- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 17 July 2017 17:34
- Hits: 1908
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ผันผวน? ภายใต้ปัจจัยต่างประเทศที่ Sentiment เป็นบวก โดยเฉพาะประเด็นที่เฟดอาจพิจารณาชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดของสหรัฐฯ ยังซบเซา ตามถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น คาดยังส่งผลดีต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานที่คาดมีแรงซื้อกลับเข้ามา ขณะที่แนะติดตามการประชุมของ รมต.กระทรวงน้ำมัน ของประเทศผู้ผลิตน้ำมันทั้งโอเปกและนอกโอเปก ในวันที่ 24/7/60 ซึ่งคาดมีการหารือการปรับลดการผลิตของลิเบียและไนจีเรีย ที่ก่อนหน้าได้รับการยกเว้น
ทางด้านประเด็นในประเทศ (+) แรงเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q60 / เงินปันผล เริ่มจากกลุ่มธนาคาร ประมาณกลางเดือนก.ค. หลังจากนั้นเป็นกลุ่ม Real Sector ถึงกลางเดือนส.ค. ขณะที่คาดกลุ่มหุ้นที่ผลประกอบการ 2Q/60 ดีต่อเนื่อง เช่น TOP, MTLS และ WORK เป็นต้นรวมถึงหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น ITD, CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น ที่คาดได้รับปัจจัยหนุนระยะกลาง – ยาว จากความคืบหน้าที่มีตามลำดับในการทยอยเปิดประมูลโครงการต่างๆ โดยเฉพาะรถไฟทางคู่ เส้นทางหัวหิน – ประจวบฯ ที่จะมีการเปิดซองราคาในวันที่ 27/7/60 นี้
ขณะที่ (+/-) Fund Flow ยังมีความผันผวนจากแรงซื้อ/ขายสุทธิ สลับกัน แนะติดตามค่าเงินบาท ซึ่งเช้านี้กลับมาแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 2 ปี โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 33.72 - 33.74 บาท หลังคาดการณ์เฟดอาจชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากก่อนหน้าคาดเฟดจะพิจารณาขึ้นอีก 1 ครั้งในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ และภายใต้เงินบาทที่แข็งค่า คาดส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น CBG เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK เป็นต้น ขณะที่แนะจับตา NPL ผ่านจุดสูงสุด?
SET SET50 SET100
1,577.79 -1.62 999.30 -0.05 2,246.70 -0.90
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +84.65, NASDAQ +38.03, S&P +11.44, FTSE -35.05, CAC -0.09 และ DAX -9.61
DJIA ปิดทำ New High ติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังสหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) – มิ.ย. ทรงตัว สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% และเพิ่มขึ้น 1.6%YoY ซึ่งน้อยสุดนับแต่ต.ค.’59 และ (2) ยอดค้าปลีก – มิ.ย. ลดลง 0.2% เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และสวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย.
ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายใต้ถ้อยแถลงของประธานเฟด ต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เฟดพร้อมที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด จากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับลดลง แม้ธนาคารรายใหญ่ เช่น เจพีมอร์แกน เชส ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก ได้เปิดเผยผลประกอบการ – 2Q/60 ดีกว่าความคาดหมาย
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. +US$0.46 อยู่ที่US$46.54 ต่อบาร์เรล ยังคงได้รับปัจจัยหนุนจาก IEA ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้ อีก 100,000 บาร์เรล/วัน อยู่ที่ 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน รวมถึงบริษัทเชลล์ได้ประกาศภาวะสุดวิสัยสำหรับการส่งออกน้ำมันดิบบอนนี ไลท์ของไนจีเรีย เนื่องจากมีการปิดท่อส่งน้ำมัน 1 ใน 2 ท่อในประเทศ
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.32 1.90 3.09
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 34,740.29
สถาบัน -491.88
บัญชีหลักทรัพย์ +468.76
ต่างประเทศ +386.44
ในประเทศ -363.32
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
(5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชนที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น
(6) กลุ่มพลังงาน เช่น TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น MONO, WORK
(8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.03 อยู่ที่ 2.32%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.39 อยู่ที่ 9.51
หุ้นแนะนำ : MTLS
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร. 02-684-8788