- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 14 July 2017 16:35
- Hits: 2267
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selection >> CK, DTAC, IRPC
Stock S R Comment
CK 28.25 29.00 รถไฟทางคู่เตรียมทยอยออกในช่วง 2H60 รัฐพร้อมลุยรถไฟความเร็วสูง
DTAC 55.00 57.00 ผลประกอบการน่าอัศจรรย์ใจ จับตา Line Mobile กลยุทธ์การตลาด เจาะฐานลูกค้าคู่แข่ง
IRPC 5.30 5.50 กลับมาเดินเครื่องเต็มไตรมาส
Still no rush for tightening policy
เมื่อคืนวันพฤหัส (13 ก.ค.) นางเยลเลนได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งวุฒิสภา โดยกล่าวว่าขณะนี้อาจเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนแอจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของ Fed ที่ 2% ได้ และ Fed ยังคงแผนที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายและลดขนาดของ Balance sheet อย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯและตลาดเกิดใหม่ปรับตัวสูงขึ้น นางเยลเลนยังได้กล่าวถึงอัตราการเติบโตที่ 3% ของเศรษฐกิจสหรัฐฯว่า เป็นระดับที่น่าชื่นชม แต่ก็มีความท้าทายที่จะบรรลุในเวลาอันสั้น
ทางด้านตลาดการจ้างงาน มีการรายงานตัวเลขยอดขอสวัสดิการว่างงาน (Unemployment claims) ปรับตัวลดลงจาก 2.5 แสนคน เป็น 2.47 แสนคน แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตลาดการจ้างงาน แต่ด้านอัตราค่าจ้างยังคงไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้น จึงยังเป็นประเด็นหลักของการที่ Fed ไม่เร่งรีบดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด (Tightening Monetary Policy)
ในคืนนี้ (14 ก.ค.) ตลาดจับตารอดูการประกาศตัวเลข CPI ของสหรัฐฯ ที่จะส่งสัญญาณทิศทางของอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ
การแถลงครึ่งปีต่อสภาครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของนางเยลเลน เนื่องจากนางเยลเลนจะหมดวาระการเป็นประธาน Fed ในวันที่ 3 ก.พ. 2561 เนื่องจากมีโอกาศที่นางเยลเลนจะไม่ได้รับตำแหน่งในวาระต่อไป ซึ่งประธาน Fed ท่านต่อไปอาจมีโทนการดำเนินนโยบายการเงินที่แตกต่างจากนางเยลเลนและมีผลกระทบต่อ Fund Flow และตลาดหุ้นอย่างแน่นอน
Oil Mixed : ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกราว 1.3% หลังจากที่สำนักงานสารสนเทศการพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) (1) คาดอุปสงค์น้ำมันในปีนี้จะตัวเพิ่มขึ้นอีก 100,000 บาร์เรล/วัน เข้าสู่ระดับ 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ จีนนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 13.8%YoY และกลายเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกแทนที่สหรัฐ และ (2) ประกาศถึงตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯที่ลดลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยนับเป็นการปรับตัวลดลง 2 สัปดาห์ติดต่อกัน นอกจากนี้แม้ว่าความร่วมมือของกลุ่มโอเปกในการปรับลดกำลังการผลิตจะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่เพียง 78% แต่ความร่วมมือของกลุ่มผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกได้ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 82% ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
SEAFCO : แนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" ราคาเป้าหมายปี 61 ที่ 16.00 บาท เนื่องจากคาดผลการดำเนินงาน 2Q60 น่าจะอ่อนตัวทั้ง QoQ และ YoY และอาจกดดันราคาหุ้น แต่ทิศทางรายได้ในอนาคตยังคงสดใส Backlog แข็งแกร่งที่ราว 1,500 ล้านบาท โดยคาดไตรมาส 2 จะมีรายได้รวมอยู่ที่ 405 ล้านบาท (-25%QoQ, -13%YoY) เนื่องจากได้ส่งมอบงานก่อสร้างหลายโครงการไปในช่วงไตรมาส 1 และในไตรมาส 2 อยู่ระหว่างการขนย้ายเครื่องจักรเพื่อเริ่มงานโครงการใหม่ ประกอบกับมีวันหยุดจำนวนมาก ส่งผลให้การรับรู้รายได้ชะลอตัวลง และกดดันอัตราการทำกำไรต้น
DTAC : ถึงแม้ราคาปัจจุบันจะเกินราคาเป้าหมายของเราไปแล้วแต่เรายังคงแนะนำถือที่ราคาเป้าหมาย 50 บาท เนื่องด้วยยังมี Momentum จากการจับมือกับ Line Mobile เจาะฐานลูกค้าคู่แข่ง โดยผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาก มีกำไรสุทธิ 743 ล้านบาท (+224% qoq, +426% yoy) ซึ่งเป็นผลจากค่าใช้จ่ายในการตลาดที่ลดลง
กลยุทธ์การลงทุน : คาดการณ์ SET Index ปรับตัว Sideways ต่อไปในกรอบ 1540 - 1600 จุด เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยที่มีแนวโน้มผลักดันดัชนีไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน แนะนำกลยุทธ์ขึ้นขาย-ลงซื้อตามกรอบแนวต้านแนวรับดังกล่าว และถือหุ้นกลุ่มแนะนำต่อไป ได้แก่
1) กลุ่มสาธารณูปโภค เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความผันผวนต่ำและสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในระดับสูง เลือก BCPG และ WHAUP เป็น Top pick ของกลุ่ม จากแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ ส่วนหุ้นที่มี Dividend Yield ในระดับสูงและคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลคือ GLOW, EGCO, RATCH
2) กลุ่มสินค้าและบริการที่จำเป็น ได้แก่ กลุ่ม Consumer staples (CPALL, BJC) และกลุ่ม Healthcare (BCH, CHG) ที่มีแนวโน้มทนทานต่อภาวะเงินเฟ้อต่ำ
กลุ่มพลังงาน ที่ราคายังคง Laggard ประกอบกับค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เลือก PTT, PTTEP สำหรับกลุ่ม Upstream และ BCP, SPRC, TOP สำหรับกลุ่มโรงกลั่น มองว่าตลาดรับรู้ประเด็น Inventory loss ของกลุ่มในไตรมาส 2/60 ไปพอสมควรแล้ว
แนวรับ 1,571 แนวต้าน 1,588
บทวิเคราะห์วันนี้ :
DTAC (ถือ ราคาเป้าหมาย 50 บาท) ผลประกอบการน่าอัศจรรย์ใจ 743 ล้านบาท
SEAFCO (ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมาย 16 บาท) คาด 2Q60 ชะลอตัวลงทั้ง QoQ และ YoY แต่ทิศทางรายได้ยังสดใส Backlog ในมือแข็งแกร่ง
Today's Event :
DIMET ลูกหุ้นเข้า 426,400 หุ้น
MOONG ลูกหุ้นเข้า 8,539,327 หุ้น
TMC ลูกหุ้นเข้า 11,750 หุ้น
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]
อภิญญา เลิศขจรกิตติ (ID: 50793)
E-mail: [email protected]