกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ของทรัมป์ แต่การปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหนุนดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดทำนิวไฮ หลังจากบริษัทเน็ทฟลิกซ์เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ดัชนี DJIA ปิด -54.99 จุด หรือ -0.25% ดัชนี S&P500 ปิด +1.47 จุด หรือ +0.06% และดัชนี Nasdaq ปิด +29.87 จุด หรือ +0.47%
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ขยับขึ้นเพราะมีข่าวว่าซาอุดิอาระเบียเตรียมลดส่งออกน้ำมัน
  มีรายงานข่าวว่าซาอุดิอาระเบียกำลังพิจารณาปรับลดการส่งออกน้ำมันลงอีก 1 ล้านบาร์เรล/วัน ทำให้ Sentiment ตลาดน้ำมันดีขึ้น ปิดตลาดสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. +38 เซนต์ หรือ +0.8% ปิดที่ 46.40 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนก.ย. +42 เซนต์ หรือ +0.9% ปิดที่ 48.84 ดอลลาร์/บาร์เรล


+/- ดัชนีค่าเงิน US$ อ่อน/บาทแข็ง
  ค่าเงิน US$ อ่อนลงหลังเงินเฟ้อสหรัฐยังต่ำ และเฟดไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ราคาทองปิดบวก 0.7%
  สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 8.2 ดอลลาร์ หรือ 0.66% ปิดที่ระดับ 1,241.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.


ปัจจัยในประเทศ และหุ้นเด่น
+ คสช.เห็นชอบใช้ ม.44 ปลดล็อคใช้ที่ดิน ส.ป.ก.ผลิตปิโตรเลียม-เหมืองแร่-วางกังหันลม
  ที่ประชุมคสช.และครม.มีมติเห็นชอบให้ใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ในการปลดล็อกให้ 3 กิจการที่ได้ดำเนินการไปแล้วบนที่ดินของ ส.ป.ก. ให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ประกอบด้วย 1.การสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 2.การวางกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้า และ 3.การทำเหมืองแร่ แต่ในส่วนที่กำลังจะขออนุญาตใหม่นั้นจะพิจารณาเป็นกรณีไปซึ่งต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ว่าโครงการสอดคล้องกับยุทธศาตร์ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรวมทั้งต้องกำหนดชัดเจนว่าจะนำค่าตอบแทนที่ได้จากการใช้ที่ดินนี้ไปใช้ในการสาธารณประโยชน์ กำหนดเงื่อนไขการทำ CSR ให้ชัดเจน และกำหนดแผนการฟื้นฟูที่ดินเป็นระยะด้วย


• PTT : เปิดขายซองประมูลงานท่อก๊าซเส้นที่ 5 ส่วน 2 ช่วงส.ค.นี้...ITD-NWR-TRC จ่อซื้อซอง
  แหล่งข่าวจาก บมจ.ปตท.(PTT) คาดว่าบริษัทจะเปิดขายซองประมูลงานโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก เส้นที่ 5 ส่วนที่ 2 มูลค่างานราว 1 หมื่นล้านบาทในช่วงเดือน ส.ค.นี้ และคาดว่าจะสรุปผลการประมูลได้ภายในปี 61 สำหรับบจ.ที่สนใจร่วมประมูล คือ ITD, NWR, TRC และมีบ.ต่างชาติด้วย เช่น China Petroleum Pipeline Bureau, Langfang Huayuan Mechanical& Engineering Co.,Ltd, McConnell Dowell Constructors Thai Ltd., Quanta Services Australia, Sinopec International Petroleum Service Corporation เป็นต้น ส่วนงานเส้นที่ 1 มูลค่า 1 หมื่นล้านบาทได้เปิดประมูลไปแล้วรอสรุปผล
+ MINT (ราคาปิด 41.25 บาท) : คาดกำไร 2Q60F เติบโตดี 15-18%YoY
  • กำไร 2Q60F เติบโตได้เป็นเลขสองหลักที่ 15-18% YoY แต่จะอ่อนลงกว่า 60%QoQ เพราะปัจจัยฤดูกาล (ไตรมาส 2 เป็น Low season ของธุรกิจท่องเที่ยว) แต่การที่กำไรเติบโตได้ดี YoY ก็บ่งชี้ว่าธุรกิจโดยรวมยังคงแข็งแกร่ง
  • ในไตรมาส 2/60 รายได้ธุรกิจอาหาร (ราว 60% ของรายได้รวม) ชะลอตัว โดยร้านอาหารในไทยมี SSSG ติดลบ (จาก +1.3% ในไตรมาส 1/60) แต่ได้รับการชดเชยจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาดลดลงและมาร์จิ้นดีขึ้น ยังผลให้กำไรจากธุรกิจนี้ไม่ได้อ่อนแองลงมากนัก
  • ธุรกิจโรงแรมยังไปได้ดี โดย RevPar โรงแรมในไทยปรับขึ้น 10%YoY ส่วนในโปรตุเกสและบราซิลเพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลักเช่นกัน โรงแรมในอาฟริกาฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวทำให้คาดการณ์ว่ากำไรจากธุรกิจโรงแรมในไตรมาส 2/60 จะเติบโตดีเมื่อเทียบ YoY
  • แนวโน้มระยะยาวดี จากการที่บริษัทพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง และมีการกระจายความเสี่ยงในตัวธุรกิจ และในด้านทำเลยที่ตั้งของธุรกิจที่ดี ความเสี่ยง คือ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน การบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวช้า และปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ คือ โรคระบาด ภัยพิบัติต่างๆ ความขัดแย้งทางการเมืองเป็นต้น
  • แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 46 บาท (วิธี DCF) ทั้งนี้คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 60-61 จะเติบโตสูงที่ 23% และ 16% ตามลำดับ

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!