- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 19 August 2014 16:42
- Hits: 2404
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Test 1550
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งในกรอบแคบ ปิดลบเล็กน้อย 4.26 จุด มาอยู่ที่ 1,542.36 จุด มูลค่าการซื้อขายลดลงเหลือ 40,285 ล้านบาท
ด้านเงินทุนต่างชาติชะลอต่อเนื่อ ขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 983 ล้านบาท แต่ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 1,302 สัญญา และกลับมาซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 2,016 ล้านบาท
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ MBKET ประเมินแกว่งในกรอบแคบระหว่าง 1,540-1,550 จุด ทั้งนี้ Downside risk ยังคงจำกัด แนวรับบริเวณ 1,535-1,540 จุด จะยังทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานการลงทุนของตลาดหุ้นไทยเป็นกลางถึงบวก หลังตัวเลข GDP ใน 2Q57 ขยายตัวดีกว่าที่ตลาดคาด ภาพรวมใน 2H57 เศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโต 3.2-4.0% สะท้อนกลับมายังผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดใน 1H57 ไป แล้ว
ในช่วงสั้นต่างชาติอาจชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพื่อสำรองเงินสดสำหรับการจ่ายเงินเพิ่มทุนให้แก่ TRUE เริ่มชำระวันที่ 22-28 ส.ค.นี้ ขณะที่การชี้แจงถึงแผน Roadmap ของคสช.ต่อกองทุนต่างชาติ 25 แห่งในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีแนวโน้มจะเรียกความเชื่อมั่นต่อการลงทุนได้เป็นอย่างดี เพียงแต่รอจังหวะของการลงทุนเท่านั้น
ช่วงสั้นกลุ่มธนาคารจะมีความโดดเด่น เพราะจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลประกาศเงินปันผลงวด 1H57 ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.นี้เป็นต้นไป จะเป็นตัวแปรช่วยประคองภาพ SET INDEX นอกเหนือไปจากเม็ดเงินทุนใหม่จากกองทุน Trigger Funds
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ทยอยสะสมหุ้นที่ได้ประเด็นบวกจากแผนการลงทุนของ คสช.ทั้งที่บรรจุในงบประมาณปี 2558 และแผนระยะยาว 8 ปี”
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” AAV/ BBL
Portfolio Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC / TRUE
HOLD: SPALI/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK
Speculative buy: AAV/ BBL
Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังคงปิดยืนเหนือ 1,540 จุด
SET INDEX วันนี้ ยังคงแกว่งในกรอบแคบเช่นเดิม พร้อมกับมูลค่าการซื้อขาย เฉลี่ย 4.0 หมื่นล้านบาท/วัน
คาดหุ้นหลักในกลุ่มธนาคารจะเป็นปัจจัยจำกัด Downside risk ของตลาดหุ้นไทในช่วงนี้
ดังนั้นกลยุทธ์ ทยอยสะสมหุ้นหลัก / หุ้นที่มีประเด็นเชิงบวก หาก SET INDEX ย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ แกว่งตัวในกรอบแคบ เพราะขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน เช่นเดียวกับปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับตลาดหุ้นไทยวานนี้ แกว่งในกรอบ 1,540-1,550 จุด เช่นเดียวกับปลายสัปดาห์ก่อนที่ผ่านมา แม้ว่า GDP ใน 2Q57 ของไทยขยายตัว 0.4% yoy ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก็ตาม แต่ด้วยบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียที่ไม่ชัดเจน บวกกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่ชะลอตัว ทำให้ SET INDEX ยังไม่ผ่าน 1,550 จุด ปิดย่อตัวเล็กน้อย 4.26 จุด ปิดที่ 1,542.36 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,285 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกแรงสุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่ม Packaging +2.91%, กลุ่ม Professional +1.75% และกลุ่ม Home +1.46% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร +0.03%, กลุ่มพลังงาน -0.37% และ กลุ่มอสังหาฯ -0.19%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.43 น.) เช้านี้ Nikkei-Kospi เปิดบวกเด่น อาจเป็นผลจากค่าเงินที่อ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อีกทั้ง DJIA ที่ปิดบวกเด่นคืนวานนี้
MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 5 แม้ว่า SET INDEX จะแกว่งในกรอบแคบมาตลอด 3 วันทำการที่ผ่านมา ระหว่างกรอบ 1,540-1,550 จุด เนื่องจาก
•เงินทุนต่างชาติ และนักลงทุนภายในประเทศ ต่างชะลอการลงทุน เพื่อสำรองเงินสำหรับการจ่ายเงินเพิ่มทุน TRUE ในวันที่ 22-28 ส.ค.นี้
•หุ้นหลักกลุ่มธนาคาร เริ่มทยอยประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 1H57 ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค. อาจกลายเป็นประเด็นที่ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารแข็งแกว่งกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทย
•ภาวะการลงทุนรอบเอเชียที่ขาดปัจจัยการลงทุนใหม่
อย่างไรก็ตาม MBKET คงภาพ SET INDEX รอบนี้ จะขยับขึ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,550-1,560 จุด และมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะทะลุผ่านไต่ระดับขึ้นสู่แนวต้านถัดไปบริเวณ 1,580-1,600 จุด ด้วยปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุนในระลอกใหม่นี้ได้แก่
•เม็ดเงินทุนใหม่จากกองทุน Trigger Funds: ปิดการขายในสัปดาห์แรกของเดือนส.ค. ระดมเงินทุนได้ราว 5.0 พันล้านบาท
•พัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศจากนี้ไป จะเป็นตัวกำหนดทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่ง MBKET เชื่อว่าต่างชาติจะกลับมามั่นใจและจัดสรรเงินลงทุนในตลาดหุ้นไทยในเร็วๆ นี้ จาก
oร่างงบประมาณปี 2558 ได้ผ่านวาระที่ 1 วานนี้ ขั้นตอนถัดไปตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อพิจารณา และนำเสนอต่อสนช. เพื่อพิจารณาวาระที่ 2-3 ตามลำดับ วันที่ 17-18 ก.ย. คาดว่าจะสามารถนำงบประมาณปี 2558 ใช้ได้ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้
oคาดการประชุส สนช. วันที่ 21 ส.ค. จะมีการนำเสนอชื่อ หรือหากเสนอไม่ทัน ประธานสภาฯ ยืนยัน ประเด็นนี้จะสรุปภายในสิ้นเดือนส.ค.
oการยกเลิกกฎอัยการศึก ซึ่งกองทุนบางประเภทถูกจำกัดการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นๆ
oแผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ต้องสรุปรายละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แหล่งที่มาของเงินทุนที่ใช้สนับสนุนแผนการลงทุนดังกล่าว เพื่อนำเสนอต่อ คสช. เพื่อพิจารณาในรายละเอียด ภายในสิ้นเดือนส.ค. หลัง คสช.อนุมัติในหลักการไปตั้งแต่ปลายเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
oตัวเลข GDP ใน 2Q57 ขยายตัว 0.4% yoy ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ 0.0% yoy แม้ว่า สศค.จะปรับลดเป้าหมาย GDP ปีนี้ลงเป็น 1.50-2.00% เท่ากับว่า เศรษฐกิจไทยใน 2H57 จะเติบโตถึง 3.2-4.0% สะท้อนกลับมายังผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวในอัตราเร่งเช่นกัน
การแกว่งตัวออกด้านข้างของ SET INDEX ในช่วง 2-4 วันนี้ คาดว่าเป็นเพียงการพักฐานช่วงสั้น เพื่อกลับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,550-1,560 จุด ซึ่งนั่นเท่ากับว่า การแกว่งออกด้านข้างของ SET INDEX กลายเป็นโอกาสของการทยอยสะสม เน้นหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะเป็นจุดสำคัญ รวมถึงหุ้นหลักที่จะได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายงบประมาณปี 2558 ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร (KTB/BBL), กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK), กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (TPIPL), กลุ่มงานวางระบบไอที (SAMTEL / AIT) รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึก (AAV/ AOT)
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.พัฒนาการทางการเมืองที่เดินหน้า เข้าสู่ระยะที่ 2 ของ คสช: คาดเดือนก.ย.จะเข้าสู่ระยะที่ 2 เต็มตัว ซึ่งพัฒนาการทางการเมืองจากนี้ไปถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ
•สนช.ผ่านร่างงบประมาณปี 2558 วาระที่ 1 วานนี้แล้ว สนช.ตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อศึกษาร่างฯ ดังกล่าว เพื่อนำมาพิจารณาในวาระที่ 2-3 ตามลำดับต่อไป วันที่ 17-18 ก.ย. คาดว่าการใช้งบประมาณประจำปี 2558 จะทันเวลาที่ 1 ต.ค.
