- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 18 July 2017 17:09
- Hits: 13370
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
Sideway? แต่คาดยังมีความผันผวน แม้ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ และคาดหลักๆ อยู่ระหว่างรอการประกาศผลการดำเนินงานของ บจ. อย่างไรก็ตามคาดยังได้รับ Sentiement ที่เป็นบวก โดยเฉพาะประเด็นที่เฟดอาจพิจารณาชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดของสหรัฐฯ ยังซบเซา ทำให้คาดมีโอกาส 50 : 50 ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. และคาดไม่ถึง 2 ครั้งในปี’61 จากก่อนหน้าคาดเฟดจะพิจารณาขึ้น 4 ครั้งในปี’61 แต่ (-) ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง หลังตัวเลขการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มเพิ่มต่อเนื่อง สวนทางกับโอเปกที่พยายามจะลดปริมาณผลิตน้ำมันลง เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน ซึ่งคาดส่งผลต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน และการลงทุนแนะเพียงการเก็งกำไรตามราคาน้ำมัน +/- ขณะที่แนะติดตามการประชุมของ รมต.กระทรวงน้ำมัน ของประเทศผู้ผลิตน้ำมันทั้งโอเปกและนอกโอเปก ในวันที่ 24/7/60 ซึ่งคาดมีการหารือการปรับลดการผลิตของลิเบียและไนจีเรีย ที่ก่อนหน้าได้รับการยกเว้น
ทางด้านประเด็นในประเทศ (+) แรงเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q60 / เงินปันผล เริ่มจากกลุ่มธนาคาร ในสัปดาห์นี้ หลังจากนั้นเป็นกลุ่ม Real Sector ถึงกลางเดือนส.ค. ขณะที่คาดกลุ่มหุ้นที่ผลประกอบการ 2Q/60 ดีต่อเนื่อง เช่น TOP, MTLS และ WORK เป็นต้น
รวมถึงหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น ITD, CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น ที่คาดได้รับปัจจัยหนุนระยะกลาง – ยาว จากความคืบหน้าที่มีตามลำดับในการทยอยเปิดประมูลโครงการต่างๆ โดยเฉพาะรถไฟทางคู่ เส้นทางหัวหิน – ประจวบฯ ที่จะมีการเปิดซองราคาในวันที่ 27/7/60 นี้
ขณะที่ (+/-) Fund Flow ยังมีความผันผวนจากแรงซื้อ/ขายสุทธิ สลับกัน แนะติดตามค่าเงินบาท ซึ่งเช้านี้ยังคงแข็งค่าสุดในรอบกว่า 2 ปี โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 33.56 - 33.58 บาท หลังคาดการณ์เฟดอาจชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากก่อนหน้าคาดเฟดจะพิจารณาขึ้นอีก 1 ครั้งในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ และภายใต้เงินบาทที่แข็งค่า คาดส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น CBG เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK เป็นต้น ขณะที่แนะจับตา NPL ผ่านจุดสูงสุด?
SET SET50 SET100
1,574.09 -3.70 996.76 -2.54 2,240.80 -5.90
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดต่างประเทศ DJIA -8.02, NASDAQ +1.97, S&P -0.13, FTSE +25.74, CAC -5.14 และ DAX -44.56
ภายใต้การซื้อขายที่เป็นไปอย่างซบเซา โดยอยู่ระหว่างรอการประกาศผลประกอบการในสัปดาห์นี้ เช่น โกลด์แมน แซคส์ ไมโครซอฟต์ อีเบย์ แบงก์ ออฟ อเมริกา เจเนอรัล อิเล็กทริค และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เป็นต้น
ขณะที่ได้รับปัจจัยกดดันจากหุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพ หลังนายมิทช์ แมคคอนเนล แกนนำวุฒิสภาของสหรัฐฯ ประกาศเลื่อนการลงคะแนนเสียงร่างกฎหมายประกันสุขภาพออกไป เนื่องจากนายจอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันต้องพักรักษาตัว
ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าว ผ่านสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อพ.ค. ที่ผ่านมา ด้วยคะแนน 217-213 เสียง และจะถูกนำมาบังคับใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์ของรัฐบาลชุดก่อน หากผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา
ทางด้านเฟด สาขานิวยอร์ก เปิดเผย ดัชนีภาคการผลิต – ก.ค. อยู่ที่ 9.8 ขยายตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน แต่ในอัตราที่ชะลอตัวลงอย่างมาก จาก 19.8 เมื่อมิ.ย. จากคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงานที่ลดลง
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยจากตัวเลขเ GDP – 2Q/60 ของจีน ขยายตัว 6.9% ซึ่งสูงกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6.8% และดีกว่าสูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่คาดอยู่ที่ 6.5%
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. -US$0.52 อยู่ที่US$46.02 ต่อบาร์เรล หลัง EIA คาดการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ – ส.ค. เพิ่มขึ้น 113,000 บาร์เรล/วัน อยู่ที่ 5.585 ล้านบาร์เรล/วัน
ขณะที่เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ เปิดเผยจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมัน ล่าสุด เพิ่มขึ้น 2 แท่น อยู่ที่ 765 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่เม.ย.’58
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.29 1.89 3.09
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 31,690.08
สถาบัน -481.17
บัญชีหลักทรัพย์ +45.14
ต่างประเทศ -566.91
ในประเทศ +1,002.94
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
(5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชนที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น
(6) กลุ่มพลังงาน เช่น TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น MONO, WORK
(8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 2.31%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.31 อยู่ที่ 9.82
หุ้นแนะนำ : LIT
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร. 02-684-8788