- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 17 July 2017 17:54
- Hits: 2729
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
วันนี้คาดดัชนี Sideways แนวรับ 1,570 จุด ต้าน 1,582 จุด
สัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นไทยฟื้นขึ้นทดสอบ 1,585 จุด ตามคาด เป็นผลจาก (1) แถลงการณ์ประธานเฟดต่อสภาครองเกรส สะท้อนการขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และการลดงบดุลฯไม่ได้เร่งรีบอย่างที่ตลาดวิตก ล่าสุด Bloomberg consensus ลดโอกาสเฟดขึ้นดอกเบี้ยเดือน ธค. เหลือ 43% จากเมื่อเดือน พค. Probability อยู่ที่ 86% (2) กำไรที่ดีกว่าตลาดคาดของหุ้น TISCO DTACคาดสัปดาห์นี้ดัชนีฯหุ้นไทยยัง Sideways up ต่อได้ (แนวรับ 1,570/1,565 จุด แนวต้าน 1,585/1,590จุด) โดยคาด Downside ขาลงดัชนีฯจะจำกัด พิจารณาจาก งบ บจ.ขนาดใหญ่ ที่จะประกาศรอบนี้ เช่นPTTEP SCC SCB BBL เราคาดมีโอกาสน้อยที่ Consensus จะปรับกำไรลงหลังงบออก เช่น PTTEPตลาดคาดกำไรทั้งปี ที่ 2.4-2.5 หมื่นลบ. แต่กำไรครึ่งปีแรก 1.78 หมื่นลบ. คิดเป็น 72% ของคาดการณ์ทั้งปี 2017 แล้ว คิดว่ากำไรที่เหลือของปีไม่น่าจะพลาดไปจากนี้ ยกเว้นน้ำมันจะลงไป $30/บาร์เรล
ขณะที่แบงก์ใหญ่อย่าง BBL SCB จะมีสินเชื่อก่อสร้างโครงการ รถไฟฟ้าสายสีชมพู และเหลือง ของกลุ่ม BSR เพิ่มเข้ามา ทำให้เป้าหมายสินเชื่อไม่น่าจะพลาดเป้าทั้งปี เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังจะมีการประกาศเงินปันผลระหว่างกาลช่วยหนุน เช่น SCC PTTEP ที่จะให้ผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ย 2%คาดกลุ่ม Outperform ตลาดระยะสัปดาห์ สินค้าโภคภัณฑ์เกษตร (KSL BRR เอทานอล) คาดเล่นLaggard ตามราคาน้ำมันดิบที่รีบาวด์ขึ้นมาในรอบนี้, กลุ่มโรงไฟฟ้า (EGCO RATCH GLOW GPSC)คาดรับเม็ดเงินลงทุนที่ต้องการพักไว้เพื่อรอปันผล และหลบความเสี่ยงจากตลาดที่อาจผันผวนตามผลประกอบการ, COM7 JMART คาดขึ้นรับข่าว APPLE store จะเปิดร้าน Flagship store ในไทย ส่งผลยอดขายผลิตภัณฑ์ APPLE ในประเทศเพิ่มขึ้น จากการรุกงบการตลาดในประเทศไทย คาดงบโฆษณาที่เพิ่มขึ้น เป็น Sentiment บวกกับกลุ่ม Outdoor media PLANB VGI
หุ้นแนะนำวันนี้
JMART (แนวรับ 12.9 บ. ต้าน 13.5 บ. Stop loss 12.5 บ.) ดูรายงานวันนี้
HTECH (แนวรับ 9.7 บ. ต้าน 10.5 บ. Stop loss 9.5 บ.)
รายงานวันนี้
กลุ่มสื่อ: OOH and digital TV buck downtrend
เม็ดเงินโฆษณาโดยรวมในเดือน มิ.ย. ชะลอตัว YoY และ MoM สื่อหลักที่เม็ดเงินปรับตัวลงค่อนข้างเยอะ คือ สื่อสิ่งพิมพ์ และทีวีอะนาล๊อก เนื่องจากภาพเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวและฝนที่ตกหนัก เรามองว่าภาพเม็ดเงินโฆษณาโดยรวมใน 3Q17 จะไม่ต่างจาก 2Q17 คือชะลอตัวลงราว 13-14% YoY จากปัจจัยด้านเศรษฐกิจและฝนที่ยังคงตกอยู่ เรามองการฟื้นตัวของม็ดเงินโฆษณาจะเกิดขึ้นในช่วง 4Q17ที่ 15-18% YoY จากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว และคาดจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางภาครัฐเข้ามาการฟื้นตัวคาดจะต่อเนื่องไปใน 1Q18 จากฐานที่ต่ำใน 1Q17 เช่นเดียวกัน (ผลกระทบต่อเนื่องจากช่วงไว้อาลัย) จากภาพภาวะเม็ดเงินโฆษณาที่เกิดขึ้น เราเลือก WORK (มีเรตติ้งสูง เป็นเป้าหมายในการลงโฆษณา เมื่อเม็ดเงินกลับมา), RS (มีธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมความงามช่วยหนุนในภาวะเม็ดเงินโฆษณาชะลอตัว) และ PLANB (เม็ดเงินในสื่อนอกบ้านปรับตัวลดลงน้อยกว่ากลุ่มอื่น)
GPSC: Time to take profits; switch to BPP!การปรับขึ้นค่า Ft ในช่วงที่ผ่านมาช่วยหนุนการดำเนินงานของผู้ประกอบการ SPP และ Ft มีโอกาสที่จะถูกปรับขึ้นอีกในการปรับครั้งต่อไป ดังนั้นเรามีการปรับประมาณการกำไรของ GPSC ขึ้น 1.6% มาที่ 3.2พันล้านบาท และปรับราคาเป้าหมายขึ้น 1.3% มาที่ 38.50 บาท (จาก 38 บาท) อย่างไรก็ตามราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมามีการปรับตัวขึ้นไปกว่า 19% ซึ่งคาดสะท้อนข่าวดีเรื่องการปรับขึ้น Ft ไปแล้ว และปรับตัวขึ้นมาเกินราคาเป้าหมายของเรา เราแนะนำให้ทำกำไร และ Switch ไป BPP ซึ่งคาดกำไร 2Q17จะเติบโตได้ดี +21% YoY +54% QoQ และคาดมีการจ่ายปันผลระหว่างกาล DPS 0.43 บาท และPER ยังคงอยู่ที่ 17.4 เท่า (เทียบกับ GPSC ที่ 18.7 เท่า) เราปรับคำแนะนำ GPSC ลงจาก ซื้อ เป็น ถือ
JMART Research Tactical Idea
กลยุทธ์แนะนำ 'ซื้อ' JMART คาดราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นใน 30 วัน จากปัจจัยหนุน 1) กำไร 2Q17เติบโตโดดเด่น โดยเราคาดที่ 125 ล้านบาท เติบโต 23%YoY นับเป็นหุ้นที่เติบโตสูงในกลุ่มค้าปลีก 2)Laggard play: 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น JMT ปรับตัวขึ้นมาราว 30-35% คำนวนจาก NAV ที่เพิ่มสูงขึ้น คาดราคาหุ้น JMART ควรปรับตัวขึ้นถึง 17-20% ในขณะที่ JMART ขึ้นมาเพียง 6% เท่านั้น 3)Valuation catch up คาดราคาหุ้นจะ Re-Rate P/E ขึ้นเทียบเท่ากลุ่มค้าปลีก/สินเชื่อบุคคล ที่เทรด P/E25-30 เท่า ปัจจุบันหุ้นเทรด P/E เพียง 18.5 เท่า
BEAUTY: Record profit expected for 2Q17 (and new recordsthrough 2H17)คาดกำไร 2Q17 ที่ 215 ล้านบาท เติบโต 55%YoY และ 8%QoQ โดยคาด SSSG สูงในระดับ 14.4%จากยอดขายในประเทศและลูกค้าทัวร์จีน และการประหยัดต่อขนาดหนุนให้มาร์จิ้นมีการขยายตัวขึ้น จากแนวโน้มความต้องการสินค้าในประเทศที่มากกว่าคาด เราปรับกำไรขึ้น 3%, 6%, และ 4% ในปี 2017-19 ตามลำดับ และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 13.30 (เดิม 12.80) คงแนะนำ ซื้อ
กลุ่มบ้านฯ: Strong 2Q17 recovery in the cards
บริษัทในกลุ่มฯ ที่เรา cover อยู่ คาดจะมียอด presales ที่แข็งแกร่งใน 2Q17 ที่ 7.1 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 67% YoY และ 84% QoQ นำโดย ANAN และ AP นอกจากนี้เราคาดกำไรรวมของกลุ่มอยู่ที่7.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 35%QoQ (แต่ลดลง YoY เพราะปีที่แล้วมีมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ) กำไรที่เติบโตนำโดย AP, LH และ SIRI คาดโต 17%, 4% และ 14% YoY ตามลำดับ นอกจากนี้หลังงบประกาศเราคาดจะมีการประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล โดยเราคาด LH จะจ่ายสูงสุดที่ 3.5% (simple yield)
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(+) COM7 JMART: ข่าว APPLE เปิด Flagship store ในประเทศไทย APPLEจะเข้ามาลงทุนเพื่อกระตุ้นยอดขาย และสร้าง Brands loyalty พร้อมกับงบโฆษณาจำนวนมหาศาล และในทุกประเทศที่ APPLE ไปตั้งร้าน Flagship store จะมียอดขายสินค้า APPLE ในประเทศนั้นๆเพิ่มขึ้น
ถึง 30% โดยเฉลี่ยCOM7 JMART เป็น Authorized dealer รายใหญ่ของ APPLE ในประเทศไทย ที่มีจุดแข็งในการกระจายสินค้าไปยังทุกภูมิภาคของประเทศ และมีฐานลูกค้าในมือ ทำให้เรามองว่า ไม่มีความเสี่ยงที่APPLE จะยกเลิกสัญญา แล้วไปลงทุนเรียนรู้ตลาดเอง และสร้างเครือข่ายในการจัส่ง-กระจายสินค้าเองAPPLE เป็นสินค้าที่มีมาตรฐานเดียวกันหมด เราไม่คิดว่าการเปิด Flagship store แล้ว จะทำให้เกิดการเดินทางเข้ามายัง APPLE Store เพื่อซื้อสินค้ามาตรฐานเดียวกัน ในราคาที่เท่ากัน ดังนั้น Dealer ที่มีฐานลูกค้า และ ศูนย์กระจายสินค้าจึงเป็นความสำคัญที่ APPLE ยังต้องพึ่งพิงเพื่อเพิ่มยอดขายAction: ถ้าราคาหุ้นลงเพราะความเข้าใจผิด เรื่อง APPLE มาเปิดร้าน Flagship store ในประเทศไทยแล้วจะกระทบส่วนแบ่งตลาด เราแนะนำ เป็นโอกาสในการซื้อหุ้น COM7 (Target price 14.5 Bt) และJMART (Target price 16 Bt) เพราะในทางตรงข้าม เราคาดว่ายอดขายสินค้า APPLE ในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ เหมือนเช่นกรณีศึกษาในต่างประเทศที่ APPLE เข้าเปิดร้าน Flagship store
(+) GSTEL กลุ่มเอสเอสจี เกาะเคย์แมน กลืนจี สตีล ถือหุ้น 76% แปลงหนี้เป็น ทุน 4,276 ล้านบาท แลกปลดล็อกหนี้ หมื่นล้าน / น.ส.สุนทรียา วงศ์ศิริกุล กรรมการบริษัท จี สตีล (GSTEL) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท วันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา มีมติขายหุ้นเพิ่มทุนให้บุคคลในวงจำกัด และขายผู้ถือหุ้นเดิม โดยจะเพิ่มทุน 2.77 หมื่นล้านหุ้น (พาร์ 5 บาท/หุ้น) จัดสรรให้เอเชีย เครดิต ออฟเพอร์ทูนิตี้หรือ ACOI จำนวน 2.18 หมื่นล้านหุ้น ที่ราคา 0.1961 บาท/หุ้น เพื่อชำระหนี้การค้า 4,276 ล้านบาทตามโครงการแปลงหนี้เป็นทุน (ที่มา โพส์ตทูเดย์)
(+) กลุ่มโรงแรมสายการบิน 6 เดือนแรกปี 2560 (ม.ค.-มิ.ย.) ไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 1.37 ล้านล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 6% ซึ่งถือว่าเกินเป้าหมายครึ่งปีที่วางไว้ คือเกิน 53% ของรายได้ทั้งปีที่กำหนดไว้ 2.6 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวไทย 500,000 ล้านบาทและรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 876,000 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยประมาณ 17.33 ล้านคน เฉลี่ยเดือนละ 2.8 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนสร้างรายได้ให้กับประเทศมากที่สุด รวม 241,247 ล้านบาท ตามมาด้วยรัสเซีย รายได้ 56,000 ล้านบาท และมาเลเซียรายได้
46,000 ล้านบาท (ที่มาไทยรัฐ)
(+) กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งเป้า5ปีโรงงานในไทยใช้หุ่นยนต์ 50% เตรียมสรุปแพ็คเกจส่งเสริมอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ 18 ก.ค.นี้ คาดดัน 3 มาตรการส่งเสริม ลดภาษีโรงงานลงทุนเทคโนโลยีหุ่นยนต์ เพิ่มสิทธิพิเศษบีโอไอสูงสุด เว้นภาษี 8 ปีไม่จำกัดวงเงิน คาด ปี 2561 ลงทุนอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ไม่ ต่ำกว่า 1.2 หมื่นล้าน ขณะบีโอไอระบุอนุมัติเอกชนลงทุนแล้ว 16 โครงการ 1.4 พันล้านหุ่นยนต์โลกบูมชดเชยแรงงาน 9 ปีโต 3 เท่าตัว หุ่นยนต์ส่วนใหญ่ถูกส่งไปยังโรงงานต่างๆ ทั่วโลก เพื่อนำไปผลิตเครื่องจักร เช่น รถยนต์ แล็ปท็อป และเครื่องล้างจาน (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แถลงการณ์ประธานเฟดต่อสภาครองเกรส สะท้อนการขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และการลดงบดุลฯไม่ได้เร่งรีบอย่างที่ตลาดวิตก Consensus คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งปลายปีนี้ และ 2 ครั้ง ปีหน้า ดอกเบี้ยจะหยุดที่ 1.75-2% และคงคาดไม่ขึ้นในปี 2019 ส่วนการปรับลดงบดุลจะไม่เริ่มในเดือนนี้ อย่างที่ตลาดกังวลโดยจะเริ่มในเดือน ตค.
(-/0) คาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจโลกสัปดาห์นี้ ไฮไลท์อยู่ที่ จีนรายงาน GDP ชะลอลงใน 2Q17 และส่งออกอินโดนีเซียขยายตัวช้าลง, การประชุม ECB คาดส่งสัญญาณนโยบายการเงินที่เข้มงวดเพิ่มขึ้น(APP program) แต่เงินเฟ้อ EU Area ยังคงอ่อนแอ คาดส่งผลลบต่อจิตวิทยาการลงทุนในสัปดาห์นี้
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค