- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 13 July 2017 16:48
- Hits: 869
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Smart Pick
1. สะสม TIPCO : ราคาปิด 16.30 บาท ราคาเหมาะสม 22.90 บาท
a) คงมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจสับปะรดกระป๋องกลับมาเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ขณะที่ธุรกิจน้ำดื่มผลไม้จะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากการซื้อหุ้นคืนจาก Santory ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 50% เป็น 100% และการขยายกำลังการผลิตน้ำแร่ออร่าซึ่งเป็นธุรกิจที่มี Margin สูง ตั้งแต่ 3Q61 เป็นต้นไปจะช่วยหนุนการเติบโต
b) คาดกำไรจากธุรกิจหลักจะเติบโตเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้า (CAGR) สูงถึงปีละ 26% สูงกว่า MALEE ที่ 22% และมีมูลค่าแฝงจากมูลค่าเงินลงทุนใน TASCO อิงราคาปิดวานนี้ คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้น TIPCO หุ้นละ 16.80 บาท สูงกว่าราคาในกระดานของ TIPCO
c) Valuation ยังถูก ซื้อขายที่ PER2560 เพียง 10.5 เท่า เทียบกับ MALEE ที่ 21.5 เท่า
2. สะสม SCB : ราคาปิด 157.00 บาท ราคาเหมาะสมอิง Consensus 164.00 บาท **(ยังไม่ได้อยู่ใน Coverage ของเรา)
d) Yuanta คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะ Outperform ตลาด จากเม็ดเงินต่างชาติที่มีโอกาสกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นเอเซียเกิดใหม่อีกครั้ง หลังการแถลงของประธานเฟดเมื่อคืนนี้ส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะค่อยเป็นค่อยไป
e) SCB จะรายงานงบ 2Q60 ในวันที่ 20 ก.ค. โดย Bloomberg Conensus คาดการณ์กำไรที่1.17 หมื่นล้านบาท -8.7% YoY และ -1.8% QoQ และเชื่อว่าตลาดไม่ได้คาดหวังต่อผลประกอบการ 2Q60 มากนัก จึงมีโอกาสที่งบจะออกมาดีกว่าคาดการณ์ของตลาดได้เช่นกัน
f) เป็นหุ้น Laggard ในกลุ่มธนาคาร โดย YTD หุ้น SCB เพิ่มขึ้นเพียง +2.9% เทียบกับ SET BANK +7.6% และคาดการณ์เงินปันผล 1H60 หุ้นละ 1.50 บาท
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX ขึ้นมาทดสอบแนวต้านที่บริเวณ 1575 จุด ปิดที่ 1574.93 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.69 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นราว 5 หมื่นล้านบาท โดยหลักได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มธนาคาร (+1.27%) และมีมูลค่าการซื้อขายราว 17.8% ของการซื้อขายทั้งหมด ด้านกระแสเงินทุนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิราว 466 ล้านบาท สวนทางกับสถาบันภายในประเทศที่ซื้อสุทธิเป็นวันแรกจาก 5 วันทาการราว 1.7 พันล้านบาท ด้านตลาดฟิวเจอร์ส นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long เป็นวันแรกของเดือนราว 8.9 พันสัญญา
ปัจจัยสำคัญวันนี้
กกพ. มีมติปรับเพิ่มค่า Ft งวด ก.ย.- ธ.ค. 60 เป็น -15.9 สตางค์ต่อหน่วย เพิ่มขึ้น 8.87 สตางค์
ประธาน FED ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และลดขนาดงบดุลตามอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่กังวลต่ออัตราเงินเฟ้อที่ต่ากว่า 2% มากขึ้น
EIA รายงาน ปริมาณน้ามันดิบในสต๊อกสหรัฐฯ ลดลงราว 7.6 ล้านบาร์เรล ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะลดลงแค่ 2.9 ล้านบาร์เรล
ติดตามการรายงานมูลค่าการนาเข้า-ส่งออก จีน เช้านี้
ติดตามประธาน Fed แถลงนโยบายทางการเงิน และเศรษฐกิจ ต่อกรรมาธิการของสภาสูงด้านสถาบันการเงินของสหรัฐฯ และรายงาน Beige Book วันนี้
กลยุทธ์วันนี้
เรามอง SET INDEX มีโอกาสขึ้นทดสอบแนว 1580-1585 จุดวันนี้ จาก (1) Sentiment ตลาดหุ้นต่างประเทศที่ดูเป็นบวกส่วนใหญ่ทั้งเยอรมัน +1.5%, ฝรั่งเศส +1.6%, ดาว โจนส์ +0.6%, S&P500 +0.7% (2) ราคาน้ามันดิบที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังจากสหรัฐฯรายงานสต๊อคน้ามันดิบรายสัปดาห์ลดลงมากถึง 7.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ระดับ 2.9 ล้านบาร์เรล (3) แรงเก็งกาไรผลประกอบการ 2Q60 เราประเมินว่า ระยะกลาง SET INDEX จะผ่านแนวต้านใหญ่ 1600 จุดได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของธนาคารขนาดใหญ่ ซึ่งจะทยอยประกาศออกมาในช่วงสัปดาห์หน้าเป็นสาคัญ
ถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส แสดงความกังวลต่อเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่าและจะดาเนินนโยบายการเงินตึงตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป การขึ้นดอกเบี้ยน่าจะเหลืออีกเพียง 1 ครั้งในปีนี้ ด้านการลดขนาดงบดุลน่าจะเกิดขึ้นภายในปีนี้ สอดคล้องกับคาดการณ์ของตลาด ส่งผลให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาดตราสารหนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี จึงลดลงจาก 2.36% เหลือ 2.32%
กลยุทธ์ Selective Buy หุ้น Domestic Plays โดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่ที่ราคายังขยับขึ้นน้อยกว่ากลุ่มฯ (Laggard) และจ่ายปันผลระหว่างกาล รวมถึง หุ้นขนาดกลาง-เล็ก ที่มีความโดดเด่นในแง่ของการเติบโตของกาไรและ Valuation
Strategist Team
Mayuree Chowvikran
Head of Research
662-680-2577
Padon Vannarat
Senior Strategist
662-680-2578
Piyapat Patarapuvadol
Strategist
662-680-2944
Nutt Treepoonsuk
Assistant Strategist