•วันที่ 21 ส.ค. คาดว่าสนช. พิจารณานายกรัฐมนตรี หรืออย่างช้าไม่เกินสิ้นเดือนส.ค.
•การพิจารณายกเลิก กฎอัยการศึก เพื่อการเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
2.การปรับดัชนี MSCI รายไตรมาสรอบนี้: สำหรับ MSCI Thailand พบว่า
•เพิ่ม: ไม่มี
•ออก: GJS, GSTEL
ทั้งนี้มีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดวันที่ 29 ส.ค.
3.มูลค่าการซื้อขายชะลอตัวช่วงสั้น: คาดว่าผลของการสำรองเงินเพื่อจ่ายเงินเพิ่มทุนให้แก่ TRUE ในวันที่ 22-28 ส.ค. สำหรับผู้ถือหุ้นเดิมของ TRUE ที่ได้รับสิทธิ์ ทำให้มูลค่าการซื้อขายในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มชะลอตัวจากประเด็นดังกล่าว
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.55 13.49 15.56 13.53
PSE 19.79 17.13 19.74 17.10
JSE 16.74 14.30 16.69 14.26
KOSPI 10.53 9.17 N.A. N.A.
TAIEX 14.70 13.65 14.77 13.73
Straits Time 14.65 13.48 14.61 13.44
SH
OMP 8.85 7.85 8.80 7.80
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.AAV : ราคาปิด 4.60 บาท ราคาเหมาะสม 5.20 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มสายการบินจะได้อานิสงค์เชิงบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง หลังสถานการณ์ในยูเครนเริ่มคลายตัว และ QTD ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง -8.5% เหลือ US$96.41
b)ทิศทางผลประกอบการ 3Q57 คาดว่าจะพลิกกลับเป็นกำไรสุทธิ จากแรงหนุนทั้งการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวในประเทศตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ และนักท่องเที่ยวต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากจีน หลัง คสช.ออกมาตรการยกเว้นค่าวีซ่าระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 1 ส.ค. – 31 ต.ค.
c)โดย Loading Factor เดือน ก.ค.เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับ 81% และคาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องในเดือน ส.ค. – ก.ย. และ 4Q57 ได้อานิสงค์จากการเข้าสู่ High Season ของธุรกิจท่องเที่ยว
d)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +231% yoy เป็น 1,671 ล้านบาท เติบโตสูงที่สุดในหุ้นกลุ่มสายการบิน และซื้อขายที่ PBV 2558 เพียง 0.84 เท่า จึงให้เป็น Top pick ของกลุ่มสายการบิน
2.BBL : ราคาปิด 202.00 บาท ราคาเหมาะสม 205.00 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะ Outperform ตลาดได้ในช่วงที่เหลือของเดือน ส.ค. เนื่องจากเป็นกลุ่มหลักที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังวานนี้ GDP 2Q57 เติบโต +0.4% yoy และ +0.9% qoq ออกมาดีกว่าคาดการณ์ของตลาด
b)หุ้นกลุ่มธนาคารจะเริ่มทยอยประกาศเงินปันผล 1H57 ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.เป็นต้นไป โดยคาดการณ์เงินปันผล 1H57 ของ BBL หุ้นละ 2.00 บาท
c)และคาดว่าตัวเลขสินเชื่อเดือน ก.ค. ที่จะรายงานในสัปดาห์นี้ จะเป็นอีกปัจจัยบวกต่อราคาหุ้น เนื่องจากคาดว่าจะเห็นการเร่งตัวขึ้น mom ของสินเชื่อในทุกส่วนได้แก่ สินเชื่อภาคธุรกิจ, SME และรายย่อย
d)Valuation ค่อนข้างถูก โดยซื้อขายระดับ PBV 2558 เพียง 1.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV ของ 5 ธนาคารใหญ่ที่ 1.7 เท่า และจุดเด่นของ BBL คือคุณภาพของสินทรัพย์ เนื่องจากมี Coverage Ratio สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิเล็กน้อย US$2.6 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 23.2 45.3 11,103.1 9,188.0
KOSPI -0.1 N.A. 7,729.4 4,875.1
JSE 7.5 -165.2 4,852.6 -1,806.4
PSE -0.7 -11.6 1,025.2 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -1.7 -1.9 219.4 263.2
SET INDEX -30.8 -15.1 -812.6 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติชะลอการลงทุนในไทย
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -983 -575
SET50 Index Futures (สัญญา) +1,302 -6,795
SSF (สัญญา) +854 +1,456
Metal Futures (สัญญา) -1,384 -72
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +2,016 -1,122
นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 983 ล้านบาท รวม 3 วันทำการขายสุทธิ 2,037 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิ 27,028 ล้านบาท
แต่นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 1,302 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 2,484 สัญญา คาดว่าเป็นการเพิ่มสถานะ Long ใน SET50 Index Futures แม้ว่า S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบเพียง 3.14 จุด ก็ตาม เป็นสัญญาณที่น่าติดตามอย่างใกล้ชิด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 4 อีก 1,384 สัญญา รวม 4 วันทำการ Short สุทธิ 2,143 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 2,443 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long สุทธิเกือบทั้งหมด หลังราคาทองคำแกว่งในกรอบแคบ
ด้านตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 2,016 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 2,228 ล้านบาท โดยเป็นการเข้าสะสมพันธบัตรอายุ 10 ปีของไทย ผลตอบแทนลดลง 0.10bps ปิดที่ 3.537%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เท่ากับ 351 ล้านบาท ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้าที่ 353 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
CK 45.50 5.28% 26.48
KBANK 34.17 5.15% 225.53
JAS 27.92 1.48% 6.31
GLOBAL 24.75 27.32% 13.32
PTT 23.38 5.42% 334.00
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 เน้นกลุ่ม Domestic play
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีก 684 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 761 ล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิ 4,371 ล้านบาท เป็นที่น่าสังเกตว่า การซื้อสุทธิกระจุกตัวในกลุ่มธนาคาร และกลุ่มที่อยู่อาศัย สอดคล้องกับ GDP ที่รายงานออกมาดีกว่าคาด สรุปภาพการลงทุนได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิสูงสุด 325 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 278 ล้านบาท กลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 181 ล้านบาท และ กลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 69 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มโรงพยาบาล ขายสุทธิสูงสุด 123 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มค้าปลีก ขายสุทธิ 59 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
LH 333.32 27.89 BGH -108.05 10.04
JAS 161.58 8.76 KBANK -61.78 40.69
KTB 148.11 21.28 PTTGC -52.62 11.12
SCB 136.85 8.35 STPI -44.52 6.46
AOT 92.87 23.25 CPF -35.37 3.95
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong